@คอนโดมิเกล
"อื้อ!" มิเกลส่งเสียงครางในลำคอพร้อมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะทันทีที่เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ ก็ถูกริมฝีปากหยักได้รูปของเรียวประกบจูบเข้าแบบไม่ทันตั้งตัว
ฟอดดด ~
"หอมจัง" เรียวถอนริมฝีปากออกพร้อบกับกดจมูกโด่งเป็นสันเข้ากับพวงแก้มของเธอไปฟอดใหญ่อีกที
"เล่นอะไรเนี่ยตกใจหมด" ดีนะที่เธอไม่เสียหลักล้มหงายหลังลงไปกับพื้น
"ไม่สบายเหรอ" เมื่อเห็นสีหน้าอิดโรยของคนตรงหน้า เขาก็รีบยกหลังมือขึ้นแตะอังหน้าผากมนเพื่อวัดไข้ทันที
"ปวดหัวนิดหน่อยเองไม่เป็นไร"
"ทานข้าวหรือยัง ไปทานข้าวข้างนอกกันไหม" เรียวพยักหน้ารับเมื่อเธอพูดแบบนั้น ก่อนจะเอ่ยถามเสียงทุ้ม สองแขนกำยำยกขึ้นโอบกอดร่างบางไว้หลวม ๆ
"สั่งมาทานที่ห้องดีกว่า เกลปวดหัวไม่อยากออกไปไหน" ไม่อยากออกไปแล้วตกเป็นข่าวมือที่สามของเขาและคู่หมั้น อีกไม่นานเรื่องระหว่างเธอกับเขาก็คงจะจบลงแล้ว ปล่อยให้ทุกอย่างถูกเก็บเป็นความลับและจบลงพร้อมกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ คงจะดีกว่าให้คนอื่นมารับรู้ เพราะเธอเองก็ไม่อยากถูกตราหน้าว่าแย่งของของใครเหมือนกัน
"เอางั้นก็ได้ เกลอยากทานอะไร"
"เรียวสั่งเลย เกลจะไปแต่งตัวแล้วหนาว"
จุ๊บ
"ให้ช่วยไหม?" น้ำเสียงแหบพร่าและสายตาเจ้าเล่ห์ของเขาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่
"ไม่ต้องเลยนะ เมื่อคืนก็เอาแต่ใจตัวเองทั้งคืนแล้ว สั่งอาหารไปเลย ถ้าออกมาแล้วอาหารยังไม่มามีตบนะ" แทนที่เขาจะหวาดกลัวกับคำขู่ของเธอ แต่กลับยกยิ้มยียวนอย่างท้าทายอีกต่างหาก
"หนึ่งตบแลกหนึ่งน้ำ ยินดีให้ตบทั้งคืนเลย อ่าส์!" ไม่พูดเปล่าแถมยังทำเสียงครางกระเส่าใส่เธอด้วย
"ไอ้คนทะลึ่ง! ในหัวคิดแค่เรื่องพวกนี้หรือไง" พวงแก้มเนียนใสแดงระเรื่อด้วยความเขินอายกับคำพูดของเขา
"หึ หน้าแดงขนาดนี้แสดงว่าคิดเหมือนกันใช่ไหมล่ะ"
"พอเลย! เร็ว ๆ นะถ้าออกมาแล้วอาหารไม่มีเจอดีแน่" พูดจบเธอก็เดินเข้าห้องไปแต่งตัวทันที
เอาจริง ๆ ถ้าไม่เห็นข่าวเขาวันนี้ วันนี้คงจะเป็นอีกวันที่เธอคงจะมีความสุขมาก เพราะไม่ต้องมาคิดกังวลเรื่องอะไร แต่ยังไงก็คงหนีความจริงไม่พ้นอยู่ดี แต่ก่อนวันนั้นจะมาถึงเธอก็อยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเขาให้มากที่สุด อยากเก็บช่วงเวลาเหล่านี้ที่มีเขาอยู่ด้วยไว้ให้เยอะที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วคนที่ต้องถอยก็เป็นเธอเอง...
"ไม่ไปหาหมอจริง ๆ เหรอ" เสียงทุ้มเอ่ยถามคนในอ้อมกอดพลางลูบผมยาวสลวยของเธอไปมาเบา ๆ
หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จ เขาก็พยายามพูดให้มิเกลยอมไปหาหมอ เมื่อเห็นคนตัวเล็กเริ่มมีอุณหภูมิร่างกายที่อุ่นขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเธอไม่เคยป่วย หรือไม่เคยมีท่าทีอ่อนล้าขนาดนี้ให้เห็นเลยสักครั้ง จนทำให้เขาเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้
"กินยาแล้วเดี๋ยวก็หาย" เธอไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่เขากังวล ถึงจะเป็นก็คงจะเป็นไข้ใจล่ะมั้ง แม้จะไปหาหมอก็คงไม่หายอยู่ดี
"เฮ้อ~ ดื้อจริง ๆ " เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจกับคนตัวเล็ก แม้จะพูดยังไงเธอก็ไม่ยอมไปอยู่ดี
เมื่อต่างคนต่างไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้นอีก ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบงัน …เงียบจนรู้สึกอึดอัด
"เกล" เรียวเอ่ยเรียกเธอขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เงียบไปนาน เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเป็นคนบอกเธอด้วยตัวเอง
"มีอะไรหรือเปล่า" กลัวเหลือเกิน... กลัวว่าเขาจะพูดคำคำนั้นออกมา
"ฉัน…ฉันกำลังจะแต่งงาน" เขาเอ่ยบอกกับเธอเสียงเบา พร้อมทั้งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
คำพูดของเขาทำเอาเธอถึงกับจุกในอกจนพูดอะไรไม่ออก ต่างคนก็ต่างเงียบไปด้วยกันทั้งคู่อีกครั้ง มีเพียงอ้อมกอดจากเขาที่ยังกระชับแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ยอมปล่อย
"เดือนหน้าฉันจะแต่งงาน" น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดของเขา เอ่ยบอกกับคนในอ้อมกอดอีกครั้ง
"ค่ะ ฉันรู้แล้ว" รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง แต่พอเอาเข้าจริงกลับทำใจที่จะยอมรับได้ยาก
ในเมื่อมัน… ผูกพันไปกับเขาแล้ว
"รั้งฉันไว้ได้ไหมมิเกล… รั้งฉันไว้สิ"
"มันคงไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ยังไงซะคุณก็ต้องแต่งงานกับคู่หมั้นคุณอยู่ดี…" มือเล็กลูบไล้แก้มสากของเขาเบา ๆ อยากจะรั้งไม่ให้เขาไป แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้...
"ขอโทษ... ขอโทษที่ผูกความสัมพันธ์นี้ไว้ จนมันผูกพันมาขนาดนี้..." พูดจบเขาก็จูบลงบนศีรษะเล็กของเธอแผ่วเบา พร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก
น้ำเสียงที่ฟังดูเจ็บปวดของเขามันช่างบีบหัวใจของเธอนัก เหมือนสมองจะไม่สั่งการอะไรเมื่อเขาพูดคำนั้นออกมา ใบหน้าสวยซบหน้าลงกับแผงอกแกร่งของเขา ก่อนจะปล่อยให้น้ำใส ๆ ที่กำลังเอ่อคลอรอบดวงตา ให้มันไหลลงมาช้า ๆ อย่างยากที่จะหักห้ามได้ นี่เธอ... ต้องไปจริง ๆ ใช่ไหม
ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อมกอดเริ่มสั่นสะท้านเบา ๆ เขายิ่งรู้สึกผิด ผิดตั้งแต่แรกที่ไม่ยอมปล่อยเธอไป ผิดที่รั้งเธอเอาไว้จนถึงทุกวันนี้ ผิดที่ต้องมาทำร้ายเธอแบบนี้
มิเกลปล่อยให้ตัวเองร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ในอ้อมกอดของเขาแบบนั้น โดยที่เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก มีเพียงอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้น ยิ่งร่างกายเธอสั่นเทามากขึ้นเท่าไหร่ แรงกอดจากเขาก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น จนเธอไม่อาจห้ามเสียงสะอื้นของหัวเองได้อีกต่อไป
"ฮึก..."
หลายวันต่อมา
@งานเปิดตัวเครื่องเพชร
งานเดินแบบเปิดตัวเครื่องเพชรสุดยิ่งใหญ่อลังการถูกจัดขึ้นภายในโรงแรมหรูในกลางเมือง โดยที่มีนางแบบสาวสวยสุดเซ็กซี่อย่างมิเกล เป็นคนเดินปิดท้ายด้วยชุดเครื่องเพชรมูลค่ามหาศาลกว่าหลักร้อยล้านในชุดฟินาเล่อย่างสง่างาม ทุกก้าวเดินของเธอถูกจับตามองจากแขกภายในงาน และเหล่าช่างภาพที่ต่างก็กดชัตเตอร์กันรัว ๆ เพราะกลัวจะพลาดไปแม้แต่จุดเดียว
สายตาคมของเจ้าของงานอย่างเรียว จับจ้องไปที่ร่างบางของมิเกลตาแทบไม่กะพริบตา เธอดูสวยสง่าสมคำร่ำลืออย่างที่ทุกคนกล่าวถึง และเธอคงจะดูสวยสง่ามากกว่านี้ หากแววตาของเธอนั้นไม่มีความเศร้าปะปนอยู่ ยิ่งจังหวะที่เธอหันมาสบตากับเขายิ่งเห็นได้ชัด ว่าแววตาเธอนั้นเศร้าหมอง ต่างจากรอยยิ้มที่เธอส่งผ่านมันออกมาอยู่ตอนนี้
การเดินแบบชุดสุดท้ายของงานผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น ทำเอามิเกลเองก็ถึงกลับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่เธอสามารถทำงานนี้ผ่านพ้นไปได้จนสำเร็จ เพราะตั้งแต่คืนนั้นเมื่อหลายวันก่อน ที่เขาบอกกับเธอว่าจะแต่งงาน พอเช้ามาเธอก็ไม่เจอเขาอีกเลยตั้งแต่วันนั้น และนี่เป็นการเจอหน้ากันครั้งแรกในรอบหลายวันที่ผ่านมาระหว่างเธอและเขา...
"ขอเชิญคุณเรียวร่วมถ่ายภาพบนเวทีด้วยค่ะ" เสียงพิธีกรหญิงประกาศผ่านไมโครโฟน ก่อนที่ร่างสูงจะก้าวเดินขึ้นเวทีด้วยความสง่า
"ขอถ่ายภาพคู่ระหว่างคุณเรียวกับคุณมิเกลหน่อยนะคะ" เสียงช่างภาพและเหล่านักข่าวจากด้านล่างดังขึ้นมาบนเวที ทำเอามิเกลถึงกับสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง ก่อนที่เรียวจะเป็นฝ่ายขยับเข้ามายืนเคียงข้างเธอเพื่อถ่ายภาพคู่กัน
มิเกลยังคงยืนยิ้มอยู่เคียงข้างเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่งยิ้มให้กับกล้องที่กำลังรัวชัตเตอร์มาที่เธอและเขาอย่างมืออาชีพ แม้ว่าภายในใจจะบอบช้ำมากแค่ไหนก็ตาม
ปึก!
"อ่ะ" เสียงเล็กของมิเกลร้องออกมาเบา ๆ ด้วยความตกใจ เมื่อยืนถ่ายรูปเคียงข้างอยู่กับเขาดี ๆ ก็มีคนเข้ามาแทรกตรงกลางทำให้เธอแทบเสียหลัก พอหันไปมองถึงได้รู้ว่า คนที่เดินมาแทรกกลางระหว่างเธอกับเขานั้น ก็คือแม่ของเขา
แม่เขาหันมาปรายตามองเธอเพียงนิด ก่อนจะยื่นมือไปรับไมค์จากพิธีกรสาวที่ยื่นมาให้ พร้อมกับยิ้มกว้างให้กับแขกในงาน
"สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานในวันนี้ ฉันขอใช้โอกาสนี้ชี้แจงเรื่องข่าวที่หลุดออกไปของเรียวเลยแล้วกัน..." เสียงที่เอ่ยออกมานั้นดังก้องไปทั่วทั้งงาน จนสามารถเรียกความสนใจของแขกในงานได้อีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยพูดต่อเมื่อทุกคนในงานต่างพร้อมใจกันเงียบฟังอย่างตั้งใจ
"ผู้หญิงในภาพนั้นคือหนูติน่าคู่หมั้นของเรียว ลูกชายคนเล็กของดิฉัน และทั้งคู่ก็กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กันในเดือนหน้านี้"
สิ้นสุดเสียงประกาศของคนเป็นแม่ เรียวก็รีบหันขวับไปมองมิเกลที่ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ กับแม่ของเขาที่เดิม ซึ่งเธอเองก็หันมามองเขาเช่นกัน ก่อนที่สายตาคมจะเหลือบไปเห็นติน่า ที่กำลังเดินขึ้นบนเวทีโดยที่แม่ของเขาก็ขยับถอยห่างให้ติน่าเข้ามายืนแทนที่ ทำให้มิเกลต้องขยับตัวถอยออกมาด้วย
มิเกลมองภาพที่ทั้งคู่ควงแขนกันอย่างแสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้าทุกคนด้วยสายตานิ่งเฉย เพราะยังอยู่ต่อหน้าสื่อและคนอื่น ๆ ก่อนที่เธอจะอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังให้สนใจว่าที่บ่าวสาว เดินลงมาจากเวทีเงียบ ๆ
"ไปหาหมอไหมมิเกล เจ๊เห็นหน้าตาดูไม่ดีมาหลายวันแล้วนะ" เจ๊ชาช่ายกมือขึ้นแตะอังหน้าผากมนเธอเบา ๆ เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง
"แค่ปวดหัวเองเจ๊ เดี๋ยวกินยานอนพักก็คงหาย"
"ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้นะ งั้นก็รีบเปลี่ยนชุดเถอะเดี๋ยวไปกินข้าวกัน อีกไม่กี่วันก็จะได้พักร้อนยาว ๆ แล้ว" เจ๊ชาช่าพูดว่าให้เธออย่างไม่จริงจังนัก ก่อนช่วงมิเกลถอดเครื่องเพชรและเปลี่ยนชุด
"ไว้วันหลังได้ไหมเจ๊ วันนี้ฉันปวดหัวมาก" มิเกลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอิดโรย
"อ่ะ ๆ วันหลังก็วันหลัง"
"งั้นฉันกลับก่อนนะเจ๊"
"ไหวแน่นะ ให้เจ๊ไปส่งดีกว่าไหม" เห็นท่าทางและน้ำเสียงอิดโรยของมิเกล ชาช่าเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริง ๆ ไม่อยากให้เธอขับรถเอง
"ไหวเจ๊ แล้วเจอกันค่ะ"
"ขับรถดี ๆ ถึงแล้วโทรบอกเจ๊ด้วยนะ" เจ๊ชาช่าถอนหายใจให้กับความดื้อของมิเกล เพราะถ้าไม่ถึงที่สุดจริง ๆ มิเกลก็ไม่ยอมเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากใคร
มิเกลพยักหน้ารับก่อนจะก้าวเดินออกจากสถานที่จัดงานด้วยสภาพจิตใจที่บอบช้ำ ความสัมพันธ์ของเธอและเขาสุดท้ายก็เดินมาถึงทางตันจนได้ ทั้งที่ก็รู้มาตลอดว่าวันที่เธอต้องเดินออกมายังไงก็ต้องมาถึง แต่เธอ...เธอแค่ตั้งรับไม่ทันเท่านั้นเอง
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้น ดึงสติที่กำลังเหม่อลอยของมิเกลให้กลับคืนมา ก่อนที่เธอจะรีบเช็ดน้ำตาที่ไม่รู้ว่าไหลออกมาตอนไหนอย่างลวก ๆ
"คุณมิเกลให้ผมไปส่งไหมครับ" แม็กซ์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อมิเกลเลื่อนกระจกรถลง เขาเห็นตั้งแต่เธอเดินออกมาแล้ว และยังไม่ยอมออกรถสักทีเลยเดินมาดู
"ไม่เป็นไร ขอบคุณนะคะ" พูดจบมิเกลก็เลื่อนกระจกขึ้นทันที ทำให้แม็กซ์ต้องรีบถอยห่างจากรถเธอ ก่อนที่รถยนต์คันหรูจะค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปตามทางเดินรถสู่ถนนสายหลักจนลับสายตา