1 -แรกพบ

1981 Words
- 1 - แรกพบ คืนวันศุกร์ของเหล่ามนุษย์เงินเดือนมักจะกลายเป็นวันพิเศษที่สุด หรือที่ใครหลายคนเรียกว่า 'ศุกร์ (สุข) หรรษา' พนักงานของบริษัทเอโอซีนั่งเรียงรายกันอยู่บนโต๊ะภายในคลับชื่อดัง แต่ละโต๊ะจะมีพนักงานหลายแผนก เพราะต่อให้ตำแหน่งและหน้าที่ต่างกัน แต่เวลาเลิกงานแล้วยังไงก็คือเพื่อนกันเหมือนเดิม พวกเขาใช้เวลาไปกับการดื่มด่ำไปกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเสียงเพลงที่เปิดคลอ คงจะมีแต่ของเหลวสีอำพันในแก้วทรงสั้นที่จะอยู่เคียงข้างกันในค่ำคืนนี้...แต่คงไม่ใช่กับผู้ชายที่ชื่อเตโช! "ไอ้เต มึงเป็นไรวะ นั่งทำหน้าเป็นตูดตั้งแต่มาถึงแล้ว!" เสียงเข้มเอ่ยขึ้นทำลายความอึมครึมภายในโต๊ะ รวมไปถึงฝ่ามือหนัก ๆ ที่ตบลงมายังไหล่เจ้าของหน้าเป็นตูด ต่างก็เสียงเรียกหัวเราะจากคนรอบข้างกันยกใหญ่ "เออนั่นดิ! ศุกร์หรรษาทั้งทีทำไมมึงทำหน้าเบื่อแบบนั้นวะ" "กูเบื่อ อยากกลับไปนอน" ไม่ว่าเปล่ายังนั่งเท้าคางและกลอกสายตาไปมาอย่างนึกเบื่อหน่ายตามคำพูดของตัวเอง จริงอยู่ที่ปกติแล้วเตโชมักจะตื่นเต้นและเฝ้ารอเวลาเย็นวันศุกร์ เพราะอยากออกมาสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน แต่วันนี้เขากลับรู้สึกเบื่อหน่ายและอยากกลับบ้านไปนอนให้เร็วที่สุด "หรือว่ามึงยังเครียดโปรเจกต์อยู่วะ" "เออ มึงเครียดเรื่องนั้นเหรอวะ" "แต่ก็น่าเครียดอยู่หรอก ถ้ามันทำไม่ทันก็เท่ากับว่ามันจะไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นลูกชายของประธาน แต่ในเรื่องการทำงานก็ไม่มีคำว่าพ่อลูกอยู่ดี" เพื่อนทั้งสามคนอย่างนิคและวิทเอ่ยขึ้นเมื่อนึกถึงสถานการณ์เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พวกเขาเป็นสถาปนิกของบริษัทชื่อดัง ทำงานด้วยกันมาเกือบสามปี แต่ก็เพิ่งมารู้ว่าเพื่อนอย่างเตโชจะเป็นถึงลูกชายประธานบริษัทเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เตโชทำงานในฐานะสถาปนิกได้อย่างคล่องแคล่วและเก่งกาจ แถมยังเป็นตัวเด่นของบริษัท ด้วยรูปร่างหน้าตาและการทำงานที่ขึ้นชื่อว่าเป๊ะและเนี้ยบที่สุด ซึ่งขัดกับลุคหลังเลิกงานไปโดยสิ้นเชิง หลังจากที่ถอดคราบพนักงานเขาก็กลายเป็นคนธรรมดาที่เข้าถึงง่ายและน่าดึงดูดที่สุด "เบาดิไอ้วิท เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก" เตโชหันขวับไปมองเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาดุ เขาไม่ต้องการให้คนอื่นรับรู้ว่าเขาเป็นใคร รู้เพียงว่าเขาเป็นพนักงานธรรมดาคนหนึ่งก็พอแล้ว "มึงไม่ต้องคิดมาก โปรเจกต์ยังไม่เริ่มเลย ใจเย็นดิวะ" "ไอ้สัส โปรเจกต์เริ่มในอีกสามวัน จะให้กูใจเย็นลงได้ไง" หากยังมีเวลาเป็นเดือนเขาก็คงไม่มานั่งเครียดแบบนี้ ถึงแม้ว่าเตโชจะอยู่ในฐานะสถาปนิกอันดับต้น ๆ ของบริษัทและเป็นลูกชายของประธานใหญ่ แต่เขาก็อยากทำงานออกมาให้ดีที่สุด การที่เขาเลือกมาทำงานที่บริษัทของพ่อตัวเองก็เพื่ออยากพิสูจน์ฝีมือว่าเขามีความสามารถโดยไม่ต้องพึ่งพาบารมีพ่อตัวเองในการเข้าทำงาน "อ้าวเมล มาทำไรที่นี่เนี่ย" ทว่า...นิคเรียกหญิงสาวที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบนของคลับ ใบหน้าหวานและรูปร่างที่โดดเด่นทำให้เขาจำได้ว่าเธอคือเพื่อนบ้านที่อยู่ซอยถัดไป "นิค...เมลมาดื่มกับลูกค้าน่ะ" หญิงสาวมีท่าทีตกใจเล็กน้อย เธอมาที่นี่เพราะมาดื่มกับลูกค้าเนื่องจากเพิ่งได้งานถ่ายโฆษณาสินค้าชื่อดัง แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอเพื่อนบ้านในสถานที่แบบนี้ "นั่งก่อนสิเมล เดี๋ยวแนะนำเพื่อนให้รู้จัก" หญิงสาวยิ้มบาง ๆ ตอบรับและนั่งลงบนโต๊ะท่ามกลางสายตาของเหล่าผู้คนโดยรอบที่มองเธอด้วยความสนใจเป็นตาเดียว ด้วยรูปหน้าและเรือนร่างของเธอนับว่าโดดเด่น ผิวกายขาวเนียนและชุดเดรสรัดรูปที่สวมใส่ทำให้เธอดูสะดุดตาเพียงแรกเจอ รวมไปถึงเตโชเองที่มองเธอด้วยความเรียบนิ่ง แต่สายตาของเขาจดจ้องเธอไม่วางตามาตั้งแต่ต้น "นี่เมลบี เพื่อนข้างบ้านกูเอง ส่วนนี่เพื่อนนิค ไอ้วิทและก็ไอ้เต เป็นสถาปนิกเหมือนกัน" "สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ" เมลบียิ้มน้อย ๆ อย่างเป็นมิตร เธอรู้จักกับนิคมาตั้งแต่เพิ่งย้ายบ้าน นิคเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งและเธอก็ยินดีที่จะได้รู้จักกับเพื่อนของเขาเช่นกัน "เมลสั่งเครื่องดื่มอะไรไหม เดี๋ยวผมสั่งให้" เป็นวิทที่เสนอถาม เขาจำเธอได้ว่าเธอถ่ายโฆษณามาหลายตัวและเคยเห็นหน้าเธอตามโซเชียลอยู่บ่อย ๆ "ไม่ดีกว่าค่ะ เมลดื่มไม่เก่ง เมื่อกี้ก็ดื่มไปเยอะแล้วด้วย" หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ เธอไม่ใช่คนดื่มเก่งและไม่อยากคอพับต่อหน้าคนที่เพิ่งรู้จักกัน อยู่นั่งคุยแบบนี้คงดีกว่าดื่มเข้าไปเพิ่ม "อ้าว แล้วมาดื่มกับลูกค้าแบบนี้ไม่กลัวเมาเหรอ" เตโชที่นั่งเงียบมานานก็เอ่ยถามขึ้น เขาพอเห็นแก้มของเธอที่มันออกสีแดง ดูก็รู้ว่ามันคงเป็นฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เธอดื่มเข้าไป "มันเลี่ยงไม่ได้น่ะค่ะ เขาเป็นลูกค้าที่ให้งานเมลทำ" คนที่ฟังได้แต่พยักหน้ารับ พอเข้าใจว่าการนั่งดื่มกับลูกค้าเป็นเหมือนธรรมเนียมปฏิบัติอย่างหนึ่ง สถาปนิกอย่างพวกเขาเองก็ต้องดื่มกับลูกค้าบ่อยเหมือนกัน "แล้วนี่มากันสามคนเหรอ" "เปล่าอะ โน่น โต๊ะโน้นอีกแผนกหนึ่ง ถัดไปก็เป็นเพื่อนที่บริษัทเหมือนกัน แต่ที่ต้องนั่งแยกเพราะไอ้เตมันเอาแต่ทำหน้าบึ้งกลัวจะไปกินหัวคนอื่นเขา" เมลบีหัวเราะกับคำพูดของนิค เธอพอจะเดาออก เห็นว่าเตโชชอบทำหน้านิ่ง ๆ แต่ดูแล้วร้ายใช่เล่น "แล้วนี่เมลจะกลับแล้วเหรอ อยู่คุยด้วยกันก่อนไหม เพื่อนนิคคุยสนุกนะ" "ก็ดีเหมือนกัน ขากลับเมลขอติดรถกลับด้วยนะ" ทั้งสี่คนนั่งดื่มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานโดยมีเสียงเพลงภายใต้คลับที่เปิดเคล้าอารมณ์ตลอดทั้งคืน จนกระทั่งเวลาผ่านไปจนเกือบเที่ยงคืน ผู้คนภายในร้านเริ่มอยู่ในสภาพที่สติไม่อยู่กับตัว ผิดกับเตโชที่ยังครองสติและมองทุกการกระทำของหญิงสาวตรงหน้าอยู่เสมอ และดูเหมือนว่าเขาจะถูกชะตาถูกใจเธอเข้าแล้วถึงได้เอาแต่มองเธอแบบนี้ "มองหน้าเมลมาตั้งแต่แรกแล้วมีอะไรรึเปล่าคะ" เมลบีเอ่ยปนขำเมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามชะงักเหมือนคนที่กำลังถูกจับไต๋ได้ เธอสังเกตมาสักพักแล้วว่าเจ้าตัวมองเธอมาตั้งแต่ต้น อีกทั้งยังเป็นเธอเองที่ยังคงลอบมองการกระทำของเขาไม่ต่างกัน "เอ่อ ปะ...เปล่า" "แล้วนิคกับวิทเมาแบบนี้จะขับรถไหวไหมเนี่ย" ทั้งสองหันไปมองยังสองหนุ่มที่ตอนนี้ฟุบหน้ากับโต๊ะแล้วเรียบร้อย แถมยังหลับสนิทที่ปลุกเท่าไหร่ก็มีแต่เสียงงัวเงียในลำคอตอบกลับมาเท่านั้น "ก็คงต้องเป็นผมนี่แหละที่พาพวกมันกลับ" เตโชถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ใจจริงกะจะหาเวลาคุยกับคนตรงหน้าให้มากกว่านี้แต่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยเลยสักนิด "กลับยังไงล่ะ" "ไอ้วิทก็ส่งขึ้นแท็กซี่ ส่วนไอ้นิคกับเมลก็กลับรถผมแล้วกัน รถของมันก็จอดไว้ที่นี่แหละ" ในเมื่อเมาไม่ได้สติก็ต้องเลือกทางออกอย่างที่เตโชว่า ร่างสูงจัดการประคองเพื่อนสนิทอย่างวิทออกไปยังนอกร้านเพื่อเรียกหารถแท็กซี่ หลังจากนั้นก็เดินกลับเข้ามาในร้านเพื่อดูแลเพื่อนอีกคนต่อ โชคดีที่เพื่อนของเขาไม่ได้เมาแบบทิ้งตัว เลยทำให้ประคองตัวไม่ลำบากเท่าไหร่นัก อีกทั้งเมลบีเองก็ยังช่วยพยุงอีกแรง เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นแรงผู้ชาย แต่พอมาสู้กับคนเมาแล้วแทบติดลบทั้งนั้น "ไอ้นิค มึงทรงตัวดี ๆ หน่อยดิวะ" "อือ ปวดหัวเว้ย" "เมลเปิดรถให้ทีนะ ผมจะให้ไอ้นิคมันนอนเบาะหลังไปเลย" มือหนาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกงและส่งให้คนตัวเล็ก ซึ่งเธอเองก็พยักหน้ารับรัว ๆ และรีบเดินไปเปิดตัวรถ ทำให้เตโชประคองเพื่อนสนิทไปยังเบาะด้านหลังรถได้สำเร็จ "นอนไปเลยนะมึง แล้วก็อย่าอ้วกด้วย!" เสียงถอนหายใจหนัก ๆ ดังขึ้นตามมาก่อนที่เขาจะขึ้นนั่งประจำฝั่งคนขับพร้อมกับหญิงสาวที่นั่งข้างกาย "เมลบอกทางทีนะ" "อื้อ เตขับตรงไปเลยนะ บ้านเมลไม่ไกลจากที่นี่มากเท่าไหร่" มือเล็กชี้ไปยังถนนหนทาง สายตาก็กวาดมองรอบ ๆ คอยเป็นหูเป็นตาให้คนขับจำเป็นที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่ชั่วโมง แต่เธอกลับไว้ใจเขาอย่างบอกไม่ถูก แถมรูปหน้าก็กล้ายืนยันว่าหล่อเหลาและทำให้เธอเขินตั้งแต่แรกเห็น เพียงต้องเก๊กขรึมทำหน้านิ่ง ๆ แล้วยิ้มน้อย ๆ ไปเท่านั้น "บ้านอยู่ใกล้แค่นี้เอง ถึงว่าสิไอ้นิคมันชอบขี่มอเตอร์ไซค์มาบ่อย ๆ" ว่าแล้วก็มองกระจกหาเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังหลับไม่รู้เรื่องราว "ปกติออกมาดื่มแบบนี้กันบ่อยเลยเหรอ" "ก็ประมาณหนึ่งแหละ ส่วนมากก็เย็นวันศุกร์ เมลอยากมาด้วยกันอีกไหมล่ะ" เตโชหันมองเล็กน้อยพลางยกยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก เขาเพียงแกล้งถามแต่ถ้าเธอตอบตกลงนั่นก็คือผลพลอยได้ ผู้ชายเจ้าเสน่ห์อย่างเขามักจะมีคารมและความแพรวพราวประดับเป็นเรื่องปกติ แต่พอเป็นเธอคนนี้กลับทำให้ความทะเล้นและเจ้าชู้ลดลงจนไม่กล้าทำอะไรที่เกินควรไปมากกว่านี้ "ถ้าว่างเมลจะไปด้วยแล้วกัน เมลยังไม่เคยดื่มกับเพื่อนผู้ชายเลย น่าจะสนุกดีนะ" "เดี๋ยวเตไปรับถึงที่เลยก็ได้ ขอแค่บอก" ว่าแล้วก็ขยิบตาใส่ไปหนึ่งที หากเป็นคนอื่นคงตายเป็นเบือ แต่กับคนนี้เขาไม่แน่ใจและรู้สึกประหม่าใช่เล่น "เจ้าชู้สุด ๆ ไปเลยนะเตเนี่ย" เมลบีหัวเราะร่า ไม่ใช่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายร้ายแค่ไหน แต่เธอกลับชอบและรู้สึกว่าเหมือนกำลังเล่นกับไฟ "แล้วขอเบอร์ติดต่อเมลไว้ได้เปล่า เผื่อได้คุยกันมากกว่านี้น่ะ" "แหนะ นี่จีบเหรอ" แววตาหวานหรี่มองคนข้างกายอย่างไม่จริงจังนัก หากเขาไม่พูดเธอก็คงเสนอให้เองอย่างไม่คิดอายใคร "จะว่างั้นก็ได้ เมลสะดวกไหมล่ะ" ในเมื่อเธอถามเขาก็กล้าพูดออกไปตรง ๆ ถึงจะรู้จักกันได้ไม่นานแต่เขากลับรู้สึกว่าเธอนั้นโดดเด่นและถูกใจ ภายนอกเตโชอาจจะร้ายและเจ้าชู้ แต่เขาก็ไม่เคยคบซ้อนหรือมีใครในใจหลายคน หากไปต่อไม่ได้ก็แค่พอ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ไม่คิดจมอยู่อดีตมีแต่จะเดินหน้าไม่ให้ตัวเองจมปลัก "อะ นี่เบอร์เมล คืนนี้อย่าลืมโทรมาด้วยนะ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD