"....." ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นเมื่ออีกคนยังเงียบอยู่
ฉันค่อยๆ ก้มหน้าลงมองพื้น เมื่อเห็นสายตาของเขาที่ดูว่างเปล่าทอดมองมาที่ฉันนิ่งๆ จะบอกว่ากลัวก็คงจะไม่ผิด เพราะฉันไม่ได้คาดคิดว่าได้รับความเงียบตอบกลับมาแบบนี้
"ถ้าพี่พุยังตอบไม่ได้ตอนนี้ ก็เก็บไปคิดดูนะคะ"
"ไม่ใช่ตอบไม่ได้หรอก พี่แค่ไม่รู้ว่าจะบอกเราว่ายังไงดี" น้ำเสียงที่เคยฟังดูอ่อนโยน ทว่าตอนนี้กลับราบเรียบไร้ความรู้สึกขึ้นมาดื้อๆ รอยยิ้มที่เคยปรากฏกลับจางหายไปจากใบหน้าของเขา ถูกแทนที่ด้วยความเย็นชาขึ้นมาเพียงนิด
"....."
"พี่ว่าเรายังเด็กเกินไปนะ อีกอย่างคือพี่ไม่ได้คิดกับเราแบบนั้น"
"งั้นเหรอคะ" ฉันเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยซ้ำ ตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียงตัวเองสั่นมากแค่ไหน แต่ถ้าขืนฉันมองหน้าเขาตรงๆ ตอนนี้น้ำตาคงได้ไหลออกมาแน่
และฉันก็ไม่อยากดูเป็นคนโง่ต่อหน้าเขาด้วย
"ขอโทษนะ แต่เราเป็นเหมือนน้องสาวพี่มากกว่าที่พี่จะคิดแบบนั้นได้"
"ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ"
"เราโอเคหรือเปล่า?" น้ำเสียงที่ฟังดูเป็นห่วงกัน ทำให้ฉันรีบส่ายหน้าบอกเขาเป็นการปฏิเสธ ให้อีกฝ่ายได้สบายใจ
"โอเคสิคะ ทำไมเซียจะไม่โอเค" โอเคบ้าอะไร มีใครโอเคกับการที่ตัวเองต้องเสียใจด้วยเหรอ? น้ำตาเอ่อขึ้นขอบตาแทบจะร่วงหล่นลงมาอยู่แล้ว
ก็คิดอยู่หรอกว่าถ้าโดนปฏิเสธจะเสียใจมากสักแค่ไหนกันเชียว แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะเจ็บมากขนาดนี้
"ยังไงเราก็ยังพูดคุยกันเหมือนเดิมได้ใช่ไหม เราคงไม่ได้เกลียดพี่ไปแล้วหรอกนะ"
"....."
"ทำแบบนั้นได้ไหมครับ" ฝ่ามือหนาวางลงบนศีรษะเล็กของฉันเบาๆ คล้ายกับกำลังปลอบโยนกัน
"อื้อ ได้สิคะ" ฉันเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าแล้วฉีกยิ้มออกมาตาหยี ราวกับตัวเองไม่ได้เสียใจอะไรเลยสักนิด
"ขอบคุณนะ พี่ซื้อนี่มาให้ด้วย" พี่น้ำพุยื่นเค้กหนึ่งก้อนเล็กมาให้ฉัน แบบเดียวกันกับที่ขายในร้านคาเฟ่น่ารักๆ
"ว้าว น่าทานจังเลยค่ะ เซียจะทานให้หมดเลย" ฉันรับมาด้วยมือสั่นเทา แต่ใบหน้าก็ยังแย้มยิ้มส่งให้เขาอยู่อย่างนั้น
"ดีใจที่ชอบนะครับ"
"งั้นเซียกลับก่อนนะคะ" ฉันเม้มปากแล้วพ่นลมหายใจออก ก่อนจะเอ่ยบอกกับเขา
"....."
พี่น้ำพุพยักหน้ารับเป็นการเข้าใจ ฉันถึงได้หมุนตัวเดินกลับ ทว่าเดินได้เพียงแค่สามก้าวเท่านั้น ฉันก็หันไปฉีกยิ้มร่าให้เขาเหมือนอย่างเช่นทุกที ก่อนจะเอ่ยบอกประโยคนี้ออกไป ทำให้คนตัวโตที่รอฟังอยู่ต้องยกยิ้มขึ้นบางๆ
"พี่พุคะ... วันนี้ก็หล่อมากนะคะ" เพียงแค่นั้นฉันก็หันกลับมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย เพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันร้องไห้ ฉันเลยเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น กลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้มันหลุดออกมาให้คนข้างหลังได้ยิน
บานประตูห้องนอนถูกปิดลง พร้อมกับร่างเล็กที่ทรุดตัวลงนั่งพิงบานประตูภายในห้องตัวเอง เค้กในมือถูกกอดแนบอกราวกับของสิ่งนั้นมันเป็นของล้ำค่าที่สุดในชีวิต น้ำตาที่พลั่งพรูออกมาโดยไม่กลั้นเอาไว้ เสียงสะอื้นไห้ที่ดังแข่งกับเครื่องปรับอากาศยังคงก่อตัวขึ้นราวกับโลกนี้มีแค่ฉันอยู่เพียงลำพัง
"ฮึก~ เจ็บจัง" ฉันเปร่งเสียงออกมาอย่างอู้อี้จากการร้องไห้ มือเล็กทุบลงตรงกลางอกข้างซ้ายซ้ำๆ เผื่อว่ามันจะบรรเทาอาการเจ็บข้างในให้มาเจ็บที่ภายนอกแทนได้
ตอนที่บอกว่าไม่เป็นไร ในใจกลับก้องดังว่าเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว ในตอนที่ฉันยิ้มข้างในกลับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
ฉันปาดน้ำตาทิ้งออกอย่างลวกๆ แล้วแกะเค้กที่พี่น้ำพุให้มากินเข้าไปทั้งน้ำตา
"ฮึก ฮื้ออ~ อร่อยจัง" แม้ว่าเค้กจะหวานนุ่มลิ้นมากแค่ไหน มันก็ยังไม่ดับความเศร้าให้จางลงได้เลย
เค้กถูกป้อนเข้าปากจากมือของฉันเอง ไม่สนว่าตอนนี้มันจะเลอะเทอะมากแค่ไหน ในเมื่อสัญญากับเขาไว้แล้วว่าจะกินให้หมดฉันก็จะทำให้ได้ตามที่พูด
ถึงเค้กจะหมดแต่น้ำตาฉันก็ยังไม่ยอมหยุดไหลง่ายๆ เลยสักนิด อยากจะร้องไห้ให้พอใจ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะได้ไม่ต้องเสียใจอีกแล้ว
ฉันอยากจะลืมความรู้สึกที่เจ็บปวด แต่ไร้ซึ่งบาดแผลแบบนี้เร็วๆ มันไม่สนุกเลย ทำไมฉันถึงไม่คิดให้ดีก่อนว่าตัวเองจะต้องมานั่งร้องไห้อยู่แบบนี้คนเดียว
วันต่อมา...
ไม่รู้ว่าเมื่อคืนฉันเผลอหลับไปตอนไหน ที่แน่ๆ ตื่นมาก็ปวดหัวและตาบวมเหมือนโดนผึ้งต่อย โชคดีที่พ่อกับแม่ไปต่างจังหวัด3-4 วัน ฉันเลยไม่ต้องหาข้ออ้างในการนอนซมอยู่บนเตียง
ตอนนี้เกือบจะบ่ายสามแล้วฉันเลยออกมานั่งสูดอากาศ มองท้องฟ้าสดใสที่ระเบียงห้อง ทว่าสายตาไม่รักดีกลับเหลือบไปมองเห็นร่างสูงของใครบางคนที่กำลังเดินยิ้มแย้มอยู่ แต่มันจะไม่ทำให้ฉันหัวใจกระตุกแรงได้เท่ากับที่ พี่น้ำพุกำลังเดินไปหาใครบางคนที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งในสนามบ้านของเขา
ผู้หญิงผมยาวที่ดูน่ารักก็ส่งยิ้มตอบทันที ที่มือใหญ่ของพี่น้ำพุยื่นไปลูบศีรษะของเธอด้วย เห็นแบบนั้นฉันก็เอามือตัวเองลูบกลุ่มผมตัวเองเหมือนที่พี่น้ำพุทำกับอีกคน ฉันหลงคิดว่าเขาทำกับฉันเป็นพิเศษซะอีก
ภาพการหยอกล้อของทั้งสองคน ทำเอาน้ำตาที่เหือดแห้งกลับก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าฉันเด็กเกินไปหรอก แต่เพราะว่าฉันไม่ใช่คนที่เขาชอบที่สุดต่างหาก
"เฮียพุ แกล้งบีอีกแล้วนะ"
"ไม่แกล้งบีจะให้เฮียแกล้งใคร ก็มีบีอยู่คนเดียวนี่" เสียงที่ฟังดูอบอุ่นในตอนที่พูดกับฉัน ตอนนี้เขาก็ยังใช้มันกับคนอื่น
ถึงรู้ว่าฉันจะไม่มีสิทธิ์จะมาหวงการกระทำของเขาก็เถอะ แต่อย่างน้อยฉันก็อยากให้เขาคิดว่าฉันพิเศษกว่าใครคนนั้นบ้าง ทำไมฉันถึงได้เอาแต่ใจแล้วอยากเรียกร้องในสิ่งที่ไม่ใช่ของๆ ตัวเองด้วย
"เด็กคนอื่นก็มีเยอะแยะ ไม่มีบีเฮียจะทำไง"
"เฮียคงเหงาแย่" ถ้าไม่มีเซียพี่พุจะเหงาไหม? ฉันเองก็อยากถามคำถามนั้นเหมือนกัน แต่พอเป็นฉันทำไมทุกอย่างดูยากไปหมดเลย
ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจลุกเดินออกจากระเบียง สายตาคมของร่างสูงก็เบือนสายตาหันกลับมาสบตากับฉันโดยไม่ได้ตั้งใจ มุมปากหยักยกยิ้มขึ้นทันทีที่เขาเห็นว่าฉันเองก็กำลังมองเขาอยู่ มือหนายกขึ้นโบกเป็นการทักทาย ส่วนฉันก็ทำได้เพียงโบกมือกลับแล้วหมุนตัวเข้าห้องปิดประตูระเบียง แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงของตัวเอง
เมื่อวานว่าเจ็บแล้ววันนี้ยังเจ็บกว่าเมื่อวานอีก..
จะต้องให้ฉันร้องไห้อีกนานแค่ไหน อีกกี่วันกี่อาทิตย์มันถึงจะหายจากความเจ็บปวดนี่สักที ยิ่งไม่อยากเจอก็ยิ่งเจอ ไม่อยากรับรู้กลับได้ยินทุกอย่าง การอกหักแล้วจะอยู่เงียบๆ คนเดียวมันยากเย็นอะไรขนาดนี้
อยากนอนหลับแล้วตื่นขึ้นมาในอีกวัน แล้วฉันจะกลับมาเป็นซีเซียคนเดิม
คนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง....