ตอนที่ 4 ย้อนเวลากลับมา

1453 Words
“เจ้ารู้อะไรรึไม่ ข้าเฝ้าวางแผนและขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของข้า เพื่อดันให้อิงเอ๋อร์ขึ้นสู่ตำแหน่งพระชายาเอก…เพราะอะไรรู้ไหม” ริมฝีปากสีชาดเหยียดยิ้มหยันราวกับสตรีในความทรงจำกำลังมองตนอยู่ “เพราะยามที่คนเราขึ้นสู่จุดสูงสุด เวลาโดนกระชากตกลงมามันจะยิ่งเจ็บปวดเจียนตายอย่างไรเล่า! ฮ่าๆๆ ข้าอยากให้เจ้าเห็นสภาพบุตรีคนโตของเจ้ายิ่งนัก ไหนจะบุตรีคนเล็กที่ต้องโทษประหารอีก แต่อย่าได้ห่วงเลย ข้ามิปล่อยให้มันตายง่ายๆ หรอก บุตรสาวคนเล็กของเจ้าต้องไปเป็นนางบำเรอให้กับโจรป่าทั้งร้อยคนในเมืองชายแดนโน่น! ฮ่าๆ” สตรีตรงหน้าราวกับเสียสติไปแล้ว หลิวมี่เอินสงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง เรื่องที่ต้องการพูดนางก็ได้พูดไปหมดแล้ว “หวังว่าเจ้าจะตายตาไม่หลับ เพราะข้าเฝ้าหวังให้เจ้าวนเวียนรอดูหายนะของคนที่เจ้ารัก แม้แต่ชายคนนั้นก็ตาม!” เสียงหวานกดต่ำบ่งบอกถึงความอัดอั้นตันใจ เมื่อความรักเปลี่ยนเป็นความแค้น ก็มาดูกันว่าคนอย่างนางทำสิ่งใดได้บ้าง! ร่างบางเดินนวยนาดกลับออกไป แม้ก่อนออกไปนางจะเหลือบไปมองป้ายวิญญาณของพี่สาวก็ตาม ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนที่เซี่ยลี่อิงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน เพียงวันเดียวที่ความจริงทุกอย่างเกิดขึ้นมันพังทลายชีวิต 20 ปีที่ผ่านมาของนางจนไม่มีชิ้นดี มารดาที่นางเฝ้าเพรียกหาคือท่านน้าของนาง…ทั้งยังเป็นคนสังหารมารดาแท้ๆ ของตน! คนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่จำความได้แปรเปลี่ยนไปราวกับคนแปลกหน้า มิตรสหายที่คบมาเนิ่นนานวางแผนแย่งทั้งสามีและตำแหน่งพระชายาของนาง แล้วบิดาล่ะ…บิดาของนางรู้เรื่องเหล่านี้ด้วยรึไม่ บิดาที่นางมิเคยใส่ใจเพราะอคติ บิดาที่ปีหนึ่งคุยกันไม่ถึง 5 ประโยค นางสงสัยยิ่งนัก สงสัยเหลือเกินว่าในหัวใจของคนที่เลี้ยงดูนางมาไม่เคยเอ็นดูหรือรักนางบ้างเลยหรือ ตลอดเวลาแม้นางจะร้ายกาจใส่คนอื่นแต่กับมารดานางจะออดอ้อนและเชื่อฟังทุกครั้ง ความผูกพันที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่นางเกิดไม่ช่วยทำให้สตรีผู้นั้นเปลี่ยนใจสักนิดรึไร ไฉนถึงลงมือกับคนที่เทิดทูนนางได้อย่างเลือดเย็นเช่นนี้ ถ้าหากถามอีกฝ่ายได้ นางก็อยากจะถามว่านางผิดอันใดจึงได้ใจร้ายเลี้ยงนางมาเพื่อฆ่าได้ลงคอ หวนนึกถึงความทรงจำที่มีความสุขระหว่างมารดา นาง และน้องสาวยิ่งทำให้วิญญาณของเซี่ยลี่อิงไม่อยากเชื่อเลยว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงภาพลวงตา ร่างโปร่งใส่นั่งเหม่อลอยก่อนหยาดน้ำใสจะไหลลงมาไม่ขาดสาย ดวงตาคู่สวยเหลือบมองป้ายวิญญาณของคนที่นางคิดว่าเป็นท่านน้ามาตลอด แต่ป้ายนั้นกลับเป็นของมารดาของนางเองเสียนี่ “ท่านแม่…ลูกอกตัญญูนัก” เซี่ยลี่อิงค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วลอยมาคุกเข่าที่ป้ายวิญญาณก่อนจะโขกศรีษะลงคำนับแม้จะไม่โดนพื้นก็ตาม “เพราะลูกโง่งมถูกสตรีนางนั้นชักจูง ฮึก เพราะลูกไร้หัวคิดถึงได้มองไม่ออกว่าน้องกำลังโดนใช้เป็นหมาก ฮืออ” เนื่องจากพวกนางถูกจับแยกกันตั้งแต่เด็ก พอโตมาก็ไม่ได้สนใจใยดีกันขนาดนั้น เพียงรักกันเหมือนพี่น้องธรรมดา “ฮึก ฮือ ท่านแม่” เสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจดังก้องไปทั้งห้องบรรพชนแต่ไร้ซึ่งผู้ใดได้ยิน เซี่ยลี่อิงหมอบลงจนแทบติดพื้นด้วยความหมดแรง นางสงสารน้องสาว สงสารบิดา และยิ่งกว่าใครคือมารดาที่นางแทบจำไม่ได้แล้วว่าไออุ่นในอ้อมกอดนั้นเป็นเช่นไร “เหตุใดสวรรค์ถึงให้ลูกรับรู้เรื่องราวเหล่านี้…เหตุใดเหล่าเทพเซียนจึงมิส่งลูกไปยังแม่น้ำลืมเลือน ถ้าลูกจากไปโดยที่ไม่ต้องรู้เรื่องพวกนี้คงจะดีไม่น้อย” เสียงหวานแหบแห้งพร่ำเพ้อแผ่วเบาดุจกระซิบกับสายลม ทันใดนั้นแสงสีขาวนวลสาดส่องลงมาที่ร่างของหญิงสาว พร้อมกับเสียงหวานอ่อนโยนราวกับปลอบประโลมดวงวิญญาณน้อยๆ ดวงนี้ "อดทนเข้าไว้นะลูกรัก ขอโทษที่แม่มิได้อยู่ดูแลพวกเจ้าจนเติบใหญ่ แม่ทำได้แค่เพียงใช้ดวงวิญญาณของตนเองเซ่นไหว้ทวยเทพเพื่อขอให้เจ้าได้รับโอกาสอีกครั้ง ครั้งนี้จงระมัดระวังให้มากและดูแลบิดากับน้องสาวของเจ้าแทนแม่ด้วย แม่จะเฝ้ามองพวกเจ้าเสมอ รักลูกนะ" จบคำแสงนั้นพลันกลืนกินรอบด้านจนหมด สติรับรู้สุดท้ายคือความอบอุ่นที่โอบล้อมรอบตัวของนาง ……………. …….. .. “อือ” เสียงหวานใสพึมพำเบาๆ เมื่อเริ่มรู้สึกตัว มือน้อยลูบไล้ผ้าปูไปมาราวกับสงสัยว่าเป็นของจริงรึว่าความฝัน ร่างบอบบางกลิ้งๆ บนที่นอนอีกสักพักแต่ว่ายังไม่กล้าลืมตาขึ้นมา นางหวั่นใจเหลือเกินว่าสิ่งร้ายๆ ที่นางทำจะส่งนางไปยังที่น่ากลัว…ดวงตาดวงตาหรี่มองรอบด้าน เมื่อไม่พบสิ่งใดผิดปกติจึงลืมตาของตาขึ้นเต็มตา ขนตางอนกระพือขึ้นลงเพราะเจ้าตัวน้อยยังกระพริบตาถี่ จะไม่ให้นางกระพริบตาถี่ๆ ได้อย่างไรในเมื่อสถานที่ที่นางอยู่คือ ห้องนอนในเรือนของนางเอง! เซี่ยลี่อิงกวาดตามองไปรอบห้อง ถึงแม้จะยังมืดอยู่แต่นางกลับคุ้นเคยเป็นอย่างดี เรือนนี้คือเรือนที่นางใช้ชีวิตมาตั้งแต่จำความได้ ด้วยความดีใจหญิงสาวรีบลุกขึ้นก่อนพาดขาตรงขอบเตียงเพื่อลงจากที่นอน แต่ความความแปลกใจก็เข้าจู่โจมนางอย่างรุนแรงอีกครั้งเมื่อเท้าของนางมันไม่ติดพื้น…ไม่ใช่สิ มันไม่ถึงพื้นต่างหากล่ะ!! “นี่มันอะไรกันเนี่ย!” เสียงใสอุทานออกมาเนื่องจากตนเองหงายมือขึ้นมาดู มือน้อยๆ ที่ดูยังไงก็ไม่ใช่สตรีที่โตแล้วทำให้เซี่ยลี่อิงแทบหงายหลังล้มลงบนเตียงอีกครั้ง ฟึบ! ตุบ! หญิงสาวกระโดดลงจากเตียงแล้วตรงไปยังคันฉ่องในห้อง แม้จะไม่มีไฟแต่แสงจันทร์ที่ส่องสว่างก็พอทำให้นางให้เห็นเงาลางๆ ว่าตนนั้นสูงเพียงแค่เลยเอวของผู้ใหญ่ไปหน่อยเดียวเท่านั้น ถ้าให้คาดเดานางคงมิเกิน 7 หนาวเป็นแน่! “นี่มันอะไรกันเนี่ย” เซี่ยลี่อิงที่กลายร่างมาเป็นเด็กน้อยขยุ้มหัวตนเองด้วยความวิตก สมองพลันวิเคราะห์ทุกเหตุการณ์อย่างละเอียดอีกครั้ง เรื่องราวทั้งหมดเกิดจากผู้ที่นางคิดว่าเป็นมารดามาโดยตลอด จากที่ฟังคงวางแผนร่วมกับพระสนมเหอกุ้ยเฟยด้วยเป็นแน่ อาจรวมไปถึงอันฮูหยินแห่งจวนราชครูด้วย ยังมีซุนอวิ้นหยางและอันซูฮวาที่ไม่รู้ว่าเริ่มเข้าสู่แผนร้ายตั้งแต่เมื่อไหร่ นอกจากคนเหล่านี้ยังมีอีกคนที่นางเป็นกังวลมากที่สุด…บิดาของตน นางรู้สึกหวั่นใจนักว่าบิดาจะรู้เรื่องนี้มากน้อยเพียงใด ถ้าเกิดว่าเขาร่วมมือกับผู้หญิงคนนั้นล่ะ… “ไม่หรอก” จากที่ฟังหลิวมี่เอินผู้เป็นน้าของนางแค้นเคืองบิดามิใช่น้อย เป็นไปได้ว่าบิดาไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนน้องสาวของนาง…ยามนี้คงเพิ่งอายุเพียง 5 หนาวเท่านั้น นางยังสามารถทำอะไรได้บ้าง “จะทำอะไรได้ล่ะ…” เสียงใสบ่นพึมพำอย่างหมดอาลัยตายอยาก ดวงตากลมน่ารักมองมือเล็กที่กำๆ แบๆ ออกมาสักพักแล้ว ก่อนจะคิดวางแผนสิ่งใดต้องดูก่อนว่าตนพอจะทำอะไรได้บ้าง ตัวก็มีแค่นี้ มือยังกระจิ๊ดริดเพียงนี้ แล้วนี่นางจะเอาอะไรไปสู้รบปรบมือกับศัตรูมากมายกัน!! ยามค่ำคืนที่ใครหลายๆ คนหลับไหล กลับมีร่างแน่งน้อยที่จิกทึ้งผมแล้วกลิ้งไปมาบนที่นอนเพื่อระบายอารมณ์ ถึงจะผ่านมาหนึ่งชาติแต่ใช่ว่านิสัยจะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ ถึงแม้นางจะตั้งใจไว้แล้วว่าต่อจากนี้นางจะเป็นคนใหม่ เป็นคนที่รอบคอบและคิดอ่านให้กว้างไกลเสมอ แต่นั่นเอาไว้เริ่มวันพรุ่งนี้เถิด วันนี้นางขอระบายอารมณ์และความอัดอั้นด้วยการกัดหมอนไปก่อนก็แล้วกัน….
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD