ความรักบังตา

911 Words
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันดีดตัวตื่นขึ้นมาจากเตียง​ แล้วยืนรออยู่หน้ารั้วบ้านของตัวเอง​ เพียงเพื่อรอเจ้าชายขี่บิ๊กไบค์ออกมา และในที่สุดเสียงของท่อรถบิ๊กไบค์ก็ดังขึ้นมา​ ไม่ช้าพี่น้ำพุก็ขับรถออกมาจากบ้านของเขาแล้วจอดสนิทอยู่หน้าประตูรั้วบ้านเขาเอง​ ก่อนที่ร่างสูงจะตวัดเรียวขาลงพื้น​ ยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินไปปิดประตูรั้วบ้านของเขาเหมือนเมื่อวาน "จะไปเรียนแล้วเหรอคะ?" ฉันสาวเท้าเข้าไปหาแล้วเสนอหน้า​ เอ้ย!​ ยื่นหน้าเข้าไปถาม คนตัวโตยกยิ้มขึ้นบางๆ​ สายตาที่ดูอบอุ่นจ้องมองมาที่ฉัน​ จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเหมือนอย่างเคย "ครับ​ วันนี้ก็จะเดินไปที่ป้ายรถเมล์อีกแล้วเหรอ?" "ใช่ค่ะ​ ก็คงต้องหวังว่าจะไปทันรถเมล์​ นี่ก็จะสายแล้วด้วยสิ" ฉันทำทียกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา​ แล้วพูดเสียงอ่อนหน้าสงสาร​ ทว่าความจริงแล้วฉันตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง​ แล้วมายืนรอเขาที่หน้าบ้านมาเกือบชั่วโมง​ ถ้าเกิดว่าฉันไม่ได้มารอเขา​ ตอนนี้ฉันคงเดินไปถึงป้ายรถเมล์แล้ว​ เผลอๆ​ เดินไปถึงโรงเรียนแล้วด้วยซ้ำ "ให้พี่ไปส่งไหม​ ยังไงพี่ก็ผ่านทางโรงเรียนเราอยู่ดี" "จริงเหรอคะ​ ว้าว​~ ดีสุดๆ​ ไปเลยค่ะ" ฉันปรบมือฉีกยิ้มดีใจอย่างปิดไม่มิด​ พี่น้ำพุยื่นหมวกกันน็อคใบโตของเขามาสวมให้ฉัน​ ใบหน้าหล่อโน้มลงมาใกล้ๆ​ เพื่อ​ช่วยฉันสวมหมวกกันน็อคได้ถนัด ให้ตายสิ​ บนโลกนี้มีผู้ชายหล่อไส้ลากแบบนี้อยู่ทั้งที​ ทำไมสวรรค์​ถึงเหวี่ยงเขามาหาฉันช้าจัง "อึดอัดหรือเปล่า?" ใบหน้าหล่อผละออกห่างเพียงเล็กน้อย​ ก่อนที่เขาจะลากสายตาขึ้นมามองหน้าฉัน​แทน "มะ​ ไม่ค่ะ" "ขึ้นมาสิ​ เดี๋ยวสายเอานะ" พี่น้ำพุตวัดขาขึ้นคร่อมรถด้วยความชำนาญ​ เขายกยิ้มขึ้นถามอย่างขบขัน​ ที่ยังเห็นฉันเอาแต่จ้องหน้าเขาอ้าปากค้างทำหน้าเอ๋ออยู่ กว่าจะถึงโรงเรียนพี่น้ำพุขับปาดซ้ายปาดขวา​ จนฉันนี่ต้องทำตัวลีบเพราะกลัวว่าไขมันตัวเองจะไปกระแทกรถคันข้างๆ​ จนกระเด็นกระดอน​ เดี๋ยวก็เกิดอุบัติเหตุ​เพราะไขมันฉันแล้วมันจะยุ่งเอา "ขอบคุณนะคะพี่พุ" ฉันปีนลงจากรถคันโตของเขาแล้วเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มหวาน "ครับ​ เอ่อ...นี่ถอดหมวกก่อน" ก่อนที่ฉันจะหมุนตัวเข้าไปในรั้วโรงเรียน​ พี่น้ำพุก็ร้องเรียกพร้อมกับใช้นิ้วมือหนาของเขาชี้ไปยังศีรษะของตัวเอง เป็นเชิงบอกว่าให้ฉันถอดหมวกที่สวมเอาไว้บนศีรษะ​ออก "อุ้ย!​ ลืมเลยค่ะ" ฉันรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาเขาอีกครั้ง​ แล้วพยายามจะปลดล็อดสายหมวกกันน็อกออก ทว่าคนตรงหน้าคงจะสังเวชกับท่าทางเก้ๆ​ กังๆ​ ของฉันมากกว่า​ ถึงได้ยื่นมือมาช่วยฉันถอดอีกแรง สัมผัสอุ่นๆ​ ผ่านมือหนาที่วางทับลงบนหลังมือของฉันเล่นเอาฉันตัวแข็งทื่อ​ ราวกับคนถูกสาป​ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน​ รู้ตัวอีกทีพี่น้ำพุก็ถอดหมวกกันน็อคออกจากศีรษะฉันแล้วเรียบร้อย "ตั้งใจเรียนนะครับ" คนตัวโตยิ้มบอกอย่างใจดี​ แต่กลับไม่ใจเต้นเท่ากับตอนที่เขาวางมือใหญ่ลงบนกลุ่มผมของฉันด้วยสายตาอบอุ่นแบบนั้นเลย "ต้องตั้งใจแน่นอนค่ะ" ฉันตกปากรับคำอย่างหนักแน่น​ ขนาดที่ว่าแม่คอยบอกคอยสอนมาตั้งแต่เกิดว่าให้ตั้งใจเรียน​ ฉันยังไม่เคยรู้สึกกระตือรือร้น​ขนาดนี้มาก่อนเลย​ แต่พอผู้ชายบอกครั้งเดียวน่ะเหรอ?... หึ​ ก็ต้องเชื่อผู้ชายอยู่แล้วป่ะ "หึ~ ต้องทำหน้าจริงขนาดนั้นเลย" พี่น้ำพุกลั้วหัวเราะทันทีที่ฉันตอบออกไปแบบนั้น "เซียจริงจังจริงใจนะคะ​ เผื่อพี่พุไม่รู้" ว่าแล้วก็หยอดไปหนึ่งกรุบ "โอเค​ พี่เชื่อครับ​ งั้นพี่ไปก่อนนะ" "ค่ะ​ ขับรถดีๆ​ นะคะ" ฉันโบกมือบ๊ายบายจนกระทั่งเขาเคลื่อนรถออกไปสู่ถนนใหญ่​ ฉันหันไปมองแผ่นหลังที่ไกลออกไปเรื่อยๆ​ จนกระทั่ง... โป๊ก!​ เสียงดังสนั่นราวกับฟ้าถล่ม​ ทำเอาเหล่านักเรียนที่กำลังจะย่างเท้าเข้าไปในโรงเรียน ต้องหันมามองที่ฉันกันเป็นตาเดียว "อู้ววว~ เจ็บง่ะ" ฉันลูบหน้าผากตัวเองปอยๆ​ แล้วลืมตามองสิ่งที่ประทุษร้าย​ฉันเข้าเต็มๆ ป้ายโฆษณา​อันใหญ่ที่ขวางทางอยู่ตรงหน้า​ ทำเอาฉันอยากจะหาไฟแช็ก​มาเผาซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่ไม่เป็นไรคนสวยย่อมชนะความโกรธ ฉันสะบัดผมไปยังด้านหลังแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ​ เพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเองอีกครั้ง... นี่สินะเขาถึงบอกว่าความรักทำให้คนตาบอด​ เกิดมาก็เพิ่งเจอกับตัวเข้าจังๆ​ นี่แหละ​ ตาไม่บอดก็ให้มันรู้ไปแผ่นป้ายออกจะใหญ่กลับมองไม่เห็น​ ความรักนี่ชังบังตาฉันเสียจริง ความรักบังตาได้รุนแรงจังนะยัยน้อง​ บังอีกนิดก็จะเข้าโรงบาลแล้ว ​​​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD