ตอนที่ 1
ไม่กลับโว้ย!
ณ จังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ ห่างจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้านร้อยกว่ากิโล ถึงจะมีทิวเขาสูงและป่าไม้หนาทึบ แต่หากเป็นในตัวอำเภอ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าหรือสิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งหมดล้วนมีไม่ต่างจากเมืองหลวงภาคกลาง
อย่างเช่นตอนนี้ ทอฝันเดินข้ามสะพานลอยไปยังโรงเรียนอนุบาลที่ลูกชายของตนเรียนอยู่ เธอมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าเหลืออีกสามสิบนาทีกว่าจะถึงเวลาเลิก ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินตรงไปที่ร้านคาเฟ่ เพื่อสั่งกาแฟ
วันนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงินลายดอกไม้ส่วนแขนสั้น หุ่นเอวคอดกิ่วอกอูมตูมตั้ง โดยเฉพาะใบหน้าพริ้งพราวอ่อนหวาน ผิวขาวจัดสมกับเป็นลูกครึ่งเชื้อสายจีน
เมื่อเข้ามาในร้าน ทอฝันก็นั่งลงที่โต๊ะมุมหนึ่ง ปรากฏว่าบังเอิญพบเพื่อนร่วมงานคนละแผนก เนื่องจากพวกเขานั่งหันหน้าไปอีกทาง ทั้งโต๊ะที่เธอนั่งก็มีกระถางไม้ประดับวางกั้นไว้ จึงทำให้คนเหล่านั้นไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเดินเข้าร้านมา
ความจริงทอฝันไม่ได้สนใจเพื่อนร่วมงาน เพียงแต่ขณะจิบกาแฟ เธอก็ได้ยินเรื่องน่าสนใจ เพราะโต๊ะอยู่ไม่ห่างกันเธอเลยได้ยินชัดมาก ซึ่งจับใจความได้ว่า เมื่อวานภายในบริษัทที่เธอทำงานอยู่มีคนตาย
คนที่ตายเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยสูงอายุ เนื่องจากเมื่อวานมีเด็กหนุ่มในบริษัทไปยิ่งกระต่ายอยู่ที่รั้วกำแพง เลยพบเห็นลุงแกนอนคว่ำหน้าอยู่ในบ่อบำบัดน้ำเสียหลังโกดัง
เพราะบริษัทที่ทอฝันทำงานอยู่ค่อนข้างใหญ่ อีกทั้งฝ่ายผลิตและจัดเก็บสินค้าอยู่ห่างจากตึกออฟฟิศที่เธอทำงานมาก อย่าว่าแต่โกดังที่พวกเขาเอ่ยถึงตั้งอยู่ถัดจากสำนักงานเป็นกิโล ทอฝันเลยยังไม่ทราบ ว่าเมื่อวานมีคนจมน้ำตาย
หญิงสาวนั่งฟังก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะคนโต๊ะข้างๆ คุยกันว่า ลุงยามอาจจะเป็นลมขณะเดินตรวจโรงงานตอนเข้ากะกลางคืน
พอได้เวลา ทอฝันก็เดินออกจากร้านคาเฟ่ทันที
นี่เป็นเรื่องปกติของบริษัทเธอ เพราะมีพนักงานนับพันคน แต่ละปีจึงมีคนบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย โดยเฉพาะฝ่ายผลิตกับแผนกซ่อมบำรุง ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุ ก็มักจะเสียชีวิตจากโรคประจำตัว
ออกจากร้านได้ไม่นาน ทอฝันก็เห็นครูประจำชั้นยืนคุมเด็กอยู่หน้าโรงเรียน คิมหันต์ พอเห็นผู้เป็นแม่ก็รีบวิ่งหน้าตั้ง ภาพนี้หากคนภายนอกมองมาอาจจะนึกว่าทั้งคู่เป็นพี่สาวและน้องชาย
ทอฝันอุ้มคิมหันต์ขึ้น เธอเหน็บเจ้าตัวน้อยไว้ข้างเอวพร้อมกับบิดจมูกลูกชายแล้วพูดว่า
“คิดถึงมี๊มั้ยครับ?” เจ้าตัวน้อยไม่ตอบกลับแต่หอมแก้มเธอฟอดใหญ่ ก่อนที่ไม่นานผู้ปกครองของเด็กคนอื่นๆ จะเดินเข้ามาทักทายเธอ
เนื่องจากทอฝันยังสาว โดยเฉพาะคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวหนุ่มใหญ่ หลายคนผลัดกันเข้ามาทักทายชักชวนสร้างปฏิสัมพันธ์กับเธอในรูปแบบต่างๆ จนกลายเป็นที่ชินตาของคุณครูในโรงเรียน
กระทั่งไม่นาน ทอฝันพาลูกชายเดินข้ามสะพานลอยไปหารถยนต์ส่วนตัวที่จอดอยู่ รถคันนี้เธอเพิ่งเก็บเงินซื้อได้ไม่ถึงปี เป็นอีโคคาร์รุ่นประหยัด ขณะที่เธอขับรถแล่นไปตามท้องถนน คิดไม่ถึงจะมีเสียงโทรศัพท์เข้า พอกดรับสาย ปรากฏว่าเป็นหัวหน้างานของเธอเอง
ทอฝันกล่าวทักทาย เธอต่อสายเข้ากับระบบบลูทูธของรถ คิมหันต์นั่งเบาะข้างก็ไม่ได้ให้ความสนใจผู้เป็นแม่ เพราะเขากำลังกัดกินขนมอย่างอร่อยสองแก้มน้อยๆ เคี้ยวตุ้ยแลดูน่ารักน่าชัง
“ฝัน เย็นนี้ว่างมั้ย เดี๋ยวผมเลี้ยงข้าว”
“ขอโทษด้วยค่ะคุณฟง ฉันต้องอยู่ดูลูก ออกไปไหนไม่ได้จริงๆ”
ทอฝันกล่าวปฏิเสธด้วยเหตุผลเดิมๆ แต่คนปลายสายเหมือนจะไม่ยอมแพ้ เขาบอกว่าให้เอาลูกมาด้วยก็ได้ ทั้งยังพยายามอธิบายว่าเขาจริงใจต่อเธอแค่ไหน
กับคนชื่อฟง ทอฝันไม่ได้รู้สึกดีแต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่ ในบรรดาชายหนุ่มที่เข้ามาจีบเธอ เขาโปรไฟล์ดีสุด อีกทั้งยังตั้งมั่นแน่วแน่สุด เขาไม่เคยหยาบคายกับเธอเลยสักครั้งแถมยังให้เกียรติเสมอในที่ทำงาน
ฟงเป็นลูกชายคนหนึ่งของผู้ถือหุ่นในบริษัท ความจริงเขาอายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปี แต่ก็ได้ทำงานในตำแหน่งหัวหน้าแผนกธุรการ ถ้าไม่นับเรื่องที่เขาเข้ามาเพราะเส้นสาย เรื่องอื่นเขาสมบูรณ์แบบตามฉบับลูกผู้ดีมีเงิน
หลังปฏิเสธหัวหน้าแผนกได้ไม่นาน สายที่สองก็โทรเข้ามา เพียงแต่ทอฝันพอเห็นเบอร์อีกฝ่ายก็กดตัดสายทิ้งทันที นั่นเพราะหากยกให้ฟงเป็นชายหนุ่มที่เธอรู้สึกว่าดีที่สุดในบรรดาคนที่ตามจีบ เจ้าของสายนี้ก็คือไอ้บัดซบที่ไม่มีแม้แต่สำนึกความเป็นลูกผู้ชาย
“…”
ใช่แล้ว นี่คือสายผัวเก่าเธอ ไอ้ผัวเฮงซวยที่ปล่อยให้เธอเลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอดหกปี
ไม่รู้ว่าเขาไปได้เบอร์ของเธอมาได้ยังไง แต่หลายวันก่อนจู่ๆ เขาก็โทรมา ทั้งๆ ที่หกปีมานี้เขาไม่เคยติดต่อเธอมาเลยสักครั้งเดียว
ทอฝันเหยียบคันเร่งถึงบ้านค่อยปิดโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะอาบน้ำให้ลูกและทำอาหารค่ำรับประทาน
บ้านของเธอเป็นทาวน์โฮมสองชั้น หนึ่งปีก่อนเธอยังเช่าห้องแถวเล็กๆ อยู่ แต่ก็เพราะความมุมานะบากบั่นนับตั้งแต่ถูกแม่ผัวเก่าเฉดหัวออกจากบ้าน จึงทำให้เธอเข้มแข็งและเก็บเงินซื้อทรัพย์สินส่วนตัวได้ ถึงแม้ว่าข้าวของทั้งหมดจะยังผ่อนอยู่ก็ตาม
กระทั่งสามทุ่ม
ทอฝันกล่อมลูกเข้านอนเสร็จค่อยเริ่มเปิดคอมพิวเตอร์ทำงานพิเศษต่อ ระหว่างนั้นก็นึกไปถึงเหมันต์ พ่อของลูกเธอ ถ้าย้อนกลับไปสมัยเรียนมัธยม การที่ได้อยู่ใกล้ชิดพูดคุยกับเขามันคือความสุขหนึ่งเดียวในชีวิต แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ถึงขั้นลืมว่าเขามีตัวตนเลยด้วยซ้ำ
หญิงสาวคิดย้อนไปหลายวันก่อน
จู่ๆ เขาก็โทรบอกให้เธอนำลูกกลับไปหาเขาที่กรุงเทพ ทอฝันคราแรกจำเสียงเขาไม่ได้ ถึงขนาดคิดว่าเขาเป็นไอ้โรคจิตที่โทรมาป่วนเลยด้วยซ้ำ
ก็จะไม่ให้คิดเช่นนั้นได้ไง คนอะไรไม่เจอกันหกปีทั้งยังไม่เคยมีเบอร์ติดต่อ อยู่ดีๆ โทรมาครั้งแรก พอเธอกดรับสาย เขาก็พูดอัดใส่หูเธอว่า
“เอาลูกกลับมาหาฉัน! จะกลับมาดีๆ หรือจะกลับมาทั้งน้ำตา!”
“…”
วันนั้นเธอจำได้ เสียงของเขาดุดันมาก ราวกับข่มกลั้นความโมโห ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนทิ้งเธอไปแท้ๆ
พอรู้ว่าเป็นเขา เธอก็เลยด่าอัดโทรศัพท์ไปว่า
“ไม่กลับโว้ย! จะมาอ้างสิทธิ์ห่าไร ในเมื่อตอนนั้นไล่ฉันออกมาเหมือนหมูเหมือนหมา”
ด่าเสร็จเธอก็ตัดสายทิ้ง หลังจากนั้นกระทั่งถึงตอนนี้ เขาโทรมาอีกราวพันกว่าครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยกดรับสายอีกเลย
“…”
***