วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันดีดตัวตื่นขึ้นมาจากเตียง แล้วยืนรออยู่หน้ารั้วบ้านของตัวเอง เพียงเพื่อรอเจ้าชายขี่บิ๊กไบค์ออกมา
และในที่สุดเสียงของท่อรถบิ๊กไบค์ก็ดังขึ้นมา ไม่ช้าพี่น้ำพุก็ขับรถออกมาจากบ้านของเขาแล้วจอดสนิทอยู่หน้าประตูรั้วบ้านเขาเอง ก่อนที่ร่างสูงจะตวัดเรียวขาลงพื้น ยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินไปปิดประตูรั้วบ้านของเขาเหมือนเมื่อวาน
"จะไปเรียนแล้วเหรอคะ?" ฉันสาวเท้าเข้าไปหาแล้วเสนอหน้า เอ้ย! ยื่นหน้าเข้าไปถาม
คนตัวโตยกยิ้มขึ้นบางๆ สายตาที่ดูอบอุ่นจ้องมองมาที่ฉัน จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเหมือนอย่างเคย
"ครับ วันนี้ก็จะเดินไปที่ป้ายรถเมล์อีกแล้วเหรอ?"
"ใช่ค่ะ ก็คงต้องหวังว่าจะไปทันรถเมล์ นี่ก็จะสายแล้วด้วยสิ" ฉันทำทียกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา แล้วพูดเสียงอ่อนหน้าสงสาร ทว่าความจริงแล้วฉันตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง แล้วมายืนรอเขาที่หน้าบ้านมาเกือบชั่วโมง ถ้าเกิดว่าฉันไม่ได้มารอเขา ตอนนี้ฉันคงเดินไปถึงป้ายรถเมล์แล้ว เผลอๆ เดินไปถึงโรงเรียนแล้วด้วยซ้ำ
"ให้พี่ไปส่งไหม ยังไงพี่ก็ผ่านทางโรงเรียนเราอยู่ดี"
"จริงเหรอคะ ว้าว~ ดีสุดๆ ไปเลยค่ะ" ฉันปรบมือฉีกยิ้มดีใจอย่างปิดไม่มิด พี่น้ำพุยื่นหมวกกันน็อคใบโตของเขามาสวมให้ฉัน ใบหน้าหล่อโน้มลงมาใกล้ๆ เพื่อช่วยฉันสวมหมวกกันน็อคได้ถนัด
ให้ตายสิ บนโลกนี้มีผู้ชายหล่อไส้ลากแบบนี้อยู่ทั้งที ทำไมสวรรค์ถึงเหวี่ยงเขามาหาฉันช้าจัง
"อึดอัดหรือเปล่า?" ใบหน้าหล่อผละออกห่างเพียงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะลากสายตาขึ้นมามองหน้าฉันแทน
"มะ ไม่ค่ะ"
"ขึ้นมาสิ เดี๋ยวสายเอานะ" พี่น้ำพุตวัดขาขึ้นคร่อมรถด้วยความชำนาญ เขายกยิ้มขึ้นถามอย่างขบขัน ที่ยังเห็นฉันเอาแต่จ้องหน้าเขาอ้าปากค้างทำหน้าเอ๋ออยู่
กว่าจะถึงโรงเรียนพี่น้ำพุขับปาดซ้ายปาดขวา จนฉันนี่ต้องทำตัวลีบเพราะกลัวว่าไขมันตัวเองจะไปกระแทกรถคันข้างๆ จนกระเด็นกระดอน เดี๋ยวก็เกิดอุบัติเหตุเพราะไขมันฉันแล้วมันจะยุ่งเอา
"ขอบคุณนะคะพี่พุ" ฉันปีนลงจากรถคันโตของเขาแล้วเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มหวาน
"ครับ เอ่อ...นี่ถอดหมวกก่อน" ก่อนที่ฉันจะหมุนตัวเข้าไปในรั้วโรงเรียน พี่น้ำพุก็ร้องเรียกพร้อมกับใช้นิ้วมือหนาของเขาชี้ไปยังศีรษะของตัวเอง เป็นเชิงบอกว่าให้ฉันถอดหมวกที่สวมเอาไว้บนศีรษะออก
"อุ้ย! ลืมเลยค่ะ" ฉันรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาเขาอีกครั้ง แล้วพยายามจะปลดล็อดสายหมวกกันน็อกออก
ทว่าคนตรงหน้าคงจะสังเวชกับท่าทางเก้ๆ กังๆ ของฉันมากกว่า ถึงได้ยื่นมือมาช่วยฉันถอดอีกแรง
สัมผัสอุ่นๆ ผ่านมือหนาที่วางทับลงบนหลังมือของฉันเล่นเอาฉันตัวแข็งทื่อ ราวกับคนถูกสาป ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีพี่น้ำพุก็ถอดหมวกกันน็อคออกจากศีรษะฉันแล้วเรียบร้อย
"ตั้งใจเรียนนะครับ" คนตัวโตยิ้มบอกอย่างใจดี แต่กลับไม่ใจเต้นเท่ากับตอนที่เขาวางมือใหญ่ลงบนกลุ่มผมของฉันด้วยสายตาอบอุ่นแบบนั้นเลย
"ต้องตั้งใจแน่นอนค่ะ" ฉันตกปากรับคำอย่างหนักแน่น ขนาดที่ว่าแม่คอยบอกคอยสอนมาตั้งแต่เกิดว่าให้ตั้งใจเรียน ฉันยังไม่เคยรู้สึกกระตือรือร้นขนาดนี้มาก่อนเลย แต่พอผู้ชายบอกครั้งเดียวน่ะเหรอ?...
หึ ก็ต้องเชื่อผู้ชายอยู่แล้วป่ะ
"หึ~ ต้องทำหน้าจริงขนาดนั้นเลย" พี่น้ำพุกลั้วหัวเราะทันทีที่ฉันตอบออกไปแบบนั้น
"เซียจริงจังจริงใจนะคะ เผื่อพี่พุไม่รู้" ว่าแล้วก็หยอดไปหนึ่งกรุบ
"โอเค พี่เชื่อครับ งั้นพี่ไปก่อนนะ"
"ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ" ฉันโบกมือบ๊ายบายจนกระทั่งเขาเคลื่อนรถออกไปสู่ถนนใหญ่
ฉันหันไปมองแผ่นหลังที่ไกลออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง...
โป๊ก! เสียงดังสนั่นราวกับฟ้าถล่ม ทำเอาเหล่านักเรียนที่กำลังจะย่างเท้าเข้าไปในโรงเรียน ต้องหันมามองที่ฉันกันเป็นตาเดียว
"อู้ววว~ เจ็บง่ะ" ฉันลูบหน้าผากตัวเองปอยๆ แล้วลืมตามองสิ่งที่ประทุษร้ายฉันเข้าเต็มๆ
ป้ายโฆษณาอันใหญ่ที่ขวางทางอยู่ตรงหน้า ทำเอาฉันอยากจะหาไฟแช็กมาเผาซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่ไม่เป็นไรคนสวยย่อมชนะความโกรธ
ฉันสะบัดผมไปยังด้านหลังแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเองอีกครั้ง...
นี่สินะเขาถึงบอกว่าความรักทำให้คนตาบอด เกิดมาก็เพิ่งเจอกับตัวเข้าจังๆ นี่แหละ ตาไม่บอดก็ให้มันรู้ไปแผ่นป้ายออกจะใหญ่กลับมองไม่เห็น ความรักนี่ชังบังตาฉันเสียจริง
ความรักบังตาได้รุนแรงจังนะยัยน้อง บังอีกนิดก็จะเข้าโรงบาลแล้ว