ซันเซสจ้องตาหญิงสาวนิ่ง “เธอจำไม่ได้หรือไง เธอเป็นนักโทษข้อหาร้ายแรง”
“ข้อหาที่คุณยัดเยียด กรุณาพูดให้จบด้วย” หญิงสาวต่อประโยคให้เขา
“ที่ฉันไม่จับเธอส่งทางการ คิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้วนะ ถ้าไม่รับข้อเสนอ ก็รับแขนข้างซ้ายของเดลล่าออกไปด้วย จากนั้นก็หนีตํารวจให้พ้น” ชายหนุ่มขู่อีกครั้ง
จากสิ่งที่เขาสัมผัส สายตาของเธอแน่วนิ่งไม่มีแววหวาดกลัวสักนิด แต่ดวงตาคู่นั้นจะสลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเขาบอกว่าจะทำร้ายเดลล่า นั่นก็หมายความว่า เธอมีความห่วงมากกว่าความกลัว และเดลล่าต้องเป็นคนสำคัญของเธอ
หญิงสาวจ้องหน้าเขานิ่ง แม้เป็นการยอมรับ แต่สายตาของเธอก็จงใจประกาศให้เขารู้ว่าเธอจะไม่ยอมทุกอย่างเด็ดขาด
ชายหนุ่มกลับยักคิ้วให้เธออย่างจงใจยั่ว เขาชักเริ่มสนุกกับการต่อปากต่อคำกับเธอ บอดีการ์ดที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นเจ้านายยิ้มบ่อยๆ ก็แปลกใจไปด้วย เขากำลังคิดจะทำอะไรอยู่
ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นยืน “ถ้าเธอพร้อมก็ตามฉันมา แต่ถ้าเลือกที่จะเดินออกไป ฉันก็พร้อมที่จะทำตามที่พูดเช่นกัน”
หญิงสาวยืนมองแผ่นหลังของเขาอย่างลังเลใจ สายตานับสิบคู่ของบอดีการ์ดยังจับจ้องอยู่ที่เธอไม่วางตา พวกเขายังยืนนิ่งไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน
สิตมนยอมเดินตามเขาไป ไม่มีทางเลือกสำหรับเธอจริงๆ ซันเซสแอบปรายตามองข้างหลัง เมื่อเห็นเธอก้าวตามมา เขาก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
ชายหนุ่มหันกลับมาหาเธอ พร้อมทั้งแบมือขอ
“ขอกระเป๋าและโทรศัพท์ของเธอด้วย”
“เอาไปทำไม”
“เธอไม่มีสิทธิ์ถาม หรือแม้แต่จะคัดค้าน นอกจากทำตามคำสั่ง” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงกระด้าง ดวงตาคู่คมจ้องลึกอย่างเอาเรื่อง ไม่มีทางเลือกสำหรับเธอ หญิงสาวยอมยื่นกระเป๋าของเธอให้เขา
เขาเปิดกระเป๋าเธอ เก็บพาสปอร์ตกับกระเป๋าสตางค์ของเธอไว้กับตัว และยื่นกระเป๋าใบนั้นให้บอดีการ์ดหนุ่ม แทนที่จะส่งกลับให้เธอ
“เอากระเป๋าใบนี้และของใช้ทั้งหมดของเธอไปเผาทำลายให้หมด” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม คนรับคำสั่งรีบโค้งรับ สิตมนอ้าปากหวอ เบิกตากว้างอย่างตกใจ
“นั่นมันของส่วนตัว สิทธิส่วนบุคคลรู้จักหรือเปล่า” หญิงสาวโวยวาย
“หึ!” ชายหนุ่มคำรามในลำคอ “แต่นี่เป็นพื้นที่ของฉัน อาณาจักรของฉัน ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรกับของพวกนั้นก็ได้ หากว่าฉันสงสัยว่ามันจะเป็นอันตราย”
“มันก็แค่เสื้อผ้ากับโทรศัพท์ คุณเผาทิ้งแล้วฉันจะใช้อะไร”
“โทรศัพท์เป็นสิ่งที่ฉันต้องทำลายโดยด่วนที่สุด หากในนั้นมีการฝัง ไมโครชิปหรือเทคโนโลยีสื่อสารใดๆ เอาไว้เพื่อสอดแนมหาข้อมูล”
“คงจะทำเลวกับคนอื่นเอาไว้เยอะ ถึงได้กลัวแม้กระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉัน น่าตลกสิ้นดี... คำว่ามาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ที่พ่วงท้ายชื่อของคุณอยู่ไม่ได้ช่วยให้คุณองอาจในสายตาของฉันสักนิด”
“เธอจะว่ายังไงก็แล้วแต่ มันเป็นสิทธิ์ของเธอ” ชายหนุ่มบอกเธอและหันไปสั่งลูกน้องเพิ่ม
“ซื้อของใช้ส่วนตัวมาให้เธอใหม่ด้วย รวมทั้งชุดชั้นใน” ชายหนุ่มสั่งย้ำในประโยคหลังด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวเห่อแดงขึ้น ผู้ชายจะต้องไปซื้อชุดชั้นในให้เธอ
ซันเซสหรี่ตามองหญิงสาว สำรวจเรือนร่างเธอด้วยสายตา และถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เธออยากจะสั่งไซซ์อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า บอกพวกเขาได้... แต่มองแค่นี้พวกเขาก็คงเดาได้ไม่ยาก”
ใบหน้าของหญิงสาวเห่อแดง ทั้งโกรธและอายในเวลาเดียวกัน เธอ ขบเม้มริมฝีปากแน่นอย่างอดกลั้น ทั้งที่เธออยากต่อว่าเขาให้เจ็บแสบ แต่ก็ทำได้เพียงแค่เหน็บแนม “ถ้ามาเฟียอย่างพวกคุณบอกว่าเก่งเรื่องพวกนี้ ฉันก็จะรอดูผลงาน”
“ไปจัดการด้วย” สั่งเสร็จเขาก็เดินไปยังห้องนอนของตัวเอง
หญิงสาวพ่นคำด่าตามหลังมาตลอดทาง ‘มาเฟียจอมเผด็จการ อันธพาล รังแกผู้หญิง’
ชายหนุ่มพาหญิงสาวเข้ามาหาเดลล่าในห้องสุดหรูที่อยู่ชั้นสองของตึก ประตูบานใหญ่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา เธอสังเกตเห็นปุ่มมากมายราวแผงวงจรอยู่หน้าห้อง หญิงสาวกวาดสายตามองโดยรอบ ห้องนี้มีม่านกระจกบานใหญ่ทอดไปตามแนวยาวของคฤหาสน์
สิตมนสามารถมองเห็นสนามหญ้าและสวนดอกไม้ แม้ยังยืนอยู่หน้าห้องไม่ได้เดินเข้าไปใกล้กระจก หลังกระจกอีกด้านของสวนเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่หรูหรา
ห้องโล่งๆ ที่ตกแต่งตามสไตล์ผู้ชายแท้ ทุกอย่างออกมาในโทนเทาเข้มเสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีเพียงเตียงกว้างกลางห้องที่เป็นสีขาวสะอาดตาทั้งชุด ตรงกลางเตียงมีผ้าสีชมพูห่อหุ้มตัวเด็กเอาไว้เด่นชัดเจน
หญิงสาวรีบถลาเข้าไปหาเธอด้วยความคิดถึง เธอพลิกตัวเดลล่า หาร่องรอยการถูกทำร้าย เมื่อพบว่าไม่มีก็โล่งใจ ก้มลงพรมจูบบนหน้าผากและพวงแก้มนุ่มหลายครั้ง ทั้งที่เดลล่ายังนอนหลับสนิทบนเตียงกว้างของเขา
“หนูยังสบายดีนะเดลล่า มี้มาหาหนูแล้ว เราได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ” หญิงสาวแนบใบหน้าของเธอกับแก้มของเดลล่า กระซิบบอกเสียงเบา เมื่อเห็นใบหน้าหนูน้อยเธอก็อดคิดถึงแม่ของเดลล่าไม่ได้
น้ำตาของหญิงสาวไหลหยดลงบนผ้าคลุมตัวของเดลล่า โดยที่คนยืนมองไม่มีโอกาสได้เห็น ชายหนุ่มสังเกตอากัปกิริยาของเธออยู่ห่างๆ เขาเผลออมยิ้มออกมา
ชายหนุ่มปรับสีหน้าให้กลับมาเรียบนิ่ง เคร่งขรึมเหมือนเดิม จากนั้นเขาก็สั่งเสียงเข้ม
“เธอก็อยู่ในห้องนี้ ที่นี่มีทุกอย่าง ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมก็กดปุ่มเรียกคนด้านนอก ฉันต้องออกไปทำงานของฉันสักที” เขาสั่งเธอและเดินออกไปจากห้อง รู้สึกโล่งใจเมื่อมีคนมาอยู่กับเดลล่า เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครสามารถอยู่กับเธอได้สักคนยกเว้นเขา
กลายเป็นว่าช่วงระยะเวลาสามสี่วันที่ผ่านมา เขาต้องเลื่อนนัดและอยู่กับเดลล่าแทน แต่เขาก็มีเวลาจัดการธุระของเธอ รวมทั้งพาไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วย
เขากับเดลล่าอาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่างที่สื่อถึงกันได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่หลงรักตั้งแต่วินาทีแรกที่มองเห็นดวงตาคู่นั้น มันเหมือนแกะพิมพ์ออกมาจากใครสักคน และเขาก็มองเห็นทุกครั้งในเวลาที่ส่องกระจกเช่นกัน
ใช่... ดวงตาของคาร์ลอสทุกคนจะมีสีมรกตเข้ม เหมือนกับสายเลือดที่เข้มข้นอันทรงพลังของพวกเขา ตอนนี้เขาก็แค่รอผลตรวจดีเอ็นเอ สิ่งที่เขาคิดจะตรงกับความเป็นจริงหรือเปล่า
หญิงสาวก้มลงซับน้ำตาตัวเองกับผ้าคลุมตัวของเดลล่าอีกครั้ง จนแน่ใจว่าใบหน้าของเธอไม่มีรอยคราบน้ำตา เธอจึงเงยหน้าขึ้นมาเมื่อรู้ว่าเขาต้องไปทำงาน ขอเพียงได้อยู่พ้นสายตาของเขาก็คงจะหายอึดอัดไปได้เยอะ
“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับ
“ช่วยดูแลเดลล่าอย่างดีด้วย” เขาสั่งย้ำอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกไป หญิงสาวก็มีโอกาสได้สำรวจห้องของเขา ขนาดของมันกว้างขวางพอๆ กับสนามบาสเกตบอล แต่ที่สุดเธอก็ต้องครางฮึ่มอย่างโกรธแค้น เมื่อรู้ว่าห้องของเขามีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมทุกจุด ความรู้สึกของเธอ ห้องนี้ก็ไม่แตกต่างจากคุก เพราะเธอไม่สามารถเดินออกไปข้างนอกได้เหมือนกัน
หญิงสาวทิ้งสะโพกลงบนเก้าอี้อย่างแรงเมื่อเดินรอบห้องแล้วไม่สามารถหาทางออกได้ พ่นคำด่าระบายความโกรธแค้นที่คั่งค้างในใจออกมา
“ไอ้คนบ้า คนเผด็จการ คนใจบาป อำมหิต แต่ทำไมหล่อนักก็ไม่รู้” ประโยคสุดท้ายหญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงเบาลง
นึกถึงแววตาคู่นั้นของเขาที่มองเธอ มันเหมือนมีพลังงานบางอย่างดึงดูด มีความคุ้นเคยราวกับว่าเธอเคยเห็นมาก่อน
เธอเป็นผู้หญิงที่ชอบมองผู้ชายหล่อไม่แตกต่างจากผู้หญิงโสดคนอื่น หรืออาจจะมากกว่าคนอื่นไม่น้อย เพราะงานอดิเรกของเธอคือแอบส่องไอจีดาราและพร่ำเพ้อหาความสุขให้ตัวเอง