“อ๊ะ ท่านพี่ ซี๊ดดด เสียวจังเลยเพคะ” อันซูฮวาร้องออกมาเพราะความเสียวซ่านที่ได้รับ ยามท่อนเอ็นกดลึกสุดปลายโคนนางก็แอ่นรับอย่างรู้งาน
“อ่าห์ ฮวาเอ๋อร์ ร่องรักของเจ้าช่างดียิ่ง อืมม ดีเหมือนวันเข้าหอของเราเลย” ซุนอวิ้นหยางขยับเอวเข้าออกระรัว ริมฝีปากบางก็พร่ำเพ้อถึงความหลัง
“อื้อออ วันเข้าหอ อ๊าาา ในงานแต่งของท่านพี่กับอิงเอ๋อร์น่ะหรือเพคะ อื้มมม” อกอิ่มเด้งไปมาตามแรงกระแทกช่างล่อตาล่อใจจนมือหนาอดที่จะตะปบมันไม่ได้
“ใช่ วันที่ที่พี่มาเข้าหอกับเจ้าก่อนอย่างไรเล่า”
เซี่ยลี่อิงได้ฟังประโยคที่ผู้เป็นสามีเอ่ยออกมาเหมือนกับโดนฟ้าผ่ากลางใจ นางทั้งโกรธเกรี้ยว ด่าทอ ประนามหยามเหยียดพวกมันทั้งคู่ สาปส่งให้หญิงโฉดชายชั่วคู่นี้ตายอย่างไร้ที่กลบฝัง แต่คนทั้งคู่กลับระเริงรักกันอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจแม้แต่ศพของนางที่ไม่ทันเย็นด้วยซ้ำ!
นางนึกย้อนไปถึงวันเข้าหอ เขาหายไปค่อนคืนก่อนจะโผล่มาที่เรือนหอ บอกกล่าวกับนางว่าเพราะถูกเหล่าสหายและแขกเหรื่อมอมสุรา แต่ถ้านางเอะใจสักนิดจะเห็นได้ว่าเสื้อผ้าของเขายับย่นเพียงใด เหตุใดนางถึงคล้ายกับไม่เคยรู้จักคนที่เติบโตมาด้วยกันเลยสักนิดพวกเขาทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไรกัน! ที่จริงแล้วถ้าเขาไม่พอใจนางตั้งแต่ต้นทำไมถึงไม่สู่ขออันซูฮวาแทนที่จะเป็นนาง!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนางแค่ไหนที่เซี่ยลี่อิงไร้เรี่ยวแรงจะโกรธคนพวกนั้น ร่างโปร่งแสงของนางลอยละล่องอย่างไร้จุดหมายจนกระทั่งมาหยุดอยู่สถานที่แห่งหนึ่ง เสียงสะอื้นปานจะขาดใจของร่างในห้องขังอับชื้นทำให้นางเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิด ความคุ้นตานั่นทำให้นางรู้ว่าร่างเล็กที่คุดคู้ตัวตรงมุมกำแพงคือน้องสาวที่ตนเคยรักและเอ็นดู
“น้องขอโทษเจ้าค่ะพี่หญิง อึ่ก น้องโง่เองที่หลงรักบุรุษผู้หนึ่งจนลืมสิ้นทุกสิ่ง” เซี่ยลี่หลินกอดเข่าก้มหน้าแล้วพรั่งพรูความในใจออกมา
“ฮือออ น้องโง่ที่หลงเชื่อคำลวงของสตรีซึ่งคอยยุแยงน้องมาตลอด ฮึก น้องผิดไปแล้วจริงๆ” ท่ามกลางความเงียบในคุกหลวง เสียงกระซิบแผ่วเบานั่นเซี่ยลี่อิงได้ยินมันชัดเจน แม้จะโกรธเกลียดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านางยังรักน้องสาวคนนี้ของนาง แม้นางจะเป็นพี่ที่ไม่ดีนักแต่ทั้งชีวิตก็มีเพียงพวกนางสองพี่น้องเท่านั้น หญิงสาวนั่งลงข้างๆ อีกฝ่ายพลางร่ำไห้ไปด้วยกัน นางจะทำเช่นไรดี อะไรที่ทำให้นางยังอยู่ตรงนี้…
ฟึ่บบ วู่วววววววว
“อะไรน่ะ!”
ลมสายหนึ่งพัดกรรโชกใส่ร่างโปร่งของเซี่ยลี่อิงจนนางเซถลาไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ แรงขึ้นจนนางมิอาจลืมตาได้ เสียงลมหวีดหวิวชวนให้ขนลุกมีเพียงดวงวิญญาณของนางเท่านั้นที่ได้ยิน เพราะคนรอบด้านกลับไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านั้นแม้แต่น้อย
กว่าจะรู้ตัวอีกทีร่างบอบบางสภาพซ่อมซ่อในชุดเปื้อนเลือดก็มายังสถานที่อีกแห่งหนึ่งเสียแล้ว…เซี่ยลี่อิงค่อยๆ ลืมตาด้วยความขลาดกลัว นางมิเคยสนใจเรื่องภูติผีปีศาจพอต้องมาเจอกับตัวจึงทำให้อดหวั่นเกรงไม่ได้ แต่สิ่งของคุ้นตาโดยรอบทำให้นางเบาใจขึ้นเมื่อรู้ว่าตนมาโผล่ที่ศาลบรรพชนของตระกูลเซี่ย
กึก! ครืดดดดดดด
เสียงเปิดประตูบานใหญ่เรียกเซี่ยลี่อิงให้หันไปมอง สตรีวัย 37 หนาวตรงหน้าทำให้นางร้องไห้ราวกับเขื่อนแตกออกมาอีกครั้ง
“ท่านแม่! ฮืออออ” ร่างโปร่งใสพุ่งเข้าใส่มารดาหมายจะกอดให้คลายความทุกข์ใจ แต่กลายเป็นว่านางพุ่งผ่านไปดุจสายลมเบาๆ ปะทะร่างของหลิวมี่อิงเท่านั้น
“พวกเจ้าออกไปก่อน” อดีตโฉมงามอันดับหนึ่งที่แม้เวลาจะผ่านมานานแต่ก็ไม่ได้ทำให้นางแก่ลงเท่าใดนักหันไปสั่งข้ารับใช้ทั้งหมดที่ตามมา
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ทั้งสี่รับคำก่อนจะถอยหลังออกจากห้อง
“ท่านแม่ ท่านได้ยินข้าบ้างรึไม่เจ้าคะ” เซี่ยลี่อิงเข้าไปใกล้มารดาแล้วเอ่ยเรียกอีกครั้ง ซึ่งก็ยังเหมือนเดิมคือไม่มีใครได้ยินหรือรับรู้การมีอยู่ของนาง
ร่างบางของหลิวมี่อิงเดินไปจุดธูป จากนั้นก็นั่งลงคำนับบรรพชนก่อนจะปักธูปลง
“พี่สาว ข้ามาในวันนี้เพื่อส่งข่าวที่น่ายินดีให้ท่านได้รับรู้” เสียงคุ้นเคยของมารดาทำให้หญิงสาวรู้สึกคิดถึง ก่อนจะต้องขมวดคิ้วเมื่อมารดาเรียกใครสักคนว่าพี่สาว…มารดาของนางเป็นบุตรีคนโต จะมีพี่สาวได้อย่างไรกัน
“อิงเอ๋อร์ของเจ้าตายตกตามเจ้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มิหนำซ้ำยังตายด้วยน้ำมือของน้องสาวอย่างหลินเอ๋อร์อีกด้วย ฮ่าๆ ลูกๆ ของเจ้าฆ่ากันเองเช่นนี้คงตายตาไม่หลับกระมัง” ประโยคที่ออกจากปากของมารดาทำเอาโลกทั้งใบของเซี่ยลี่อิงถล่มลงมา ร่างวิญญาณนิ่งสนิทราวกับถูกตรึงด้วยเส้นใยที่มองไม่เห็น ใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำจนแทบหายใจไม่ออก ทั้งที่นางเป็นเพียงวิญญาณ อาการเหล่านั้นมันไม่ควรเกิดขึ้นมิใช่หรือ…
“เพราะเจ้า ท่านพี่จึงมิเคยชายตามองข้า ถึงจะแต่งเข้ามาพร้อมกันแล้วอย่างไรในเมื่อคนที่เขารักก็คือเจ้า! หึหึ ต้องโทษที่เจ้าตายด้วยพิษไวไปนัก ทิ้งนังเด็กโสโครกสายเลือดเจ้าไว้ตั้งสองคน! ฮ่าๆ ข้าจึงเสี้ยมสอนให้มันมีนิสัยเยี่ยงนั้นอย่างไรเล่า ชื่อเสียงฉาวโฉ่ของบุตรีเจ้าคงดังไปถึงนรกที่เจ้าอยู่เป็นแน่”
เสียงหัวเราะลั่นสั่นสะท้านไปทั้งดวงจิตของหญิงสาว นางทรุดลงเหม่อมองผู้ที่ตนรักใคร่และคิดเสมอว่ามารดาเองก็รักตนมากจนตามใจทุกอย่าง แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นเพียงแผนการของคนๆ หนึ่งเท่านั้น…
“เจ้ารู้รึไม่ ข้ายังสั่งสอนให้บุตรีคนเล็กของเจ้าอิจฉาริษยาพี่สาวแท้ๆ ทั้งยังอยากได้บุรุษของพี่จนตัวสั่น สุดท้ายถึงกับวางยาพิษใส่พี่สาวตนเอง เหมือนที่เจ้าโดนอย่างไรล่ะ!...หลิวมี่อิง ข้าไม่มีวันยอมให้เจ้าตายตาหลับหรอก แม้เจ้าจะตายไปแล้วข้าก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้วิญญาณของเจ้ามิอาจไปผุดไปเกิดได้!!” ใบหน้าที่เคยงดงามบิดเบี้ยวไปด้วยความแค้น นางยอมเสียเวลาเลี้ยงดูสายเลือดของคนที่ตนเกลียดก็เพื่อวันนี้ เพื่อมองพวกมันฆ่ากันเอง และหวังว่าแม่ของพวกมันจะรับรู้
ย้อนกลับไปตอนที่พวกตนเพิ่งปักปิ่น ตระกูลหลิวจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ พวกนางสองพี่น้องล้วนเป็นโฉมงามอันดับ 1 ของเมืองหลวง ถึงอย่างนั้นเซี่ยซือจงกลับตกหลุมรักหลิวมี่อิงตั้งแต่แรกพบ ทั้งๆ ที่พวกนางเหมือนกันทุกส่วนแม้แต่คนในครอบครัวยังแยกไม่ออก แต่ชายผู้นี้กลับมองเพียงพี่สาวของนางเรื่อยมา จนกระทั่งนางสารภาพกับพี่สาวตามตรงว่าชอบบุรุษคนนี้ช่นกัน สุดท้ายพี่สาวจึงยื่นข้อเสนอ นางจะยอมรับคำขอแต่งงานถ้าอีกฝ่ายยินยอมที่จะแต่งพวกนางทั้งคู่
ตัวนางในฐานะน้องสาวย่อมซาบซึ้งกับการกระทำของผู้เป็นพี่ แม้เซี่ยซือจงจะอยากปฏิเสธแต่ก็มิอาจทำใจทิ้งสตรีที่ตนรักได้ สุดท้ายจึงมีการแต่งงานเกิดขึ้น สตรีสองนางได้ขึ้นเกี้ยวแปดคนหามอย่างยิ่งใหญ่ สองเกี้ยว สองเรือนหอ คืนเข้าหอเขาไปห้องพี่สาวนางก็ทำใจไว้แล้ว แต่วันต่อๆ มาเขาก็ยังพักที่เรือนของพี่สาวนางก็ทำได้แค่รอคอยเท่านั้น จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปีจนพี่สาวตั้งครรภ์ หลิวมี่เอินได้แต่คาดหวังว่าช่วงที่พี่สาวมิอาจปรนนิบัติอีกฝ่ายได้ เขาคงนึกถึงนางบ้าง…ซึ่งมันเป็นการเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง เขายอมอดทนมากกว่าที่จะมาปลดปล่อยกับนาง! จากความซาบซึ้งในคราแรกจึงแปรเปลี่ยนเป็นความริษยา จนในที่สุดนางก็เลือกทางเดินที่มิอาจเปลี่ยนใจได้อีก