ตอนที่ 8 เค้นหาความจริง
นำทัพกัดกรามกรอดถ้ายายนั่นกล้าถึงขนาดทำร้ายเพื่อนรักของเขาล่ะก็ เขาจะทำให้เธอรู้เองว่านรกบนดินมันเป็นยังไง
“ไปลากคอมันมา!”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
สองหนุ่มหันไปมองตามเสียงทันทีเป็นนำทัพเดินมุ่งหน้าไปทิศทางเสียงเมื่อกี้และพอประตูเปิดออกเท่านั้น ฝ่ามือใหญ่ก็จับหมับเข้าที่ต้นคอเล็กออกแรงบีบพร้อมกับกระชากร่างคนมาใหม่ดันไปติดกับกำแพงด้านข้างทันที
“อึก!” วันวิวาห์ไม่ทันได้พูดอะไร เปิดมาเจอเจ้าของห้องก็ถูกบีบคอเต็มแรงกระชากจนตัวเธอปลิวหลังชนกำแพงดัง ตึก!
ตากลมโตเบิกกว้างรู้สึกหายใจไม่ออกจริง ๆ ได้แต่พยายามแกะมือคนตรงหน้าออก ตอนนี้หน้าตาเขาดูน่ากลัวมากมันดูนิ่งไร้อารมณ์และเหมือนเขาสามารถฆ่าเธอให้ตายได้ในตอนนี้
“หะ...หายใจ อึก! แค่ก ๆ” เหมือนจะขาดอากาศหายใจเข้าจริง ๆ วินาทีนั้นนึกถึงหน้าแม่เอาไว้แล้ว แต่สามีของเธอกลับปล่อยมือออกเป็นเธอที่แข้งขาอ่อนแรงจนทรุดตัวลงไปนั่งกองกับพื้น “แค่ก ๆ”
เหลือกตามองคนที่กำลังนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้า มือข้างหนึ่งยันพื้นเอาไว้อีกข้างยกขึ้นมาลูบคลำบริเวณที่โดนบีบคอจนรู้สึกระคายผิว เธอไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า
“ส่งอาวุธ”
“แค่ก ๆ” ตวัดสายตาขึ้นไปมองไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้าพยายามจะสื่ออะไร “ส่งอาวุธอะไรคะ?”
“อย่ามาทำไขสือหน่อยเลย”
“โอ๊ย! จะพาฉันไปไหนปล่อยนะคะ” วันวิวาห์เบิกตากว้างเมื่อถูกกระชากแขนให้ลุกขึ้น เขาไม่สนใจว่าเธอจะก้าวขาเดินทันหรือเปล่า แต่ฉุดกระชากเธอไปยังสถานที่หนึ่ง “คะ...คุณจะทำอะไร”
พรึ่บ!
“กรี๊ด!!” หัวใจดวงน้อยล่วงลงไปอยู่ปลายเท้าเรียบร้อยหลังจากนำทัพใช้ความเร็วในการกระชากตัวเองเข้ามาใกล้จากนั้นจับแขนไขว้หลังหนึ่งข้าง ความแรงดันที่หัวไหล่มันจะไม่น่าอยากร้องไห้เลยถ้าไม่ใช่ว่าภาพตรงหน้าของเธอคือความสูงเจ็ดสิบชั้น
นำทัพกำลังกดหลังเธออยู่บนชั้นดาดฟ้า!
“ฉันให้โอกาสเธอสารภาพตอนนี้ ถ้าล่วงลงไปสภาพศพก็ไม่ต้องคิดแล้วมั้ง มิหนำซ้ำคนมาเห็นอาจคิดว่าเป็นเศษเนื้อสัตว์ก็ได้นะสูงขนาดนี้”
เสียงขู่ของเขาแทบไม่อยู่ในสมองเพราะภาพตรงหน้ามันน่ากลัวกว่าเห็น ๆ ได้แต่หลับตาปี๋พยายามดันตัวกลับแต่ไม่เป็นผลเพราะถูกจับมือไพล่ไหล่ไม่พอเขายังใช้แรงจากแขนดันตัวเธอให้กดต่ำลงเรื่อย ๆ
“ฉันไม่รู้เรื่อง คุณพูดอะไร ปล่อยฉัน! ฉันกลัว!”
“อยากลงไปนอนเล่นจริง ๆ สินะ”
“กรี๊ดด!” กรีดร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อนำทัพดันไหล่เธอแรง ๆ แล้วเหมือนจะปล่อยมือ ตอนนี้แทบไม่กล้าขยับแล้วกลัวตัวเองตกตึกลงไปจริง ๆ “คุณ ฉันกลัว ฉันกลัวแล้ว!”
“หึ! ยอมรับแล้วสินะ” นำทัพดึงร่างบางกลับขึ้นมาก่อนจะผลักอีกฝ่ายออกไปห่างจากตัวราวกับรังเกียจนัก
วันวิวาห์น้ำตาไหลพรากยังทึ่งกับความใจเด็ดของเขา กล้าจับเมียตัวเองลงไปจ่อที่ดาดฟ้าแบบนั้นได้ยังไง เขายังมีหัวใจ ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า
“ฉันไม่ทราบว่าคุณหมายถึงอะไรจริง ๆ ค่ะ”
“ดี ก็ดี!” นำทัพก้าวขาเข้าไปใกล้แต่คนตรงหน้าใช้เท้ายันพื้นถอยหลังไปราวกับเห็นเขาเป็นมัจจุราช “แต่ถ้าฉันจับได้คาหนังคาเขาเมื่อไหร่ ฉันจับเธอโยนลงไปจากตรงนี้แน่นอน ฉันสาบาน”
ปรายตาไปมองอีกครั้งก่อนจะสะบัดขาก้าวไปอีกทาง อารมณ์ในอกยังคุกรุ่นไม่หาย ช่วงนี้ไอ้มู่หยางมันกำเริบหนักลอบกัดคนรอบข้างเขาไม่เว้นแต่ละวัน สินค้าที่ควรส่งให้ลูกค้าแต่ดันถูกแย่งไประหว่างทาง หลายสิบปีที่ผ่านมามันเงียบต่อให้สืบสาวไปจนรู้เบื้องหลังว่าเป็นไอ้มู่หยางแต่มันก็ไม่กล้าเหิมเกริมบ่อยขนาดนี้ สงสัยอยู่นิ่ง ๆ ไม่เป็นอยากไปเที่ยวยมโลกมากกว่า เขาก็จะไม่ขัดหรอกนะ!
วันวิวาห์สูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งก่อนจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ก็ต้องนั่งแหมะลงที่พื้นอีกครั้งเพราะขาตัวเองไร้เรี่ยวแรงเสียเหลือเกิน ยกมือสองข้างขึ้นมาดูซึ่งมันสั่นจนแบบไม่สามารถบังคับได้เลย ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
นำทัพออกมาหาเพื่อนอีกครั้งหลังจากได้รับรายงานว่าไอ้มาร์คัสต้องถึงมือหมออีกรอบ เขาไม่รู้จะขอบคุณมันยังไงกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็มักมาเจ็บตัวเพราะคนตระกูลเขาอยู่เรื่อย
“กูขอโทษนะ ไม่น่าเลย” มาร์คัสหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขนาดตัวเองสู้จนบาดเจ็บแต่ก็รักษาอาวุธชั้นดีพวกนั้นเอาไว้ไม่ได้
“ของพวกนั้นจะสำคัญเท่าชีวิตมึงได้ยังไง” นักรบตบบ่าเพื่อนหนัก ๆ แค่มันไม่สังเวยชีวิตให้พวกนั้นก็ดีมากแล้ว ส่วนเรื่องธุรกิจค่อยหาทางออกอีกที “แล้วมึงจะส่งไปใหม่เหรอ?” หันไปถามแฝดพี่ของตัวเอง
“ก็คงงั้น ต้องแถมของสมนาคุณไปให้ด้วยในการล่าช้าครั้งนี้ แต่มึงไม่ต้องโทษตัวเองความผิดกูด้วยซ้ำกูน่าจะไปกับมึง”
“พวกมันมากันเยอะมาก แถมรู้ตำแหน่งเหมือนมีคนบอกจุด”
“มีคนบอกจุดเหรอ?” นำทัพเลิกคิ้วสูง ปกติเส้นทางเดินเรือที่เขาเลือกไม่เป็นที่หมายตาของนักลงทุนเท่าไหร่ และธุรกิจนี้เขาพึ่งเริ่มทำเท่านั้น ความจริงไอ้มู่หยางมันควรยังไม่รู้ด้วยซ้ำไป “มึงจะบอกว่ากูกำลังโดนคนใกล้ตัวหักหลัง?”
“น่าคิดนะ เราส่งของมาสิบกว่ารอบบางครั้งไม่มีพวกเราไปคุมด้วยซ้ำแต่ทำไมตอนนี้พวกศัตรูถึงรู้จุดพวกเรา” มาร์คัสออกความเห็น ที่ผ่านมาธุรกิจราบรื่นดีตลอดจริง ๆ “เหมือนมึงถูกคนใกล้ตัวหักหลังอย่างที่ว่า” มาร์คัสสบตานิ่งรู้ว่าเพื่อนเป็นคนฉลาดมาก แม้ฉากหน้ามันจะเที่ยว ดื่ม คลุกเคล้านารีไปวัน ๆ ก็ตาม แต่เขาที่เป็นเพื่อนสนิทมาเป็นสิบปีย่อมรู้ดี
นำทัพไม่ได้ตรงกลับโรงแรมแต่มายังไนต์คลับที่ตัวเองมาเป็นประจำ เขานั่งดื่มคนเดียวอยู่หน้าบาร์เหล้าสมองขบคิดไปถึงเรื่องมากมาย ช่วงนี้ไม่ว่าคนใกล้ตัวเขาจะทำอะไรก็มักถูกลอบทำร้าย เขาว่าไอ้มู่หยางมันคงอยากแตกหักจริง ๆ เลยทำทีส่งลูกสาวนอกสมรสเข้ามาแต่งเชื่อมสัมพันธ์
“สุดหล่อมาเที่ยวคนเดียวเหรอคะ ต้องการเพื่อนนั่งดื่มไหม” สาวสวยเบียดตัวเข้ามากลางหว่างขาใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจัดเต็มก้มลงมากระซิบกระซาบข้างหูชายหนุ่ม
“เธอมีปัญญาทำให้ฉันเสร็จได้เหรอ?”
“แน่นอนค่ะ ฉันมั่นใจ”
นำทัพกระตุกยิ้มพรายมุมปากก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกหมดแก้ว ปรายตามองตามมือเรียวสวยลูบไล้แผงอกเขาไปมาอย่างยั่วยวน รวบมือเล็กเอาไว้ก่อนจะลูบลงไปต่ำถึงจุดกลางกาย
“ฉันไม่สนใจผู้หญิงที่มาเสนอให้ถึงที่ มันดู...ไม่มีราคา” พูดจบก็วางแก้วก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วผละออกไป ทิ้งสาวสวยให้ยืนเหวออยู่ตรงนั้นร่วมนาที ก่อนจะกระทืบเท้าตึงตังอย่างทำอะไรไม่ได้แล้วเริ่มมองหาเป้าหมายใหม่
บนตึกสูงระฟ้าหญิงสาวในมุมหนึ่งของห้องใหญ่กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้ากลัดกลุ้มจนรู้สึกว่าประตูบานใหญ่เปิดออก เธอจึงขอวางสายก่อนแต่ประโยคสุดท้ายก่อนสายจะหลุดไปทำเอาวันวิวาห์ต้องกัดฟันกรอด!
(ถ้าพรุ่งนี้ฉันยังไม่ได้ข่าวคราวอะไรจากเธอสักอย่างล่ะก็ มือหนึ่งข้างของแม่เธอคงต้องเสียไปแล้วล่ะ)