หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จอคินก็เดินเข้าไปที่ห้องนอนของเมลดาอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างอย่างสบายใจ
"นี่นายลุกเดี๋ยวนี้เลยนะ กลับบ้านนายไปได้เเล้ว อย่ามาทำตัวไร้มารยาทแบบนี้นะ"เมลดาดึงแขนของอคินให้ลุกขึ้นจากที่นอนของเธอ
พรวด!
แต่ทว่าเธอกลับพลาดล้มลงไปทับร่างของอคินแทน พอเธอจะตั้งตัวลุกขึ้นจากตัวเขา เเต่เเขนทั้งสองข้างของเขานั้นตวัดเอวเธอให้ลงไปอยู่ดังเดิม กลิ่นกายหอมอ่อนๆอย่างผ่อนคลายกลิ่นนี้ยังคงติดตาตรึงใจเขาตั้งเเต่ครั้งแรกที่ได้เจอ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาถูกใจเธอจนอยากจะอยู่ใกล้ๆ ถึงแม้เธอจะอ่อยเขาตอนเเรกเเต่ดูตอนนี้เหมือนเธอจะไม่ชอบหน้าเขาสักเท่าไหร่
"นี่ปล่อยนะ..."
"เธอชอบผู้ชายตัวหอมไม่ใช่หรอ"
"ใช่ แต่ไม่ใช่นาย!"เธอย้ำ
"ไม่จริงหรอก เธอก็ชอบฉันแต่เเค่ตอนนี้เธอไม่ยอมรับความจริง"
"หลงตัวเองเกินไปไหม ฉันไม่ชอบนาย ฉันเกลียด...อุ๊บ.."ยังไม่ทันที่สาวร่างบางจะพูดจบ
อคินก็คว้าเธอเข้าไปจูบซะเเล้ว มันหน้าหงุดหงิดจริงๆเวลาที่เธอพูดคำว่าเกลียดเขา เขาดุนดันลิ้นหนาเข้าไปในอุ้งปากนุ่มๆของเธอ เมลดาพยายามผลักไสจูบอันฉาบฉวยนี้แต่สุดท้ายก็ต้องเผลอรับสัมผัสนี้อย่างลืมตัว
เมื่อคนตัวสูงรับรู้ได้ว่าเมลดาลืมตัวกับจูบของเขา จากที่ดุดันรุนแรงก็เปลี่ยนมาเป็นอบอุ่น เขามอบจูบที่นุ่มนวลให้กับเธอ แล้วค่อยๆพลิกตัวของ
เมลดาให้ไปอยู่ใต้ร่างเขาเเทน แปลกที่ครั้งนี้เธอไม่ผลักไสเขาอีกต่อไปมันยิ่งทำให้หนุ่มหล่อร่างสูงพอใจเป็นอย่างมาก
เพียงไม่นานโสตประสาทก็เริ่มประมวลผลเมื่อริมฝีปากของคนตรงหน้าขบเม้มที่ต้นคอขาวของเธอจนเธอรู้สึกแสบ และนั่นก็เรียกสติของเธอให้ผลักเขาออกไปทันที
"นี่...นายทำรอยหรอ?"
"ใช่ ทำไม"เสียงทุ้มต่ำตอบ
"อย่ามาประทับรอยแสดงความเป็นเจ้าของกับฉัน!"ว่าเเล้วเธอก็ลุกพรวดขึ้นเเล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้คนตัวสูงยกยิ้มร้ายอย่างพึงพอใจกับผลงานที่ตัวเองได้ประทับไว้ให้เธอ
เขาไม่สนใจหรอกว่าตอนนี้เธอจะรู้สึกยังไง แต่ต่อไปยังไงเธอก็ต้องร่วมชีวิตกับเขา เขาเบื่อเมื่อไหร่เธอถึงจะมีสิทธิ์เป็นอิสระ
อีกด้านของเมลดา...
เธอพยายามเอานั่นเอานี่มาถูออกเพื่อให้รอยมันหายไป แต่ยิ่งถูมากเท่าไหร่รอยนั่นก็ยิ่งแดงขึ้น เธอไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆว่าจะประทับรอยไว้ทำไม ในเมื่อยังไงเธอก็ตกเป็นของเขาไปแล้ว
ก๊อกก๊อกก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้นจากด้านนอก เมื่อเธอหายเข้ามาในห้องน้ำนาน
"นี่...จะนอนในนั้นหรือไง...ออกมา!"
"จะออกไม่ออกก็เรื่องของฉัน นี่มันห้องฉัน นายไม่กลับบ้านกลับช่องของนายหรอ กลับไปได้เเล้ว!"
"ฉันจะนอนนี่!"
"นายจะบ้าหรอ ใครให้นายนอนไม่ทราบ?"
"ฉันนี่แหละจะนอน"
"โอเค๊..."
แอ๊ด!
เธอเปิดประตูห้องน้ำออกมา แล้วเดินไปหยิบกระเป๋า จากนั้นก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้ชุด2ชุด
"เธอจะไปไหน?"อคินจับกระเป๋าของเมลดาไว้แล้วถามอย่างไม่เข้าใจ นี่ใจคอเธอจะไล่เขาท่าเดียวเลยหรอ ไม่อยากอยู่ใกล้ขนาดนั้นเลย
"ไปนอนที่อื่น!"เธอตอบเสียงเย็นชา
"ไม่ให้ไป"เขาคว้ากระเป๋าเธอไว้
จริงๆเธอแค่แกล้งท้าทายเขาเฉยๆก็เท่านั้น อย่าลืมสิว่าเธอต้องเล่นเกมส์กับเพื่อนให้จบ แล้วดูอีตานี่จะยิ่งสนใจเธอที่เธอทำเป็นไม่สนใจเขา มันเป็นเเค่ส่วนหนึ่งของแผนก็เท่านั้นเอง
"เอาบริษัทฉัน และคนของฉันคืนมา"
"เธอยอมรับสักทีว่าเธอไม่มีประสิทธิภาพที่จะบริหารเอง อย่าดื้อ! แล้วปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของฉัน!"
"นายจะเอาบริษัมฉันไปทำไม ทำไมต้องอยากได้ขนาดนั้น?"
"เทคโอเวอร์กิจการไปบริหารให้ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็น เธอช่วยยอมรับหน่อยได้ไหม ถ้ามีเธอเป็นผู้บริหารมันไปต่อไม่ได้เเล้ว ฉันมองเเล้วว่ามันต้องไปต่อได้ไกลถ้าฉันควบคุมมันเองฉันแน่ใจ"
"เเล้วถ้าฉันแต่งงานกับนาย บริษัทฉันล่ะ?"
"เธอจะมีส่วนร่วมในบริษัททั้งหมด...แต่...รองจากฉัน"เขายังคงหนักแน่น
"ก็ได้"จริงๆเธอก็เริ่มรู้ตัวพอสมควรเเล้ว ไม่ว่าจะผู้ถือหุ้นเริ่มถอน พนักงานลาออกเเละอื่นๆที่มันยากเกินกว่าที่เธอจะดึงกลับมาได้ บริษัทนี้เธอตั้งใจสร้างมันขึ้น มันเป็นชีวิต เป็นทุกอย่างของเธอจนไม่อาจที่จะปล่อยให้ล้มละลายได้เลย ถ้าการที่เขาเข้ามาบริหารแทนเเต่เธอยังมีส่วนร่วมทุกอย่างมันก็ไม่ได้แย่ ไม่แน่วิธีนี้อาจจะทำให้บริษัทของเธอเติบโตมากขึ้นกว่านี้อย่างที่เธอหวังที่จะให้เป็นก็ได้
"ก็ได้คือ ขาย? หรือแต่งงาน?"
"แต่งงาน!" คำตอบของเธอทำเอาคนตรงหน้ายิ้มอย่างถูกใจ จริงๆเขาพอจะรู้อยู่เเล้วว่าเธอจะเลือกอะไร แน่นอน คนอย่างเธอไม่ยอมเสียบริษัทแน่ๆ แต่ก็เป็นอย่างที่หวังไว้
"เนี้ย...พอเธอไม่ดื้อ...เธอน่ารักมากเลยนะรู้ตัวไหม"
จุ๊บ!
"นี่นาย!"เขาจ้องตาเขม็งเมื่อโดนคนร่างสูงกว่าขโมยจุ๊บแก้ม
"..."แต่เขาหรอจะสะทกสะท้าน แถมยังทำหน้าตากวนประสาทจนอยากจะเอาเก้าอี้ฟาดให้รู้เเล้วรู้รอดไป
"เเล้ว...วันนี้นายจะนอนนี่จริงๆหรอ"
"ใช่"
"เอ่อ...งั้น...นายไปอาบน้ำก่อนสิเดี๋ยวฉันหาผ้าเช็ดตัวให้"เมลดาเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่และแปรงสีฟันที่ซื้อเก็บไว้มาให้เขา
"ของใคร?"
"ของใหม่ ฉันซื้อเก็บไว้เผื่อเดินทาง ไม่ใช่ของผัวฉันหรอกน่า"
"หึ...ก็ดีเพราะสถานะนั้นมันต้องเป็นของฉันคนเดียว"เขารับของก่อนที่จะเดินเข้าไปอาบน้ำ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง อคินก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่บดบังท่อนล่างของเขาไว้ ทำเอาเมลดาที่มองมาตาเบิกโพรงอย่างตกใจที่คนนิสัยเสียตรงนั้นทำเหมือนจ้องจะทำให้เธอเป็นบ้า
"ว๊าย...นี่นายทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อย"เมลดารีบหันหลังไปทางอื่นเพราะหน้าเริ่มขึ้นสีด้วยพิษเขิน
"ก็ไม่มีชุดเปลี่ยน...แล้ว..."เขาเดินมากอดเอวเธอแล้วเอาคางเกยไหล่เธอไว้ก่อนที่จะพูดประโยคต่อไปอย่างเบาๆเป็นการหยอกล้อคนที่กอดอยู่ "...ฉันก็จะใส่แค่นี้นอนด้วย...เผื่อดึกๆเธออดใจไม่ไหว...จะได้ถอดง่ายๆ"น้ำเสียงนั้นมันช่างกวนประสาทจนคนร่างบางรู้สึกหมั่นไส้
ปึก!
เธอใช้ข้อศอกกระทุ้งเข้าไปที่ท้องที่มีมัดกร้ามเป็นลอนสวยอย่างตั้งใจ จนอคินจุกและถอยกรูดออกห่างจากตัวเธอ
"สมน้ำหน้า!"
~เสียงโทรศัพท์ของเมลดา~
เมลดาเดินไปดูหน้าจอสี่เหลี่ยมที่สว่างขึ้น หลังจากที่เห็นชื่อของปรายสายเธอก็ถึงกับถอนหายใจออกมายาวๆ จนคนร่างสูงที่ยืนมองอยู่นั้นเกิดสงสัยว่าใครคือคนที่ทำให้เธอต้องหนักใจที่จะรับเครื่องสี่เหลี่ยมนั่นกันแน่
ติ๊ด!
"ค่ะแม่"
(พรุ่งนี้เมลว่างหรือเปล่า...ถ้าไม่ว่างก็ต้องว่างนะลูก...พรุ่งนี้แม่นัดเพื่อนไว้...แม่อยากให้มาทานข้าวกับเเม่ จะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนแม่ไว้ เผื่ออนาคตเพื่อนเเม่จะได้ช่วยเหลือลูกทางธุรกิจได้)
"เอ่อ...แม่คะ..."
ตู๊ดดดดด!
ปรายสายได้ตัดสายไปอีกเเล้ว และเป็นแบบนี้ทุกครั้ง มาสั่งๆแล้วก็ตัดสายไม่ทันได้ปฏิเสธเลยด้วยซ้ำ เพราะแม่เธอรู้ว่าถ้าปล่อยให้ปรายสายอย่างเธอได้พูดต่อต้องไม่ยอมไปตามนัดแน่ๆ เพราะลูกสาวคนนี้มันหัวดื้อ จนต้องใช้ไม้นี้ตลอด และมันก็มักจะสำเร็จทุกครั้ง
"เฮ้อ..."เธอถอนหายใจก่อนที่จะโยนโทรศัพท์ลงไปที่โซฟาตัวนุ่มใกล้ๆตัว จากนั้นก็หย่อนก้มงามงอนลงนั่งตามลงมา
อคินเห็นว่าเมลดาสีหน้ากลุ้มอกกลุ้มใจก็แอบอดห่วงไม่ได้จึงเดินเข้าไปนั่งข้างแล้วคว้ามือเรียวเล็กของเธอมากุมไว้อย่างปลอบประโลม สัมผัสที่เขาไม่เคยได้รู้สึกแบบนี้มาก่อนมันทำให้เธออบอุ่นเข้ามาที่หัวใจ
"เกิดเรื่องอะไร ไม่สบายใจอะไรก็เล่าให้ฉันฟังได้นะ"
"แม่น่าจะนัดฉันดูตัวอีกเเล้ว"เธอเบื่อมากที่ต้องไปดูตัวกับผู้ชายมากหน้าหลายตาที่แม่เธอหามาให้ นี่ไม่ใช่เเค่ครั้งแรกที่เธอไปดูตัว แต่ละคนที่นัดมาก็มองเธอด้วยสายตาเหมือนจ้องจะจับเธอกิน ทุกคนหวังเหมือนกันหมด หวังอะไรหน่ะหรอ หวังจบกับเธอที่เตียงยังไงล่ะ จนเธอรู้สึกขยะแขยงกับสายตาพวกนั้น และนี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่หุ้นใหญ่ๆโดนถอนออกจากบริษัท เพราะส่วนใหญ่ผู้ถือหุ้นก็คือคนพวกนี้นี่แหละ พอโดนฉักปฏิเสธก็อายที่โดนหักหน้า มิหนำซ้ำยังถอนหุ้นออกอย่างไร้เหตุผล
"ถ้าเธอไม่อยากไปก็บอกแม่เธอไปสิ"อคินกล่าวพรางโน้มศีรษะของเมลดาลงมาพิงที่ไหล่กว้างของเขา
"ไม่ได้หรอก ฉันไม่เคยปฏิเสธแม่ได้เลย แม่ชอบเอาบริษัทมาอ้าง เพราะคนพวกนั้นถ้าไม่เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทก็มักจะเป็นลูกชายของบริษัทใหญ่ๆที่จ้องจะเทคโอเวอร์บริษัทฉันทั้งนั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
"ใครมาเวลานี้เนี้ย ดึกดื่นป่านนี้เเล้ว"เมลดาอุทานออกมาก่อนจะลุกไปเปิดประตู
แอ๊ด!
"ฮึก...แก..."
"อันอัน..."เมลดารีบดึกเพื่อนเข้ามากอดเมื่อเห็นอันอันร้องไห้เป็นเผาเต่า "...แกเป็นอะไร...ทำไมถึงได้อยู่ในสภาพนี้"เมลดาถามอัญรินทร์อย่างเป็นห่วงเพื่อน
"แก...คนที่ฉันคุยด้วยเขา...เขามีเมียแล้ว...ฮึก...ฮือ..."
"เข้ามาก่อนแก..."เดินดึงแขนเพื่อนเข้ามาในห้อง
"เอ่อ...แกมีแขกหรอกหรอ..."อัญรินทร์มองไปยังอคินที่นุ้งผ้าเช็ดตัวสีขาวแค่ผืนเดียวนั่งชิวๆอยู่ที่โซฟาหรูกลางห้อง
"เอ่อ...คือ...เรื่องมันยาวน่ะแก...นี่...นายช่วยไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนได้ไหม...เพื่อนฉันมาเนี้ย"เมลดาหันไปดุคนร่างสูงที่นั่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ตรงกลางห้อง
"ถ้าเธอมีแขกเดี๋ยววันนี้ฉันกลับไปนอนคอนโดก็ได้...อยู่กับเพื่อนเลย"เขาเดินไปห้องน้ำเพื่อเเต่งตัวด้วยชุดเดิมที่เขาใส่มาก่อนที่จะออกจากห้องไป "มีอะไรโทรมาได้ตลอดเลยนะ"เขาทิ้งท้ายไว้ก่อนจะปิดประตูลง
"แกอยู่กับเขาได้ไง..."อัญรินทร์ถามขึ้นด้วยใบหน้าที่สงสัย
"เขามาหา อีกอย่างฉันมีปัญหาเรื่องบริษัท...ว่าเเต่เรื่องแกเหอะ ไปไงมาไงถึงได้อยู่ในสภาพแบบนี้ ใครทำอะไรแก"เมลดาถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสุดพลัง
"ฉันคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง...แล้วก็เผลอมีอะไรด้วยจนรู้สึกดี...แต่มารู้ทีหลังว่าเขามีเมียเเล้ว...แล้วเมียเขาอ่าแก...ฮึก...ฮือๆ...มาอาละวาดที่ร้านฉัน แถมดิสเครดิตฉันจนตอนนี้ร้านของฉันเสียชื่อเสียงแล้ว"
"จริงป้ะเนี้ย ผู้ชายคนนั้นใคร?"เมลดาถามอย่างเอาเรื่อง
"เจ้าของบริษัทรถยนต์พีวาย"
"เพื่อน...อีตาอคินหรอ...อย่าบอกนะว่าแกไปมีเรื่องกับคุณนรินทร์ทิพย์พี่สาวนายอคิน"
"อื้อ...แกฉันจะทำยังไงดีถ้าร้านฉันถูกปิดฉันต้องแย่แน่ๆ"
"โอ้ย...ยัยอันอัน"เอาไงล่ะทีนี้เรื่องใหญ่เเล้ว มีแัญหาทั้งเธอเเละเพื่อนเลย
"ไม่รู้เลยแก...ไหนๆแกก็ดูเหมือนจะไปได้ดีกับเรื่องเกมส์...แกช่วยพูดกับคุณอคินให้หน่อยได้ไหม ฉันไม่อยากให้ร้านฉันถูกปิด..."เมลดาเข้าใจเพื่อนรักดี เพราะร้านอาหารจีนของเธอกว่าจะเป็นที่นิยมได้เธอใช้เวลาสร้างตัวตั้งหลายปี แต่เธอจะช่วยเพื่อนยังไง ในเมื่อปัญหาของตัวเองก็ยังเอาไม่รอดเลย
"เอ่อ...เดี๋ยวฉันจะลองช่วยพูดให้นะแก...ใจเย็นๆก่อน..."
"แกต้องช่วยฉันนะเมล..."อัญรินทร์ย้ำเธอ
ทั้งคู่นั่งปลอบกันอยู่สักพัก ไม่นานอัญรินทร์ก็ขอตัวกลับห้อง เพราะไม่อยากรบกวนเพื่อน
อีกด้านหนึ่ง...
"ทำไมแกจะต้องได้ทุกอย่างด้วยนังเมล ทำไมทุกคนต้องคอยรุมล้อมแกไปหมด"แน่นอนว่าเธอสร้างเรื่อง เพราะวันนี้เธอแอบเห็นว่าอคินมาหาเธอ และแน่นอนอีกว่าเธอถูกใจอคิน อคินควรที่จะเป็นของเธอ
วันต่อมา...
เมลดามาตามนัดที่แม่ของเธอบอก เธอแต่งตัวด้วยเดรสสีเขียวอ่อนยาวเหนือเข่า อวดเรียวขาเรียวขาว ผมลอนสีน้ำตาลคาราเมลรวบขึ้นเป็นหางม้าสูง แม่เธอเป็นคนรีเควสมาว่าต้องเเต่ตัวน่ารักเรียบร้อย และแน่นอนว่าเธอก็คงปฏิเสธแม่ไม่ได้อีกเหมือนเช่นทุกครั้ง
"เมล...ทางนี้ลูก"วรรลภาจูงแขนลูกสาวเข้ามาในห้องวีไอพีที่เหมือนว่าจะมีการจองล่วงหน้าเอาไว้ก่อนแล้ว
"...ถ้าเมลไม่ถูกใจเมลขอปฏิเสธนะแม่..."
"คนนี้แม่รับรองเลย คนนี้น่ารัก แถมเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นลูกชายของเพื่อนรักแม่สมัยเรียนมหาลัยด้วย"
"เอ้า หนูเมลมาเเล้วคุณ..."ทิพวรรณกล่าวพรางสะกิดภวินท์ผู้เป็นสามีให้ดูลูกสาวของวรรลภาเพื่อนรัก
"สวัสดีค่ะคูณลุงคุณป้า"เมลดายกมือไหว้ทั้งคู่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ทำเอาทั้งคู่ยิ้มหน้าบานออกมาด้วยความเอ็นดู
"อุ้ย...ลุงป้าอะไรกันลูก...เรียกพ่อกับแม่ก็ได้จ่ะ"ทิพวรรณกล่าวใบหน้ายิ้มแย้ม
"เนี้ยแหละเธอลูกฉัน วันๆทำแต่งานจนไม่สนใจใครเลย ฉันกลัวว่าลูกสาวฉันจะขึ้นคานเอา"
วรรลภาขิงกับเพื่อนสนิท
"สวยขนาดนี้ยังไม่มีใครเลยหรอจ๊ะหนูเมล"ทิพวรรณถามเมลดา
"เอ่อ...ยังค่ะ...เมลยังอยากอยู่เป็นโสดอยู่เลยค่ะ..."
"ว่าแต่ลูกชายเธออยู่ไหนล่ะ..."วรรลภาเอ่ยถามเพื่อนเมื่อยังไม่มีวี่แววว่าจะมา
"ขอโทษทีนะจ๊ะหนูเมล ตาลูกคนนี้น่าตีจริงๆ มาสายกะจะฉีกหน้าเเม่หรือไง"ทิพวรรณเอ็ดลูกชายที่ไม่รู้เวล่ำเวลา "คุณ ช่วยโทรตามลูกชายตัวดีของคุณหน่อยสิ"เธอกระซิบบอกสามี
แอ๊ด!!
เเต่ยังไม่ทันที่ภวินท์จะยกหูโทรเรียกตัวลูกชายมา คนเสียมารยาทก็เปิดประตูเข้ามาทันที ก่อนจะยกยิ้มร้ายเมื่อมองมายังคนร่างบางที่เอาแต่ก้มหน้าไม่สนใจใคร
"เอ้า...มาพอดีเลย...แม่กำลังจะให้พ่อแกโทรหาเลยนะ..."ทิพวรรณดุลูกชาย
"ขอโทษครับแม่ พอดีผมยุ่งๆอยู่พอดีต้องเคลียร์เรื่องซื้อหุ้นอยู่น่ะครับ"สิ้นเสียง เมลดาก็หันขวับไปมองเจ้าของเสียงทันที ก่อนจะตาเบิกโตอย่างตกใจ นี่เขาเป็นลูกเพื่อนเเม่เธอเหรอ ทำไมถึงได้โลกแคบขนาดนี้
"นะ...นาย..."
"เอ่อ...นี่หนูเมล...นี่ลูกชายแม่เองอคิน..."ทิพวรรณรีบแนะนำลูกชายสุดที่รักของเธอให้เมลดารู้จัก โดยที่ไม่รู้ว่าทั้งคู่ได้เลยเถิดกันมาก่อนเเล้ว
"เอ่อ...ค่ะ...สวัสดีค่ะ"เธอกล่าวทักทายเนียนๆ
"สวัสดีครับน้องเมล..."ชายร่างสูงยกยิ้มอย่างพออกพอใจ แต่คนร่างเล็กนั้นตาขวางใส่
"รู้จักกันไว้เลยนะอคิน เผื่ออีกหน่อยจะได้เข้ามาดูแลบริษัทแทนน้อง...ดูท่าทางช่วงนี้น้องจะหัวปั่นกับงานจนไม่มีเวลามาเจอครอบครัวเลย...ยังไงแม่ฝากดูแลหน่อยนะจ๊ะ"วรรลภามอบหมายงานให้ว่าที่ลูกเขยที่เขาหมายตาไว้ จะว่าไปจริงๆเธอตั้งใจจะบังคับให้ทั้งคู่คบหากันด้วยซ้ำ
"ปีนี้อคินก็จะ29แล้ว แม่ล่ะอยากอุ้มหลานเเล้วด้วย"ทิพวรรณทำท่าทางเศร้าๆ "แม่กับพ่อก็เหมือนไม้ใกล้ฝั่งแล้วอีกหน่อยก็คงจะจากโลกนี้ไป ไม่รู้จะมีโอกาสได้เจอหน้าหลานไหม
"ใช่แล้วเธอ ลูกสาวฉันก็27เเล้วอีกไม่กี่ปีก็คงเลขสาม อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยเลย ฉันก็หวังอยากให้มีคนมาดูแล ฉันจะได้หมดห่วงสักที"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี้ เมลดาคิด เล่นละครเสียใจอะไรกันก่อนเธอถอนหายใจแบบเอือมๆกับแม่ตัวเอง แถมยังอึดอัดที่ดูเหมือนจะโดนผู้ใหญ่กดดันอีก
"ไหนๆ ก็ไหนๆแล้วงั้นหมั้นกันเลยไหมลูก"ทิพวรรณกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
"เอ่อ..."เมลดายังคงอึ้งอยู่
"ครับ...ผมตามใจแม่กับพ่อเลยครับ...ถ้าน้องโอเคผมก็โอเคครับ"น้องงั้นหรอเมลดาอุทานในใจ
"หนูเมล...ว่ายังไงจ๊ะ..."ทิพวรรณเร่งถามเมื่อเห็นว่าเมลดาเงียบๆไป ทิ้งหน้าที่อันหนักอึ้งไว้ที่เธอจนยากที่จะตัดสินใจ
"เอ่อ...คือมันไม่เร็วไปหน่อยหรอคะ...เมลยังไม่ได้ศึกษาดูใจกันเลยนะคะ..."
"งั้นแม่ว่า...หมั้นกันไว้ก่อนก็ได้...แล้วถ้าหนูเมลพร้อมเมื่อไหร่ค่อยเเต่งจ่ะ"
"พ่อก็ว่างั้นนะลูก หรือหนูเมลมีปัญหาตรงไหน อคินทำอะไรหนูไม่สบายใจตรงไหนหรือเปล่า บอกพ่อมาได้เลยนะ พ่อจะจัดการให้"
"โอ้ยเยอะเลยค่ะ"เธอบ่นเบาเเต่ทำเอาคนตัวสูงได้ยิน
"หึ"เขาหัวเราะในลำคออย่างพอใจ
และเเล้วทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามที่ผู้ใหญ่ตกลงกันไว้ นั่นก็คือหมั้น แต่หมั้นอีก1เดือนข้างหน้านะ
"นี่นาย ไม่คิดที่จะช่วยพูดกับพ่อแม่นายหน่อยหรอ นั่งยิ้มอยู่นั่นแหละ"เมื่อมีโอกาสได้อยู่กัน2คนเมลดาก็รีบขึ้นเสียงใส่ทันที แจ่ท่าทางแบบนั้นแหละที่ทำให้คนตัวสูงกว่ายิ่งได้ใจ
"ก็พ่อแม่ต้องการแบบนี้ ฉันก็แค่เป็นลูกที่ดีตามใจท่านก็เท่านั้นเอง"เขาแก้ตัว
"ลูกที่ดีหรอ เหอะ...ดีแตกน่ะสิไม่ว่า"
"น้องเมลทำไมพูดจาไม่น่ารักกับพี่เลยล่ะคะ"เขากวนประสาทเธอด้วยน้ำเสียงยียวน
"นี่...อย่ามาเรียกฉันแบบนี้อีกนะ ขนลุก"