"อะ...รีบกินเเล้วก็รีบไปฉันมีประชุมบ่าย"เมลดาวางจานทั้งของอคินเเละของเธอลงก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา
"อันนี้เขาเรียกว่าอะไร"ร่างสูงถามเมื่อเห็นเมนูอาหารที่ตนไม่เคยกิน
"วุ้นเส้นขี้เมาทะเล...ไม่เคยกินหรอ?"เธอตอบ เเล้วลงมือทานของตัวเองเงียบๆโดยไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะถูกใจรสมือของเธอหรือเปล่า
"อื้ม..."เขาเปล่งเสียงในลำคออย่างพอใจ
"..."เธอเพียงเเค่ปรายตามองเเต่ก็ไม่มีเสียงบทสนทนาใดๆบนโต๊ะอาหารเกิดขึ้น
"เธออยู่นี่คนเดียวหรอ?"อคินทำลายความเงียบ ถึงเเม้จะรู้อยู่เเล้วว่าเธอจะอยู่คนเดียวก็ตาม
"ไม่...ฉันอยู่กับสามี...เเล้วก็ลูก3คน"เธอตอบกวน เเล้วตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารต่อ
"โกหกอะไรก็ให้มันเนียนๆหน่อย..."
"เเล้วจะถามทำไม ถ้ารู้อยู่เเล้ว"
"อยากรู้ว่าเธอจะเป็นคนขี้โกหกไหม เพราะฉันไม่ชอบคนโกหก"
"นั่นมันเรื่องของนาย ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อทำให้นายพอใจ...เเล้วนี่กินเสร็จหรือยัง?"เธอถามเสียงนิ่ง ก่อนจะเดินไปหยิบยาที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องกินเข้าไปในปาก ตามด้วยน้ำ
"เธอกินยาอะไร...ป่วยหรอ?"ไหนว่าอีตานี่นิ่งไง ทำไมถามมากจัง เธอถามตัวเองในใจ
"ยาคุม..."
"ก็ดีรู้จักป้องกันก็ดี จะได้สนุกกันบ่อยๆไม่ต้องมีภาระเข้ามาทำให้วุ่นวาย"
"ใครบอกว่าฉันจะสนุกกับนายบ่อยๆ หลงตัวเองหรอ...ครั้งเดียวก็พอเเล้วมั้ง...ให้ฉันสนุกกับคนอื่นบ้างสิจะได้ไม่จำเจ"อะไรนะ นี่เขาไม่เคยเจอผู้หญิงอวดดีแบบเธอมาก่อนเลย ท้าทายชะมัด
"ก็ลองดูสิ ถ้าเธอกล้าไปสนุกกับคนอื่นยกเว้นฉัน เธอเจอดีเเน่"น้ำเสียงจริงจังของเขาทำเอาเธอเสียวสันหลังวาบไปเลยทีเดียว เธอได้เเต่ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากแต่ก็ต้องทำเป็นชิวๆไม่แยแสต่อคำขู่ของเขา และนั่นยิ่งทำให้คนร่างสูงหงุดหงิดขึ้นไปอีก เธอชักจะต่อกลอนกับเขาเกินไปแล้ว
หมับ! อื้อ
"นี่...นายไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉันนะ"เมลดาโวยวายเมื่ออคินใช้มือบีบแก้มเธอจนรู้สึกเจ็บ
"ครั้งแรกฉันเป็นคนได้ เเละฉันจะไม่ให้ใครได้ของฉัน...อย่าแม้เเต่จะเเตะต้องของของฉัน ไม่ว่าใครหน้าไหน...ไม่งั้น...ไอ้นั่นจะต้องเป็นศพต่อหน้าเธอเเน่"ครั้งนี้มันทำให้เธอรู้สึกกลัวจริงๆ เพราะน้ำเสียงเรียบต่ำเเต่จริงจังของเขามันทำเอาคนร่างบางกลืนน้ำลายไม่ลงคอเลย
เขาพูดจบก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ กำชับสูทตัวโปรดให้เป็นทรงก่อนที่จะเดินออกจากห้องนี้ไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบ เมลดาเองก็กำลังตกใจกับคำพูดของเขาเพราะนี่อาจจะบ่งบอกได้ว่าเขาจะเป็นฆาตรกรทันทีที่เธอไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่น
"เฮ้อ..."เธอถอนหายใจอย่างโล่งใจเมื่ออคินออกจากห้องไปแล้ว ทีเเรกกะจะเเค่แหย่เล่น แต่ดูเขาจริงจังขึงขังซะงั้น นี่ถ้าทำอะไรไม่พอใจเขาจะฆ่าฉันไหมเนี้ย
เธอรีบสะบัดความคิดที่นั่งคิดอยู่นานสองนานก่อนที่จะเดินไปอาบน้ำแต่งตัวไปเข้าประชุมบ่ายโมงนี้
@บริษัทM เฟอร์นิเจอร์ กรุ๊ป จำกัด
"ยอดขายของเดือนนี้เป็นยังไงบ้างคะคุณวิทยา"เมลดากล่าวถามด้วยเสียงเรียบๆ
"เอ่อ...คือ...เดือนนี้ยอดค่อนข้างตกลงไปมากกว่าเดือนก่อน30%ครับ"
"ทำไมยอดถึงตก ขอดูตารางเทียบและหาสาเตุด้วยว่าทำไมถึงตกลงไปเรื่อยๆแบบนี้"ถึงแม้เวลาเที่ยวเธอจะเที่ยวบ่อยเเต่เวลางานเธอมักจะเข้มงวดมาก
"ได้ครับ..."
"ตอนนี้ค่ะ...ขอดูตอนนี้สถิติการขายทั้งหมดตั้งเเต่ต้นปีเลยค่ะ"วิทยารีบตารีตาเหลือกวิ่งออกไปไม่นานเเละกลับเข้ามาพร้อมเอกสารปึกใหญ่ปึกนึง
"อืม...เพิ่งยอดตก3เดือน...เเต่ก็วางใจไม่ได้ทำยังไงก็ได้เพื่อเพิ่มยอดขาย"
"เอ่อ...สาเหตุคือสินค้ามีปัญหาครับ...มีของชำรุดเยอะ...ทางสาขาบางสาขาที่รับสินค้าของเราไปต้องตีกลับ บางที่ก็ขอเงินคืนไม่รับสินค้าแต่ไปรับกับบริษัทคู่เเข่งที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ครับ"
"บริษัทไหน..."
"เอเค กรุ๊ปครับ"
"ห๊ะ?...อะ...เอ...เคงั้นหรอ"จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงก็นั่นมันบริษัทของอคินที่เขาเพิ่งหาข้อมูลมาเมื่อเช้า
"วัสดุเเข็งแรงกว่า ถึงแม้จะเเพงกว่าแต่ลูกค้าส่วนใหญ่ประทับใจเพราะดีไซน์เรียบหรูกว่าครับ"
"ตอนนี้...ลูกค้ารายใหญ่ของเราหายไปบ้างไหม?"
"เอ่อ...ตอนนี้เหลือเเค่50เจ้าครับ...จาก1000เจ้า"
"เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่รีบรายงาน...ทำไมทุกครั้งที่ถามไม่ตอบ ต้องให้ฉันจัดประชุมก่อนหรอถึงแจ้ง...แล้วเซลล์เก่งๆของเราไปไหนหมด"
"ลาออกไปหลายคนเลยครับ..."
"ไปตามกลับมา...บอกไปว่าฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้อีกเท่าตัว ใครทำยอดขายได้มากขึ้นฉันให้โบนัส3เท่า"
"เขาไปทำงานกับเอเคกรุ๊ปกันเเล้วครับ ทางนั้นกำลังรับพนักงานขายเพิ่ม เห็นว่าเงินเดือนเยอะกว่าบริษัทเรา3เท่า มีสวัสดิการอาหารกลางวันเเละที่พักให้ด้วย"
"ส่งสายเข้าไปล้วงข้อมูลบริษัทนั้นมา เอาคนที่ไว้ใจได้เเละไม่หักหลังเรา...แล้ว...ข้อมูลบริษัทเรารั่วไหลบ้างไหม"
"เอ่อ...ครับ...ผมกำลังจะบอกเรื่องนี้อยู่พอดี..."
"ใคร!..."
"เอ่อ...คุณเบญจมาศฝ่ายตรวจสอบครับ...เธอส่งข้อมูลลับไปให้ผู้บริหารฝั่งนู้น"
"ไปตามตัวมา..."
"เธอลาออกไปแล้วครับ ตอนนี้ไปเป็นเลขาให้บริษัทนุ้นอยู่"
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี้ย ที่ทำมาทั้งหมดไม่มีใครซื่อสัตย์ต่อบริษัทเธอเลยหรอ เธอได้เเต่กลุมขมับคิดหาทางแก้ปัญหาที่มันหนักหนาอยู่ในตอนนี้
"ติดต่อพนักงานออกแบบและฝ่ายบัญชีฝั่งนู้นให้ฉัน บอกไปว่ามีค่าตอบเเทน10เท่าถ้าเอาข้อมูลมาได้"
"ครับ...ผมจะจัดการให้ครับ..."
"เรียกเลขามาพบฉันด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่แจ้งเเล้วนี่ประชุมทำไมไม่เข้าบริษัท หายหัวไปไหน"
"เอ่อ...ไม่ทราบครับ"
เมื่อกลุ้มอยู่ไม่นานเธอก็มีไอเดียเก๋วาบเข้ามาในหัว เธอนี่มันฉลาดจริงๆเธอพูดกับตัวเองในใจ
ในเมื่อนายนั่นแย่งคนของฉันไปฉันก็จะไป ฉันนี่แหละจะไปป่วนเขาเอง
อีกด้าน...
อคินที่กำลังเซ็นเอกสารยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เมื่อมีสายรายงานว่าตอนนี้เมลดากำลังกลุ้มที่บริษัทของเขาล่อซื้อพนักงานในบริษัทของเธอได้ แถมยังทำให้ยอดขายของเขายิ่งเพิ่มขึ้น เป็นกระแสเพราะคนเก่งๆของบริษัทนั้นแท้ๆ
"แหม...ดูสิว่าจะวิ่งเเจ้นมาหาฉันไหม"
ก๊อกก๊อกก๊อก!
มาเร็วกว่าที่คิดเขาคิดในใจเเละยกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ
เสียงประตูถูกเคาะเรียกคนร่างสูงที่กำลังยิ้มอย่างพอใจ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากถาม กลับมีเสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของเขาเเล้ว
"นี่นาย!...มันไม่มากเกินไปหน่อยหรอ...ทำไมถึงหน้าด้านแย่งพนักงานฉันไปแบบนี้..."เขาปรายตามองเธอ ทำหน้าเหมือนไม่รู้เรื่อง ยิ่งกลับทำให้เมลดาโกรธเขามากขึ้นไปอีก
"ช่วยไม่ได้ เธอไม่มีปัญญาจ่ายค่าตัวเเพงๆให้คนที่มีประสิทธิภาพพวกนั้น...ใครเขาจะทนได้...พวกเขาเหมาะสมที่จะได้เงินเดือนมากกว่านี้"
"อ้อ...บริษัทของนายมันกากไก่สินะ...เลยต้องใช้เงินซื้อคนมาอยู่ด้วยเนี้ย..."
"เพราะเธอไม่เคยเข้าใจหัวอกพนักงานเลยต่างหาก เธอคิดแต่ว่าจะให้เขาทำงานให้แต่ไม่นึกถึงความเหมาะสมว่าสิ่งที่พวกเขาถวายหัวทำงานให้เธอเพื่อให้เธอมีเงินเข้าบริษัทเยอะๆจนเธอเป็นไฮโซ คอยเอาเงินไปละลายทิ้งอย่างไม่รู้คุณค่า มันรู้สึกยังไง อย่าว่าเเต่เงินเดือนน้อยเลย สวัสดิการดีๆเคยมีให้พนักงานบ้างหรือเปล่า? โบนัสสิ้นปีเคยมีบ้างไหม? เคยพบปะสังสรรค์กับพนักงานบ้างหริเปล่า หรือเอาแค่สนุกตัวเอง"พูดอีกก็ถูกอีก นี่เธอไม่เคยมองเห็นความลำบากพวกนั้นเลยหรอ
"เเต่นายก็ไม่ควรมาซื้อพนักงานฉันไป"เมลดาเถียงข้างๆคูๆ
"ฉันไม่ได้ซื้อ เขาเต็มใจทำงานให้ฉันตามข้อเสนอ แลกเปลี่ยนกันเขาได้เงินส่วนบริษัทฉันก็โต..."
"แต่นายล้วงข้อมูลบริษัทฉัน!"
"แล้ว?...มันก็ปกติไหมที่บริษัทฉันจะอยากรู้ข้อมูลของคู่เเข่งเพื่อที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง"
"แต่นายเอาผลิตภัณฑ์ที่ฉันออกแบบไปดัดแปลงเป็นของนาย"
"ก็องค์ประกอบมันไม่ได้ ความทนทานก็ไม่มี มีแต่ความหรูหรา หลอกตาประชาชน...ฉันว่าเธอเอาเวลาด่าฉันไปพัฒนาสินค้าของเธอดีกว่าไหม?"
"ฉันไปแน่...แล้วนายจะเสียใจที่มาเล่นกับคนอย่างฉัน"
ขวับ หมับ!
"เล่นกับคนอย่างเธอมันทำไมหรอ...มันทำให้ฉันขึ้นสวรรค์ได้หรือเปล่า?"เขากระตุกยิ้มร้ายแถมยังกอดรัดเอวบางจนมันเเนบไปกับตัวเขา จนอะไรต่อมิอะไรถูกันไปมาจนแก้มใสเริ่มแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
"หยุดพูดอะไรบ้าๆ แล้วปล่อยฉันนะ"
"เย็นนี้เดี๋ยวฉันไปหาที่คอนโดนะ...แล้วจะสอนว่านักธุรกิจที่แท้จริงมันต้องเป็นแบบไหน...อย่างเธอน่ะ..."เขาใช้นิ้วเรียวยาวจิ้มไปที่จมูกของเธอเบาๆ
"...มันมือสมัครเล่น"
ม๊วบ!
เขาฉวยโอกาสจุ๊ปปากเธอไปหนึ่งทีเเล้วเดินไปทำงานต่อ ทิ้งให้ร่างบางยืนเบิกตาโตอย่างเหม่อลอยอยู่อย่างนั้นจนเขาต้องเคาะโต๊ะเพื่อเรียกสติเธอ
"ฝากไว้ก่อนเถอะ!"
"เดี๋ยวเอาไปคืนให้ที่ห้องนะ"เขายกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
"ก็ลองไปดูสิฉันจะสั่งให้รปภมารวบตัวนายเเล้วโยนออกไปนอกคอนโดเลย..."
"อ้อ...ฉันซื้อเขาเเล้ว...เขาไม่กล้าทำฉันหรอก"คำพูดเขาทำเอาเมลดาโกรธจัด
"นี่รวยมากหรอถึงได้เอาเงินเที่ยวซื้อคนนู้นคนนี้"
"ก็ไม่รวยมากหรอก มีเกาะส่วนตัว2เกาะ มีบริษัทที่ต้องบริหาร5บริษัททั้งในและนอกประเทศ"
"..."อวดรวยเธอคิดในใจ
เธอไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเขา แต่กลับเดินตึงตังออกไปอย่างไม่พอใจ นี่เขาจะเหนือกว่าฉันแบบนี้ไม่ได้นะ นายนั่นต้องบ้าไปแล้ว เเล้วสายตานั่นอะไรทำไมต้องใช้สายตาแบบนี้กับฉันด้วย ฉันเกลียดเขา!! เมลดาด่าทอในใจ
เมลดากลับมาคอนโดในสภาพเหนื่อยล้า ทั้งร่างกายเเละสมองตอนนี้มันเหนื่อยไปหมด คิดแก้ปัญหาทางออกก็ยังไม่มี แถมตอนนี้ลูกค้ารายใหญ่ก็เริ่มจะทยอยถอนตัวออกไปซื้อกับบริษัท
ของอคินกันเกือบหมด นายทุนก็เริ่มถอนหุ้นไปเกือบจะหมด แต่ดันไปขอลงทุนกับบริษัทอีตาบ้านั่นอีก คิดเเล้วก็แค้นใจนัก
~เสียงเรียกเข้า~
เธอมองชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ พร้อมกับถอนหายใจออกมายาวๆเหมือนรู้ว่าต้องเจออะไร
"ค่ะแม่"
(เมล...แม่ได้ข่าวเรื่องบริษัทกับคุณวิทยาเเล้วนะ...แม่ว่าขายบริษัทให้บริษัทเอเคดีไหม ถึงเราบริหารไปก็ไม่น่าจะกอบกู้ชื่อเสียงกลับมาได้เเล้ว)
"ไม่ค่ะ เมลจะบริหารต่อ บริษัทนั้นจะต้องชดใช้ที่แย่งพนักงานเมลไป"
(แม่ไม่อยากให้คิดแบบนั้นเลย...อีกหน่อยก็เป็นทองแผ่นเดียวกันเเล้วจะมัวมาคิดเรื่องแบบนี้ทำไม...ขายให้เขาเถอะเขาพร้อมที่จะดูแลต่อ...อีกอย่างไม่เสี่ยงล้มละลาย...ถ้าเกิดล้มละลายขึ้นมามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะที่จะใช้หนี้ราคาหลายพันล้านได้หมด)
"ทองแผ่นเดียวกัน?...แม่หมายความว่าไง?"
(เอ่อ...ไว้...ค่อยคุยกันเรื่องนี้อีกทีนะลูกเดี๋ยวแม่ขอไปประชุมสาขาย่อยก่อน)
วรรลภาตัดสายลูกสาวทิ้งให้เธอมึนงงกับประโยคที่ตนทิ้งไว้ให้คิด...
เวลา3ทุ่ม...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
"เเล้วนี่ใครมาอีกเนี้ยคนยิ่งเครียดๆอยู่"เธอบ่นอุบ จนลืมนึกไปว่ามีนัดกับอคิน
เเอ๊ด!
"..."เเขกผู้มาเยือนไม่พูดอะไรเเต่ใช้มือดันเธอให้เข้าไปในห้องดังเดิมจากนั้นก็ปิดประตูเเล้วล็อคทันที
"นี่...นายมาทำไม...ใครอนุญาตให้นายเข้ามา...ออกไปเดี๋ยวนี้นะ"เธอผลักร่างคนสูงไปที่ประตู
อ๊าย...หมับ
ความซุ่มซ่ามทำให้เธอสะดุดขาตัวเองจนเซแต่ได้แขนเรียวของคนร่างสูงตวัดไว้ทัน ทำให้ตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของเขาเเล้ว
"จะไล่ทำไม ก็บอกว่ามาสอนงาน...หรือถ้าไม่ให้สอน...ก็ขายบริษัทให้ฉันพร้อมพนักงานทั้งบริษัท ฉันจะดูแลพวกเขาเอง...ฉันรับรองว่าพวกเขาจะอยู่อยากสุขสบายและบริษัทต้องเติมโตมากกว่านี้ ที่ไม่ใช่เเค่ระดับประเทศเเต่จะเป็นระดับโลก..."
"ไม่มีทาง...บริษัทนี้ฉันเป็นคนสร้างขึ้นมาจนมาไกลขนาดนี้เเล้วฉันไม่มีทางขายให้นายหรอก"
"หุ้นส่วนคนสำคัญ...ก็ถอนตัวไปเกือบหมดเเล้วนิ...ถ้าดันทุรังอยู่แบบนี้คำว่าล้มละลายมันก็อีกไม่ไกล..."เขากล่าวอย่างผู้ชนะ "เเต่ถ้าเธอไม่อยากล้มละลาย และไม่อยากขายบริษัทให้ฉัน...ฉันมีข้อเสนอดีๆ...ว่าแต่สนใจไหมล่ะสาวน้อย"เขาเอามือมาจับคางเธอเเล้วส่ายไปมาอย่างหมั่นไส้ จนเธอต้องเอามือมาปัดออกอย่างโมโห
"อะไร..."เธอถามเสียงเรียบ
"แต่งงานกับฉัน...แล้วฉันจะช่วยเธอกอบกู้ชื่อเสียงบริษัทเอง...ฉันจะสอนงานเธอเอง...แล้วก็เลิกได้เเล้วนะนิสัยขี้งกเอาเปรียบพนักงาน"
ยอมรับเลยว่าอคินเป็นคนเก่ง ที่เพียบพร้อมไปซะทุกอย่างแถมยังหล่ออีกด้วย เขามีหลายบริษัทที่เขาดูแล และแต่ละบริษัทก็แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะบริษัทเฟอร์นิเจอร์ รถยนต์ เป็นเจ้าของโรงแรมสุดหรู3จังหวัดกรุงเทพ ภูเก็ต และแม่ฮ่องสอน เป็นเจ้าของโรงบ่มไวน์ และอื่นๆที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรม คือเอาง่ายๆว่าเมลดารวยเเล้วเทียบกับเขา เธอเปรียบเป็นมือสมัครเล่นเลยล่ะ
"ฝันหรอ?"
"ก็แค่แต่งงานเพื่อธุรกิจ พ่อแม่ฉันชอบเธอ...อยากได้หลานชาย...เธอก็ทำๆพอได้ลูกฉันจะคืนบริษัทให้"
"พูดง่ายนะยะ...คิดว่าการมีลูกมันง่ายขนาดนั้นเลย?"
"ลองทำดูไหมล่ะ? ฉันว่าคืนนี้ติดแน่ๆ"เขากระชิบข้างหูจนชวนขนลุก
"ไม่!...ฉันเกลียดเด็ก..."
"แต่ฉันชอบ"
"ก็เรื่องของนายสิ"พูดจบเธอก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ครัวเพื่อทำอาหาร เพราะเธอเริ่มจะหิวเเล้ว มัวเเต่คิดเรื่องบริษัทจนลืมทานอาหารเย็นเสียได้
"หิวพอดีเลย..."
"หิวก็ไปหาอะไรกินสิ...มาบอกฉันทำไม?"
หมับ!
อคินเดินไปสวมกอดเมลดาจากข้างหลัง
"นะ...นายมากอดฉันทำไม"
"อยากกอด...เวลาเธอทำอาหารเเล้วมันดูตั้งใจดี..."
"กับงานฉันก็ตั้งใจย่ะ"
"ตั้งใจเอาเปรียบพนักงานเเบบที่เธอทำน่ะหรอ?"
"พูดมาก! ถ้าอยากกินก็ไปนั่งรอ อย่ามาเกะกะ"
เขายอมถอนกอดออกไปจากเธอเเต่โดยดี เธอคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขากำลังจ้องมองเธออยู่ทุกอิริยาบถ
"หึ"เขายกยิ้มและหัวเราะในลำคอเบาๆ
"เสร็จแล้ว รีบกินเเล้วก็รีบไป!"
"ทำไมจ้องแต่จะไล่ฉันนัก เธอรู้ไหมผู้หญิงคนอื่นไม่เคยเอ่ยปากไล่ฉันสักคน มีแต่อ้อนวอนอยากจะให้ไปหา"
"เพราะฉันเกลียดนาย"เธอกล่าวเเล้วหยิบส้อมมาจิ้มไส้กรอกเข้าปากไปอย่างเอร็ดอร่อย
"หึ"ให้มันจริงเถอะ เก่งให้ตลอด เขาลำพึงลำพันในใจ