บทที่1

1544 Words
หากใครสักคนบอกว่าชีวิตตัวเองโชคร้าย... เธอคงตอบกลับคนๆ นั้นไปว่า บนโลกที่แสนโหดร้ายใบนี้ ยังมีใครอีกหลายๆ คนที่โชคร้ายมากกว่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเธอ… หญิงสาวคิดก่อนจะละสายตาจากภาพวิวข้างนอกรถกลับมามองรูปถ่าย ‘ครอบครัว’ ของตัวเองที่พกติดตัวมาด้วยทั้งน้ำตา ภายในภาพนั้นมีเด็กผู้หญิงน่ารักอยู่ตรงกลางระหว่างหญิงชายคู่หนึ่ง รอยยิ้มของทุกคนในภาพทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่เห็น ก่อนความจริงที่ว่า ‘ต่อไปนี้คงไม่มีคนทั้งสองในชีวิตเธออีกแล้ว’ จะทำให้โลกทั้งใบของเธอพังทลายอย่างไม่เป็นท่า ทุกอย่างมันเร็วเกินกว่าจะทำใจรับได้และคงต้องใช้เวลาในการทำใจอีกนาน หรือไม่...ก็อาจไม่มีวันนั้นที่ว่าเลย เธอเพิ่งสูญเสียคนสำคัญในชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุ พ่อและแม่คือความสุขเดียวที่เธอมี ไม่คิดไม่ฝันด้วยซ้ำว่าภาพของพวกท่านที่ส่งยิ้มมาให้กำลังใจในวันที่พาเธอขับรถไปสัมภาษณ์งานเมื่อไม่กี่วันก่อน มันจะกลายเป็นภาพสุดท้ายที่เธอมีโอกาสได้เห็น หลังจากโบกมือลาพ่อกับแม่ เธอก็เรียกความมั่นใจให้ตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปในบริษัทที่เรียกตัวมาสัมภาษณ์ แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าไปในห้องที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ ข่าวร้ายที่ไม่คาดฝัน...ก็ดันมาเยือนเสียก่อน เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองหมดสติไปตอนไหน อาจจะเป็นตอนนั้น วินาทีแรกที่รู้ ถึงการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของพ่อกับแม่ คนแรกที่ได้พบหลังจากได้สติกลับคืนมาคือคุณป้าฉัตรเพื่อนรักของแม่ ภาพใบหน้าของท่านที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้นเป็นเครื่องยืนยันได้ในทันทีว่าทุกสิ่งคือความจริงที่เกิดไม่ใช่แค่เธอฝันไป ‘ไปอยู่กับลูกชายป้านะลูก ป้ารับรองว่าอยู่ที่นั้นหนูจะมีความสุข ตารามถึงแม้จะดุไปบ้างสักนิด แต่ลึกๆ แล้วพี่เขาเป็นคนใจดีนะ’ คำพูดของคุณป้าฉัตรแก้วยังคงดังก้องอยู่ในหู เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเผลอรับปากท่านไปตอนไหน มารู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่บนรถที่ท่านจัดหาเอาไว้ให้ เพื่อเดินทางจากบ้านมาไกลถึงเชียงราย ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอไม่คิดไม่ฝัน ว่าจะได้มาเยือนเลยสักครั้ง ความเดียวดายที่เกิดขึ้นฉับพลันในวันนั้นมันทำให้ชีวิตของเธอเสียศูนย์อย่างรุนแรง หากไม่ได้เพื่อนสนิทของมารดาอย่างคุณป้าฉัตรแก้วยื่นมือเข้ามาช่วยในช่วงเวลาดังกล่าว เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปในทิศทางไหนต่อเหมือนกัน เพราะนอกจากพ่อกับแม่แล้ว เธอก็ไม่มีใครที่ไหนอีก ญาติพี่น้องแม้จะพอมีแต่ก็ไม่ได้สนิทสนมกลมเกลียวกันเท่าไหร่ บุญคุณของท่านในครั้งนี้ถือว่าใหญ่หลวงมากนัก หากมีโอกาสเธอจะตอบแทนท่าน ในสักวันใดวันหนึ่ง “ถึงแล้วครับคุณอ้อน” เป็นเสียงของลุงชุม คนขับรถเรียกสติหญิงสาว ก่อนที่เจ้าของดวงตาเศร้าจะหันไปมอง ‘ท่ารถ’ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของตนเองอย่างชั่งใจ ว่าจะลงไปดีหรือไม่ แต่หากไม่ลงไปตอนนี้ ก็ไม่รู้จะไปที่ไหนได้อีก เพราะนอกจากพ่อกับแม่แล้ว ญาติคนอื่นๆ ที่เหลือ ต่างก็แยกย้ายไปมีครอบครัวเป็นของตัวเองกันหมด และเธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากใคร ครั้นจะให้ไปอยู่กับคุณป้าฉัตรที่บ้าน ก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยจากสามีของท่าน ที่ใครๆ ก็รู้ว่าคุณลุงคนนั้นเจ้าชู้มากแค่ไหน เพราะเหตุผลนี้เองเลยทำให้เธอต้องดั้นด้นมาไกลถึงที่นี่ นั้นเป็นเพราะว่ามัน...เป็นทางเลือกเดียวที่เธอมีอยู่ในตอนนี้ “ผมคงส่งได้เท่านี้นะครับคุณอ้อน” แม้ใจจะอยากส่งคนของผู้นายผู้หญิงไปให้ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยสักแค่ไหน แต่เพราะนี่เป็นคำสั่งเด็ดขาดของลูกชายคนโตของท่าน เขาซึ่งเป็นแค่คนขับรถจึงไม่กล้าขัดใจ จำเป็นต้องทำตามคำสั่งที่ได้รับมาอย่างเคร่งครัด ส่วนเหตุผลนั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ก็แค่เพราะอีกฝ่ายไม่ชอบให้ ‘คนนอก’ เข้าไปวุ่นวายในเขตหวงห้ามของตัวเอง ไม่ว่าใครคนไหน “ไม่เป็นไรค่ะลุง ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งอ้อน ขับรถกลับดีๆ นะคะ ฝากบอกคุณป้าฉัตรด้วยว่าถ้าถึงแล้วอ้อนจะโทรหาค่ะ” แก้วเจ้าจอมยกมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่าย ก่อนจะพาตัวเองลงจากรถพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบเก่า ที่นอกจากรูปถ่ายของครอบครัวกับเงินติดตัวไม่กี่พันบาทแล้ว เธอก็ไม่มีของมีค่าอะไรติดตัวมามากนัก แม้แต่บ้านที่เคยเป็นจุดกำเนิดความสุข ก็ต้องปล่อยขายไปเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ที่พ่อไปกู้ยืมมาส่งเสียเธอเรียน คราแรกคุณป้าฉัตรเสนอจะปิดหนี้ก้อนนั้นให้ เป็นเธอที่อยากจัดการมันด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็อยากยืนด้วยขาตัวเองดูสักครั้ง แค่สักครั้งเดียวก็ยังดี... หญิงสาวมองหาสักพักก็พบกับม้านั่งสีแดงที่ ‘ลูกชายคุณป้าฉัตร’ บอกไว้ว่าจะมารับ เมื่อมาถึงที่หมายแล้วให้ไปนั่งรอ ถึงได้เดินไปทิ้งตัวลงนั่ง ภาวนาต่ออะไรก็ตามที่พอจะนึกออก ให้เขาไม่ลืมกัน “คุณอ้อนใช่ไหมครับ” สักพักใหญ่เห็นจะได้ว่าจะมีชายร่างท้วมคนหนึ่งวิ่งหอบตรงเข้ามาหา ซึ่งมองแล้วเขาไม่น่าใช่คนที่เธอกำลังรออยู่ หญิงสาวจ้องมองเจ้าของน้ำเสียงดุดันนั้นไม่วางตา จนเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อครู่เขาเพิ่งจะขานชื่อเธอถึงได้ส่งยิ้มกลับไปให้ “ใช่ค่ะ” หากเป็นคนนอกคงไม่มีทางรู้ชื่อเธอแน่ ถึงได้วางใจ “เชิญครับ รถจอดอยู่ทางนั้น นายรออยู่ในรถแล้วครับ” หญิงสาวยิ้มรับอย่างเข้าใจต่อคำอธิบายเมื่อครู่ เธอรู้จักกับคุณป้าฉัตรมานาน นานพอจะได้ยินชื่อเสียงของ ‘นาย’ ที่ว่าของเขามาพอสมควรว่าเป็นคนแบบไหน คุณ ‘ราม’ ชอบทำงานเป็นชีวิตจิตใจ เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ดูยุ่งตลอด จนบางครั้งก็ไม่มีแม้แต่เวลาหาแฟน ซึ่งเรื่องนี้เองที่ทำให้ป้าฉัตรต้องปวดหัวอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไปเพราะกลัวอีกฝ่ายโกรธ สุดท้ายท่านก็ทำได้แค่มองดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ซึ่งเธอเห็นด้วยกับทางออกนี้ที่ท่านเลือก การที่เราจะรักหรือตกลงปลงใจกับใครสักคนอย่างมีความสุขนั้น...สิ่งแรกที่ควรเกิดขึ้นคือความรักที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กัน ซึ่งลูกชายของป้าฉัตรจะรักชอบใครมันก็ไม่เกี่ยวกับเธออยู่ดี แค่เขายอมมารับด้วยตัวเองถึงที่หมายแบบนี้ ก็ถือว่าเกินความคาดหมายมากแล้ว เธอไม่หวังว่า เขา จะเดินมารับด้วยตัวเอง จะใครมารับ มันก็คงไม่ได้มีผลอะไรต่อชีวิตของเธอมากนัก เพราะสุดท้าย... เธอก็กลายเป็นคนไม่เหลือใครในชีวิตอยู่ดี และนั่นต่างหากคือความจริงที่ทำให้เจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึง แต่ชีวิตคนเราก็มีแค่นี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่ต้องพบเจอกันทุกคน แค่ว่าจะเมื่อไหร่ก็เท่านั้น... คเชนทร์จ้องมองใบหน้าอ่อนหวานของคนที่กำลังเดินตามหลังคนของเขามาอย่างไม่วางตา ความสวยของหล่อนเป็นที่แปลกตาสำหรับผู้คนรอบข้างอยู่พอสมควร จึงไม่แปลกที่ เธอ จะตกเป็นเป้าสนใจทันทีที่ปรากฎตัวขึ้น แต่ดูเหมือนแม่คุณจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเพราะเอาแต่เดินก้มหน้า ทำให้มองเห็นแต่แก้มป่องๆ ที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งไม่บ่อยนักที่เขาจะได้เห็นคนประเภทนี้ ตัวบาง ทว่ามีแก้ม! ‘น้องน่ารัก เรียบร้อย แถมยังว่านอนสอนง่าย แล้วรามจะหลงน้องเหมือนที่แม่หลง!’ ครั้งก่อนที่ได้ยินเขาเถียงกลับไปว่าไม่มีวันที่จะนึกหลงใครคนไหนได้อีก เพราะทั้งใจยกให้ผู้หญิงที่เป็นหนึ่งเดียวในใจ ’คนนั้น’ ไปหมดแล้ว แม้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว แต่ความผูกพันที่เคยมีต่อกันนั้นยังคงอยู่ มันคงไม่ง่ายที่จะลบหรือทำใจให้ลืม สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น คิดเสียว่าเขากับอีกฝ่ายไม่ได้เกิดมาคู่กัน เหลือไว้เพียงภาพความทรงจำแสนหวานระหว่างกันก็พอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD