ตอนที่ 3 ฮัวฟู่หรง 1.2

2527 Words
ครอบครัวของจางเถียนเถียนทำธุรกิจเกี่ยวกับวงการบันเทิง คลุกคลีอยู่กับกองถ่ายและเฟ้นหาตัวนักแสดงมาโดยตลอดทำรายได้จนครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยมหาศาลจากธุรกิจนี้ ในขณะที่ฮัวฟู่หรงครอบครัวของเธอเป็นชาวหางโจว มีอาชีพเป็นข้าราชการและเป็นนักการเมือง บิดาฮัวเจียจวิ้นเป็นผู้ว่าราชการมณฑลเจ้อเจียง และยังมีคุณลุงนามว่าฮัวจินฮ่านเป็นสมาชิกสภาผู้แทนประชาชน และเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ รวมไปถึงมีลูกพี่ลูกน้องที่โตมาพร้อมสองคนพี่น้องด้วยกันมีนามว่าฮัวปิ่งเฉิง เป็นรองสภาที่ปรึกษาการเมือง นับได้ว่าเป็นตระกูลนักการเมืองมาตั้งแต่ในยุคโบราณจนถึงปัจจุบันที่ยังคงเวียนว่ายอยู่ในตำแหน่งการเมืองของแผ่นดินมังกรมาโดยตลอด จึงทำให้ฮัวฟู่หรงและจางเถียนเถียนต่างขับเคี่ยวต่อสู้กันมาโดยตลอด เมื่อทั้งสองก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงพร้อมกันโดยทางครอบครัวต่างให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ตระกูลจางมั่งคั่งด้วยทรัพย์สินและเงินทองในขณะที่ตระกูลฮัวมีอิทธิพลทางการเมืองและมีบทบาทสามารถเข้ามาขีดเส้นชี้เป็นชี้ตายของประชาชนชาวจีน “คุณฟู่หรงค่ะถึงเวลาแต่งหน้าทำผมแล้วค่ะ เดี๋ยวจะเข้าพิธีบวงสรวงไม่ทัน เชิญไปที่ห้องแต่งตัวของนักแสดงหลักที่จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”เสียงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานของกองถ่าย ดังแทรกขึ้นในขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งคิดอะไรเพลินอยู่ในเวลานั้น ฮัวฟู่หรงขมวดคิ้วเข้าหากันทันใดพลางหันกลับไปมองหน้าพี่สาวซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอ “พี่ใหญ่! นี่เป็นฝีมือของพี่อีกแล้วใช่ไหม ทำไมชอบทำให้หนูแบ่งแยกแตกต่างไปจากคนอื่นอีกแล้ว”หญิงสาวต่อว่าเป็นการใหญ่ “เฮ้ย! เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนนะหรงเอ๋อร์ ไม่ใช่ฝีมือของพี่เลยนะยะ น่าจะเป็นเพราะผู้กับกับเฉินสั่งแยกห้องแต่งตัวนักแสดงหลักให้เสียมากกว่า อย่าลืมสิว่าบทฮูหยินฮัวเป็นตัวละครหลักของเรื่องเลยนะ ไม่ใช่บทดาราสมทบตามที่นางเถียนเถียนถูกพวกเราทำให้เข้าใจแบบนั้น ในเมื่อได้รับบทเป็นตัวละครหลักก็ต้องมีห้องแต่งตัวต่างหากไม่ใช่เหรอ”ฮัวมู่หลันบอกน้องสาว หญิงสาวคลายคิ้วเรียวสวยที่ขมวดมุ่นออกจากกันโดยทันทีพลางพยักหน้าขึ้นลง “จริงสิพี่ใหญ่ หนูลืมข้อนี้ไปเลยว่าบทของฮูหยินฮัวเป็นตัวละครหลักของเรื่องนี้”หญิงสาวพูดพึมพำ ในขณะที่ฮัวมู่หลันบ่นออกมาตั้งใจให้น้องสาวได้ยิน “เอะอะอะไรก็ลงแต่ฉัน ไม่คิดบ้างเลยหรือว่าตัวเองจะขยับขึ้นมาเป็นนักแสดงหลักของเรื่อง ถึงจะไม่ได้รับบทนำเป็นนางเอกของเรื่องก็เถอะ แต่บทของฮูหยินฮัวก็มีตั้ง 45 ตอนเชียวนะกว่าจะถึงบทตาย ออกมาตั้งครึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ใช่นักแสดงหลักก็ไม่รู้จะว่าอย่างไงแล้ว”ฮัวมู่หลันบ่นไม่ขาดปากพลางส่งค้อนปะหลับปะเหลือกให้น้องสาว “ชิ!...งอน”คนเป็นพี่สะบัดหน้าจนคอแทบหักเลยก็ว่าได้ประชดน้องสาวของเธอกลับไป “อัยยะ!!! จอมโหดงอนแล้ว”ดาราสาวส่งเสียงออกมาทันทีพอเห็นอาการของพี่สาวแสดงออกมาแบบนั้น “แหม..พี่ใหญ่อย่างอนหรงเอ๋อร์เลยนะ หนูขอโทษนะเจ๊พวกเรารีบเก็บของใช้ เดินตามทีมงานไปที่ห้องแต่งตัวกันก่อนเถอะเดี๋ยวแต่งหน้าทำผมเข้าพิธีบวงสรวงไม่ทัน”หญิงสาวพูดพลางคว้าข้อมือพี่สาวให้รีบหันกลับมาเก็บข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะเตรียมจะแต่งหน้าให้เธอ ซึ่งฮัวมู่หลันนอกจากจะรับหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับน้องสาวด้วยแล้ว เธอยังมีอาชีพเป็นช่างแต่งหน้าและช่างทำผมมืออาชีพที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ก่อนหน้าที่จะก้าวเข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับน้องสาวของเธอ ฮัวมู่หลันเปิดสถาบันสอนการแต่งหน้าและทำผมให้กับผู้คนทั่วไปที่สนใจในสายอาชีพดังกล่าวอีกด้วย นับได้ว่าเป็นช่างแต่งหน้าคิวทองมากเลยทีเดียว “ขอเก็บของสักครู่นะคะ”ฮัวมู่หลันหันไปบอกกับเจ้าหน้าที่ทางกองถ่ายที่กำลังยืนรออยู่ “เสร็จแล้วไปยืนรอตรงประตูทางออกนะคะ เดี๋ยวจะเดินไปบอกนักแสดงคนอื่นๆ ที่มีรายชื่อเป็นนักแสดงหลักให้ไปพร้อมกันทีเดียวจะได้ไม่เสียเวลาเดินกลับไปกลับมาหลายรอบ ” “โอเคค่ะ!”ฮัวมู่หลันพูดพลางส่งยิ้มให้อย่างมีไมตรี ก่อนจะหันกลับไปเก็บข้าวของตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ในขณะที่สองคนพี่น้องกำลังช่วยกันเก็บของส่วนตัว สายตาของฮัวฟู่หรงก็เหลือบไปเห็นกล่องกำมะหยี่สีแดงที่อยู่ภายในกระเป๋าเครื่องแต่งหน้าของพี่สาวเข้าให้พอดี “พี่ใหญ่ทำไมถึงเก็บเครื่องประดับเอาไว้ในกระเป๋าเครื่องแต่งหน้าทำผมแบบนี้แหละ”หญิงสาวถามกลับไปอย่างสงสัย ฮัวมู่หลันขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ยินน้องสาวของเธอบอกออกมาพลางหันกลับไปมองกล่องกำมะหยี่สีแดงที่อยู่ในมือของน้องสาวพลางทำหน้างุนงงขึ้นมาทันที “กล่องนี้มาอย่างไงพี่ก็ไม่รู้นะหรงเอ๋อร์ ยิ่งเป็นเครื่องประดับด้วยแล้วละก็ไม่เคยเลินเล่อเอามาเก็บไม่เป็นที่เป็นทางหรอก เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน แล้วอีกอย่างช่วงนี้ไม่ได้ซื้อพวกเครื่องประดับของมีค่ามานานเป็นปีแล้ว ของที่มีอยู่ในตระกูลฮัวก็เยอะแยะมากมายแล้วไอ้กล่องนี้มาได้อย่างไงก็ไม่รู้เหมือนกัน”ฮัวมู่หลันบอกน้องสาวกลับไป “อย่างนั้นเหรอพี่ใหญ่! กล่องนี้เป็นของใครก็เลยไม่รู้นะสิ”หญิงสาวพูดพลางมองกล่องที่อยู่ในมือ “ไม่ใช่ของเราก็ให้คนอื่นเขาไปเถอะ เพราะพี่ใหญ่มั่นใจว่ากล่องเครื่องประดับนี้ไม่ใช่ของพี่แน่นอนแล้วข้างในเป็นอะไรก็ไม่รู้”ฮัวมู่หลันบอกน้องสาวของเธอ “เดี๋ยวหนูขอดูหน่อยว่าข้างในกล่องเป็นอะไร”หญิงสาวพูดพลางเปิดฝากล่องดังกล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่กล่องดังกล่าวถูกเปิดออก ภายในกล่องกำมะหยี่สีแดงปรากฏกำไลหยกสีเขียวแกะสลักลวดลายเอาไว้อย่างสวยงามเป็นหงส์ฟ้ากำลังโบยบินไปมา เนื้อหยกใสราวกับแก้วยามถูกแสงอาทิตย์พร้อมเสียงของฮัวมู่หลันดังขึ้น “เฮ้ย! นั่นมันกำไลหยก..ของแท้เสียด้วยหรงเอ๋อร์!”หญิงสาวพูดพลางก้าวเข้าไปดูใกล้ๆ ฮัวฟู่หรงยกกำไลที่อยู่ในกล่องกำมะหยี่ขึ้นมาส่องดูเนื้อหยกพลางสำรวจลวดลายก่อนจะสะดุดลงเมื่อมีชื่อสลักอยู่ด้านในของตัวกำไลและชื่อนั้นทำให้หญิงสาวหันกลับไปมองหน้าฮัวมู่หลันทันที “ฟู่หรง!!!”สองพี่น้องต่างพูดออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นชื่อดังกล่าวปรากฏอยู่ในกำไล “มีใครหลงรักแกแล้วแอบทำกำไลให้หรือเปล่าหรงเอ๋อร์”ฮัวมู่หลันพูดพลางหรี่ตามองน้องสาวด้วยสายตาที่บ่งบอกว่า เจ้าตัวร้ายแกจงบอกฉันมาเสียดีๆ อะไรแบบนั้น “พี่ใหญ่อย่ามองหนูแบบนี้สิ! คิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนผ่านด่านคุณพ่อกับพี่ชายใหญ่ได้อย่างนั้นเหรอ ถ้าไม่ใช่ลูกนักการเมืองด้วยกัน ไม่มีทางหรอกที่จะได้แต่งงาน ป่านนี้พี่ใหญ่ก็ต้องแต่งงานออกเรือนแล้วสิ จนอายุ 28แล้วยังไม่ได้แต่งออกจากตระกูลเลยเพราะคุณพ่อกับพี่ชายใหญ่นั้นแหละตัวดี อ่อ...คุณลุงด้วย”เธอบอกพี่สาวกลับไป “แหม…แหม...แหม..ได้ทีเอาเสียใหญ่เลยเชียวนะยายน้องบ้า! ก็พี่เห็นกำไลหยกแกะสลักชื่อของเราจะไม่ให้ถามได้อย่างไงกัน แต่มันก็แปลกนะที่จู่ๆ กำไลก็มาอยู่ในกระเป๋าใส่อุปกรณ์แต่งหน้าอะไรแบบนี้ ทำไมถึงนึกไม่ออกเลยว่าได้รับมาเมื่อไร”ฮัวมู่หลันพูดพลางขมวดคิ้วเพื่อใช้ความคิด “รับมาตอนเจ๊เมาหรือเปล่าก็เลยจำอะไรไม่ได้ อย่าลืมสิว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนไปงานเลี้ยงมาไม่ใช่เหรอแล้ววันนั้นเจ๊เมาเละกลับมาเลย อ้วกชนิดที่ว่าหมดไส้หมดพุงตั้งแต่หน้าบ้านยันห้องน้ำในห้องนอนตัวเองจำไม่ได้ละสิ”หญิงสาวเล่าเรื่องวันเมาเละของคนเป็นพี่ให้เจ้าตัวรับรู้ “เออ..จำไม่ได้จริงๆ อาทิตย์ก่อนเจ๊ไปงานเลี้ยงเมากลับมา แต่ถ้าได้รับของแล้วทำไมต้องยัดใส่ในกระเป๋านี้ด้วยไม่เข้าใจ” “ไม่รู้สิ”ฮัวฟู่หรงพูดพลางยักไหล่ไหวไปมาพร้อมเอ่ยขึ้น “อะไรก็ช่างเถอะเอาเป็นว่า เจ๊รับของนี้มาแล้วไม่ว่าจะเป็นของใครก็แล้วแต่ กำไลหยกนี้หนูขอนะพี่ใหญ่ ลวดลายบนกำไลหนูชอบมากเลยมิหนำซ้ำยังสลักชื่อที่ตรงกับชื่อของหนูเอาไว้เสียด้วย”หญิงสาวพูดพลางส่งสายตาปริบๆ เว้าวอนพี่สาว “โอ้ย! ไม่ต้องทำหน้าอ้อนหรอกยะแค่เห็นหน้าแกฉันก็ใจอ่อนอยู่แล้ว อยากได้ก็เอาไปเถอะเพราะเจ๊จำไม่ได้เลยว่าใครให้มา แต่ดูจากเนื้อของกำไลของแท้นะ ไม่รู้ว่าเป็นของเก่าแก่หรือเปล่าถ้าไม่ใช่ก็แล้วไปแต่ถ้าใช่ก็ต้องระวังหน่อยนะ เพราะถ้าหากเกิดเป็นของเก่าแก่จริงๆ มักจะมีเจ้าของเสมอไม่รู้ว่าเก่าแค่ไหนเกิดเจ้าของตัวจริงเขาห่วงของละก็ แกเอ้ยบอกเลยว่านอนไม่หลับกันเลยเชียวแหละ”หญิงสาวบอกน้องกลับไป ฮัวฟู่หรงพลิกกำไลที่อยู่ในมือกลับไปกลับมาอย่างพึงพอใจพร้อมเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินพี่สาวบอกเธอเช่นนั้น “กำไลดูเหมือนใหม่ขนาดนี้คงไม่ใช่อย่างที่พี่ใหญ่คิดหรอก แต่ที่แน่นอนก็คือเจ้าของกำไลหยกในเวลานี้ก็คือหนู”หญิงสาวพูดพร้อมสวมกำไลหยกดังกล่าวใส่ไว้ในมือของตัวเอง พรึบ!!!! ภาพประหลาดปรากฏออกมาให้ฮัวฟู่หรงได้เห็นทันทีที่เธอสวมกำไลหยกดังกล่าว นิ้วเรียวยาวของบุรุษรับกับมือใหญ่กำลังบรรจงสวมกำไลหยกนั้นลงบนข้อมือเรียวเล็กให้กับหญิงสาวนางหนึ่ง คู่รักทั้งสองสวมชุดโบราณด้วยกันทั้งคู่พร้อมเสียงทุ้มใหญ่แต่นุ่มละมุนหูยิ่งนักพูดกับนาง “หรงเอ๋อร์! กำไลหยกนี้เป็นมรดกตกทอดของตระกูลอิน และข้าจะมอบให้กับสตรีที่จะมาเป็นฮูหยินของข้าเท่านั้น!”เสียงทุ้มบอกนางท่ามกลางรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดีใจเมื่อได้รับกำไลหยกดังกล่าวจากบุรุษที่กำลังสวมให้นางด้วยมือตัวเอง “ท่านแม่ทัพ!”เสียงของนางเรียกคนตรงหน้าอย่างตื้นตันใจ “ต่อไปนี้เรียกข้าว่าลี่ซาน! ข้าอนุญาตให้ผู้ที่จะมาเป็นฮูหยิน ของข้าเรียกได้เพียงคนเดียว”เสียงนั้นกำชับบอกนางพร้อมใบหน้าที่เห็นเพียงแค่เลือนรางพยักขึ้นลง “ลี่ซาน!”นางเรียกชื่อดังกล่าวออกมาเมื่อเจ้าตัวอนุญาตท่ามกลางรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขของคนทั้งสอง ภาพดังกล่าวค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ พร้อมเสียงพึมพำดังออกมาจากปากหญิงสาวที่ได้รับบทฮูหยินฮัวฟู่หรงของอินลี่ซาน แม่ทัพทมิฬแห่งต้าฉิน “ลี่ซาน!!!”ฮัวฟู่หรงเรียกชื่อแม่ทัพผู้กล้าในพงศาวดารออกมาเบาๆ ความรู้สึกของหญิงสาวในเวลานี้ราวกับว่ากำลังกลับคืนสู่อ้อมกอดของใครบางคนที่เฝ้าโหยหาเธอมาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน “หรงเอ๋อร์! หรงเอ๋อร์!”ฮัวมู่หลันเรียกน้องสาวเมื่อจู่ๆ ก็เห็นยืนนิ่งเหม่อใจลอยอย่างไม่รู้สาเหตุ “เอาอีกแล้วยายเด็กคนนี้ ยืนใจลอยเหม่อคิดอะไรอยู่!!!”ฮัวมู่หลันพูดพลางยกมือตรงเข้าไปเขย่าแขนน้องสาวไปมา “หรงเอ๋อร์! หรงเอ๋อร์!!!!”เสียงเรียกกึ่งตะโกนพลางเขย่าร่างไปมาอย่างแรงทำให้น้องสาวของเธอรู้สึกตัวขึ้นมาทันที เฮือกกก!!!! ฮัวฟู่หรงหลุดออกจากภวังค์พลางกลอกตาไปมา “พี่ใหญ่มีอะไร”เธอถามพี่สาวกลับไป “ยังจะมาย้อนถามอีก ฉันต้องถามแกต่างหากว่าเป็นอะไร ทำไมวันนี้มีอาการแปลกๆ ตลอดเลยตอนอยู่ในรถก็ร้องไห้ทั้งที่กำลังหลับ แล้วนี่เป็นอีกแล้วยืนใจลอยไปถึงไหนเรียกตั้งนานก็ไม่ได้ยิน”ฮัวมู่หลันพูดพลางหรี่ตามองน้องสาว “แกจะต้องมีอะไรปิดบังแน่หรงเอ๋อร์ อาการแปลกๆ แบบนี้ไม่ผิดหรอกรับมาซะดีๆ ยายตัวแสบ”ฮัวมู่หลันพยายามคาดคั้นเอาความจริงออกมาให้ได้ ดาราสาวส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อถูกพี่สาวจอมโหดคาดคั้นเอาคำตอบ ไม่ใช่เพราะพี่ของเธออยากรู้อยากเห็น แต่เพราะว่าเป็นห่วงน้องสาวคนเล็กมากนั้นเอง ด้วยฮัวฟู่หรงเพิ่งจะมีอายุเต็ม 20 ปีเท่านั้น ห่างจากฮัวมู่หลันถึงแปดปีเลยทีเดียว “หนูกำลังคิดถึงตัวละครที่เป็นแม่ทัพของต้าฉินอยู่พี่ใหญ่ เขาชื่ออะไรนะหนูลืมแล้ว”เธอถามพี่สาวกลับไปด้วยความอยากรู้ก่อนจะเห็นพี่สาวยืนเท้าสะเอวกำลังมองหน้าของเธอสลับกับมองบทละครที่หนีบอยู่ใต้รักแร้ “อยากรู้ทำไมไม่เปิดบทละครดูละยะ ในนั้นต้องมีเรื่องย่อแบบละเอียดเพื่อให้นักแสดงทำความเข้าใจอยู่แล้ว อ่านเจอก็รู้เองแหละว่าชื่อแม่ทัพตัวเอกของเรื่องนี้เขาชื่อว่าอะไร แล้วนี่จะไปกันหรือยังเก็บของเสร็จหมดแล้วนะ” ฮัวมู่หลันพูดพลางดึงหูกระเป๋าออกมาเตรียมลากออกจากบริเวณห้องโถง พร้อมส่งกระเป๋าลากใบเล็กอีกใบให้น้องสาว “สมบัติแกอยู่ในนี้ทั้งนั้นลากไปเลยแม่คุณ”พูดพลางเหลือบมองไปที่ประตูทางออกและพบว่าเจ้าหน้าที่ของกองถ่ายยืนรออยู่ตรงนั้นและกำลังมีนักแสดงทยอยเดินมาสมทบ “รีบไปกันเถอะอย่าให้ใครมาว่าเราได้ว่าเป็นตัวถ่วงทำอะไรยืดยาด”ฮัวมู่หลันพูดพลางเดินลากกระเป๋านำหน้าน้องสาวซึ่งกำลังเดินลากกระเป๋าใบเล็ก ตามมาติดๆ ก่อนที่สองพี่น้องจะพากันก้าวออกไปจากบริเวณห้องโถงดังกล่าว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD