- 2 -
สถานะแฟน
"เฮ้ย ๆ จะรีบไปไหนวะไอ้เต ไม่เห็นหัวเพื่อนรึไงวะ"
เสียงเรียกรั้งของวิทและแรงดึงของนิคทำให้เตโชจำต้องหยุดชะงักฝีเท้าและกลอกสายตาไปมาอย่างนึกรำคาญกับความสอดรู้ของเพื่อน ทั้งที่สองคนนี้ก็รู้ดีว่าหลังเลิกงานแบบนี้เขาจะไปที่ไหน
"ปล่อยกู เดี๋ยวไปช้า" เตโชเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนิ่ง พลางก้มหน้าลงมองนาฬิกาที่ตอนนี้บ่งบอกว่าห้าโมงกว่าแล้ว
"เดี๋ยวเมลรอนานเหรอครับคุณเต"
"ฮั่นแน่! คบกันรึยังวะ เมลเสน่ห์แรงนะโว้ย ถ้ามึงยังชักช้าระวังพระเอกหล่อ ๆ จะคาบตัดหน้า!"
ที่ต้องรีบร้อนออกจากที่ทำงานแบบนี้ก็เป็นเพราะเขามีนัดกับเมลบี แล้วเขาก็ไม่อยากให้เธอต้องรอนาน เนื่องจากการจราจรในเมืองหลวงเวลานี้นั้นต้องใช้เวลานานพอสมควร หากต้องมาตอบคำถามของเพื่อนทั้งสองคนก็คงกินเวลาเพิ่มไปอีก
หลังจากค่ำคืนนั้นทั้งเตโชและเมลบีก็ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่มากกว่าคำว่า 'เพื่อน' เตโชเป็นฝ่ายขอช่องทางติดต่อจากเมลบีก่อน ทำให้ในวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สองคนพูดคุยกันเรื่อยมาจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือน
ทั้งสองคนยังคงไม่พูดถึงสถานะ อีกทั้งเพื่อนอย่างนิคที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันกับเมลบีเองก็รับรู้และยังออกปากเชียร์อย่างเต็มอก เพราะเตโชเองถึงแม้ว่าจะเจ้าเสน่ห์และอดีตเคยเจ้าชู้ แต่ปัจจุบันนับว่าเป็นคนที่โปรไฟล์ดีเลยทีเดียว ส่วนเมลบีเองก็เป็นคนเก่ง เธอขยันทำงานและมีความเด็ดเดี่ยว หากทั้งสองคนคบหากับเขาก็เห็นว่าเหมาะสมที่สุด
"พระเอกหน้าไหนก็สู้กูไม่ได้หรอก ถอยไปได้แล้ว กูรีบ!"
"ถ้ามึงเล่น ๆ กับเมลกูเอามึงตายนะไอ้เต เมลเขาเป็นเด็กดี ถ้ามึงคิดจะ..."
"กูไม่ได้เหี้ยขนาดนั้นครับเพื่อนนิค"
"มึงไม่ได้เหี้ยแต่มึงเจ้าชู้ไงไอ้เต" เป็นวิทที่แทรกขึ้นและตบที่ไหล่ของเตโชเบา ๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเตโชเสน่ห์แรงแค่ไหน แค่พนักงานในบริษัทก็ต่อคิวสมัครเป็นแฟนจนเกือบหมด
"เจ้าชู้ที่มึงหมายถึงคืออะไร กูไม่เคยคบซ้อน คุยก็คุยทีละคน จริงอยู่ที่กูเคยมีแฟนมาหลายคน แต่กูก็ไม่ใช่คนที่จะคุยจะคบคนอื่นไปทั่วไหมล่ะ"
"เออว่ะ..."
พอได้ยินคำอธิบายขยายความก็ทำให้สองหนุ่มถึงกับออกปากอย่างพ้องกัน
"กูไปละ เดี๋ยวเมลรอนาน" เตโชยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะหมุนตัวและเดินออกไป แต่ไม่นานเสียงตะโกนก็ตามไล่หลังมาติด ๆ
"เฮ้ยไอ้เต แล้วสรุปจริงจังไหมวะ"
เตโชหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันกลับไปเล็กน้อยเพื่อตอบในสิ่งที่เพื่อนอย่างนิคกำลังสงสัย
"ถ้าคนนี้ใช่...กูก็หวังแต่งเลยแหละ!"
รถยนต์เอสยูวีขับมาจอดเทียบหน้าตึกสูงใหญ่ใจกลางเมือง คนที่ยืนรอก็รีบวิ่งเข้ามาหาก่อนจะเปิดประตูและขึ้นนั่งที่เบาะฝั่งข้างคนขับอย่างที่ทำประจำ
"รอนานไหม"
"ไม่เท่าไหร่นะ" หญิงสาวไหวไหล่เล็กน้อย จัดการดึงเข็มขาดนิรภัยมาคาดตัวและหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเพื่อบันทึกงานที่ได้รับมอบหมายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ส่วนคนขับที่ได้รับคำตอบแบบนั้นก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร เตโชออกรถไปตามท้องถนนโดยมีเสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ ให้เป็นเพื่อนร่วมทางมาตั้งแต่บริษัท แต่ตอนนี้มีคนข้างกายอยู่ด้วยแล้วกลับรู้สึกว่าเป็นเวลาที่พิเศษกว่าช่วงอื่น
"ขอจับมือหน่อยสิ" ไม่ว่าเปล่าเขายังยื่นมือไปตรงหน้าของเมลบี หวังจะได้จับประสานกับมือของเธอในระหว่างการขับรถ
"ได้สิคะคุณเต" เมลบีหัวเราะร่าและวางมือลงกอบกุมประสานกับมือหนาอย่างเต็มใจ
"เราจะคบกันได้ยัง"
ไม่รอให้เกิดช่องว่างของบทสนทนาเสียงเข้มของเตโชก็เอ่ยขึ้น พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่หันมองอย่างเอาคำตอบกับคนข้างกาย
เขาเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับสถานะระหว่างตัวเขาและเมลบี หลังจากที่ตกลงที่จะพูดคุยกันมากกว่าเพื่อน อีกทั้งตอนนี้ก็ผ่านไปได้หนึ่งเดือนแล้ว เขาคิดว่ามันคงถึงเวลาที่เขาและเธอจะต้องคบหากันในฐานะแฟนสักที
"..." หญิงสาวชะงักกลางคันรีบหันมองคนข้างกายด้วยแววตาเบิกกว้าง
เธอตกใจกับคำพูดของเขา ไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้ยินคือความฝันหรือเธอหูแว่วไปเท่านั้น
"เราคุยกันมาเดือนกว่าแล้วนะเมล ไว้ใจเตยัง" เตโชกอบกุมมือบางมาประสานอย่างแนบแน่น ขณะที่สายตาก็หันกลับไปจดจ้องกับหนทางตรงหน้าต่อ ถึงเวลาที่เขาจะต้องพูดเรื่องนี้สักที และเขาเองก็มั่นใจว่าเธอเองก็คิดเช่นเดียวกับเขา
"ไว้ใจสิ ถ้าไม่ไว้ใจเมลจะกล้าขึ้นรถมากับเตรึไง" เมลบีหัวเราะพลางส่ายหน้าเบา ๆ หากเธอไม่ไว้ใจเธอก็คงไม่กล้าขึ้นมานั่งบนรถเขาแบบนี้หรอก
หลังจากค่ำคืนนั้นที่เตโชขับรถมาส่งเมลบีที่บ้าน เธอก็ให้ช่องทางการติดต่อกับเขา และทั้งสองคนก็คุยกันเรื่อยมาจนกระทั่งเตโชตัดสินใจที่จะอาสาไปส่งเธอที่บ้านเมื่อเลิกงาน บางครั้งก็ชวนไปกินข้าว หรือบางทีก็ชวนไปดูหนัง กิจกรรมก็เหมือนคู่รักทั่ว ๆ ไปที่มักจะต้องหาเวลาหลังเลิกงานเพื่อมาเจอกัน แต่เพียงแค่สองคนยังไม่เอ่ยถึงสถานะเท่านั้น
"งั้นแปลว่าเราสองคนเป็นแฟนกันแล้วนะ"
"แหนะ ไม่รอให้เมลตอบก่อนเหรอ" หญิงสาวขมวดคิ้วมองหน้าเตโชที่ตอนนี้กำลังยิ้มนำมาแต่ไกล
"แล้วเมลตกลงไหม"
"ขนาดนี้ก็ต้องตกลงแล้วไหม"
คำตอบของหญิงสาวทำให้เตโชยิ้มกว้างออกมา เขาดึงมือเธอเข้ามาแนบกับใบหน้าพลางจูบบาง ๆ ที่หลังมือของเธอเพื่อตอกย้ำถึงสถานะที่เพิ่งเริ่มต้นเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา
"วันนี้เราฉลองกันดีกว่า วันแรกที่คบกันเราไปกินอาหารหรู ๆ เลยดีไหม"
"วันนี้คงไม่ได้อะเต เมลต้องท่องบท พรุ่งนี้มีถ่ายละครน่ะ วันอื่นได้ไหมอ่า" เมลบีทำหน้าเสียดาย เธออยากไปทานข้าวกับเขา แต่เนื่องด้วยภาระหน้าที่ของตัวเองทำให้คืนนี้ไม่สามารถไปได้
"ไม่เป็นไรเมล ไว้วันอื่นก็ได้ เอาที่เมลสะดวกเลย" เตโชยิ้มบาง ๆ และมือมาวางที่เรือนผมนุ่มของแฟนสาว
เตโชเข้าใจดีว่าเธอจริงจังและเต็มที่กับงานมากแค่ไหน ตอนนี้เมลบีอยู่ในฐานะนักแสดงหน้าใหม่ เธอเริ่มต้นเข้าวงการจากการถ่ายโฆษณาตามคำเชิญชวน จนกระทั่งมีคนให้เธอไปแคสละคร ถึงแม้จะไม่ใช่บทเด่นแต่เธอก็ยินดีและพร้อมรับทุกบทบาท
งานหลักของเมลบีจะเป็นการถ่ายโฆษณา เล่นเอ็มวี และการรับรีวิวสินค้าลงโซเชียล แต่พอมีงานละครเข้ามาก็ทำให้เธอเลือกที่จะหันมาทุ่มเทกับการแสดงให้มากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลำบากในเรื่องการเงินเหมือนเมื่อก่อน แต่เธอก็ยังอยากรับงานให้เยอะมากขึ้นเพื่อความมั่นคงของตัวเองและครอบครัว
"นั่นรถใครน่ะเมล"
พอขับรถมาได้สักพักก็ถึงบ้านของหญิงสาวที่เตโชมักจะมาส่งเธออยู่บ่อย ๆ จนกระทั่งขับเข้ามาในซอยของหมู่บ้านก็พบว่าเป็นรถยนต์ที่จอดขวางอยู่หน้าประตูบ้านของเธอ แถมประตูรั้วก็ถูกเปิดออกกว้างราวกับมีใครอยู่ในบ้าน
"พ่อเหรอ...น่าจะพ่อกับแม่เมลแน่เลย กลับมาทำไมไม่บอกนะ...เตรอก่อนนะอย่าเพิ่งกลับ เมลขอเข้าไปดูด้านในก่อน" เมลบีมองรถยนต์ที่จอดนิ่งสนิทด้วยความแปลกใจ พลันเมื่อตัวรถจอดเทียบทำให้เปิดประตูและเดินเข้าไปด้านในตัวบ้าน ส่วนเตโชเองก็ลงจากรถและยืนรอเธออยู่ด้านนอก เพราะไม่อยากล้ำก้าวเข้าไปในบ้านของเธอเนื่องจากเกรงใจ
"อ้าวเมล กลับมาแล้วเหรอลูก" เสียงเอ่ยของชายวัยกลางคนทำให้เมลบีรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดอย่างแนบแน่น ขณะที่คนเป็นแม่ก็เดินออกจากครัวเข้ามาหาลูกสาวที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบสองเดือนเต็ม
"พ่อกับแม่จะกลับมาทำไมไม่บอกเมลก่อนล่ะคะ เมลจะได้ไม่รับงานตอนบ่าย"
หากรู้ว่าพ่อกับแม่จะมาหาที่บ้านเธอก็คงเตรียมตัวออกไปซื้อของที่ตลาดเพื่อจัดทำอาหารมื้อใหญ่ไว้ต้อนรับอย่างแน่นอน
พ่อกับแม่ของเธอยังคงรับจ้างส่งของไปตามจังหวัดต่าง ๆ เหมือนเช่นเคย ถึงแม้ว่าจะเริ่มปลดหนี้ไปได้เยอะแล้วแต่ก็ยังรับงานอยู่เสมอ ส่วนเมลบีเองก็นำเงินที่ได้จากการทำงานส่งให้พ่อกับแม่ได้ปลดหนี้ทุกเดือนเพื่อแบ่งเบาภาระ และเธอเชื่อว่าอีกไม่นานเธอและครอบครัวจะได้กลับมาอยู่ด้วยก็เหมือนเดิม โดยที่ไม่ต้องโหมทำงานหนักอย่างเช่นตอนนี้
"แล้วนี่กลับมายังไงล่ะ แม่ได้ยินเสียงรถ ใครมาส่งเหรอ"
"คือ...แฟนเมลมาส่งน่ะค่ะ เดี๋ยวเมลพามาแนะนำให้รู้จักนะคะ" เมลบีอึกอักในคำตอบเล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอพาแฟนหนุ่มมาพบเจอกับพ่อและแม่ แต่เธอก็อยากถือโอกาสให้เตโชทำความรู้จักกับพวกท่านไว้ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยก็ตาม
เมลบีเดินกลับออกไปด้านนอกบ้านก็เห็นว่าเตโชกำลังยืนพิงตัวรถรออยู่อย่างที่บอกไว้จริง ๆ หญิงสาวยิ้มร่าเดินเข้าไปกอดของเขาเอาไว้ เธออยากให้แฟนหนุ่มได้ร่วมโต๊ะทานข้าวเย็นกับพ่อและแม่ของเธอด้วย
"พ่อกับแม่เมลอยู่ในบ้าน เมลอยากแนะนำแฟนของเมลให้ท่านรู้จักน่ะ เตโอเคไหม"
"ได้สิ เตเองก็อยากเจอพวกท่านเหมือนกัน"
ที่จริงเขารอจังหวะนี้มานานแล้วเพียงแค่ยังไม่มีโอกาส แล้วก็โชคดีที่วันนี้พ่อและแม่ของเธอมาหาที่บ้านในวันที่เขาและเธออยู่ในฐานะคนรัก
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในบ้านซึ่งมีพ่อและแม่ของเมลบีนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวกลางบ้านด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง หญิงสาวนั่งลงข้างกายของคนเป็นแม่เพื่อตั้งใจแนะนำแฟนให้รู้จัก
แต่ทว่า...
"ทำไมเมลมีแฟนแล้วไม่บอกแม่"
คำพูดแรกที่หญิงวัยกลางคนทำให้เตโชรีบเก็บมือประสานให้อยู่ตรงหน้า สีหน้าและน้ำเสียงของแม่เธอบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าไม่ได้พึงพอใจกับการมีอยู่ของเขาเลยสักนิด
"คือเมล..." เธอไม่รู้จะเอ่ยอธิบายยังไงเพราะเพิ่งตัดสินใจคบกันเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา หญิงสาวมองหน้าแฟนหนุ่มด้วยสายตาสั่นเทาและกังวลใจ ปกติแล้วพ่อและแม่ของเธอไม่เคยหักห้ามในเรื่องความรักเลยสักครั้ง แต่ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้มีท่าทีแบบนี้ได้
"เมลลืมสัญญาของเสี่ยชัยไปแล้วเหรอ"
มือหนาของชายวัยกลางคนรีบคว้าจับภรรยาเอาไว้ในทันทีเป็นเชิงห้ามเมื่อพูดถึงเจ้าหนี้ผู้มีบุญคุณ
"เมลไม่เคยลืมสัญญาของเสี่ยชัยค่ะ แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่เมลมีแฟนเลยนี่คะ"
"ทำไมจะไม่เกี่ยว..."
"เอาล่ะ ๆ พอเถอะคุณ อย่าเสียมารยาทสิ" เมื่อเห็นว่าเริ่มท่าไม่ดีก็ทำให้ผู้เป็นพ่อแทรกขึ้นและตบเบา ๆ ที่หลังมือของภรรยา หากปล่อยให้พูดมากกว่านี้คงจะเสียแผนและทำให้ลูกสาวเตลิดเป็นแน่
"นี่เตโชค่ะ แฟนของเมล" เมลบีผ่อนลมหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะหันไปแนะนำแฟนหนุ่มให้กับพ่อและแม่ได้รู้จัก แต่ลึก ๆ เธอเองก็ยังสงสัยว่าทำไมแม่ของเธอถึงได้ไม่พอใจแบบนี้
"สวัสดีครับ ผมเตโชนะครับ"
"ทำงานอะไรล่ะ แล้วเป็นลูกเต้าเหล่าใคร"
"แม่คะ..." หญิงสาวแทรกห้ามเมื่อเห็นว่าแม่ของตัวเองเสียมารยาทอีกครั้ง
"ผมเป็นสถาปนิกอยู่ที่บริษัทเอโอซีครับ พ่อผมก็เป็น..."
"เหอะ! ก็แค่พนักงานธรรมดา ๆ คนหนึ่ง" น้ำเสียงเย้ยหยันทำให้เมลบีกำมือแน่น หญิงสาวจับประสานมือของเตโชเอาไว้บาง ๆ เพราะไม่อยากให้แฟนหนุ่มต้องรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"วันนี้แม่เป็นอะไรคะ พนักงานธรรมดาแล้วยังไง เมลเองก็เป็นคนธรรมดา"
"เมลเป็นดารา สวยก็สวย หน้าตาก็ดี อนาคตก็ยังอีกไกล ทำไมถึงเลือกคนธรรมดาแบบนี้ล่ะลูก!"
"แม่คะ!"
"เมล..." เตโชจับมือของเมลบีเอาไว้เมื่อเธอเริ่มตะคอกเสียงดัง เขาไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่อยากให้เธอต้องมีปัญหากับครอบครัว
"เอ่อ...พ่อว่าลูกพาเขากลับไปก่อนเถอะนะ แม่คงตกใจน่ะ ไม่มีอะไรหรอก"
"ครับ ไว้ผมจะแวะมาหาใหม่นะครับ" เตโชออกปากรับและยกมือทั้งสองคนอย่างนอบน้อม ในเมื่อวันนี้แม่ของเธอยังไม่พร้อมเจอเขาก็ไม่เป็นไร แต่ครั้งหน้าเขาเองก็มั่นใจว่าจะทำให้แม่ของเธอยอมรับในตัวเขาให้ได้
"ไปส่งเขาแล้วก็รีบกลับเข้ามาล่ะ แม่มีเรื่องจะคุยด้วย"
"วันนี้เมลจะไม่นอนบ้านค่ะ เมลจะนอนที่บ้านของแฟนเมล" หญิงสาวเอ่ยออกไปเสียงดังก่อนจะจับจูงมือของเตโชให้ออกไปยังด้านนอกตัวบ้าน โดยมีเสียงตะโกนและร้องเรียกดังไล่หลังตามมาไม่หยุด
"เมล...เตว่า..."
"ไปกันเถอะเต พาเมลออกไปจากที่นี่ที"