“ขอบพระทัยเพคะ” ร่างบอบบางในชุดสีชมพูอ่อนชวนให้ทนุถนอมยอบกายลงตามธรรมเนียมก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามพี่สาว
“พระชายาทรงมีเรื่องอันใดหรือเพคะ ถึงให้คนไปตามหม่อมฉันเร่งด่วนเพียงนี้” ถ้อยคำแฝงเร้นไปด้วยการตำหนิพี่สาวทำให้มือบางที่กำลังรินน้ำชาชะงักงัน ตลอดมานางมองว่าน้องสาวเป็นเด็กดีเชื่อฟังนางเสมอ ดูแล้วคงเป็นนางเองที่มองไม่ออกว่าใจจริงของทุกคนเป็นเช่นไรกันแน่
“ข่าวลือที่ว่าเจ้าจะแต่งเข้ามาเป็นพระชายารองเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ” เซี่ยลี่อิงไม่คิดจะอ้อมค้อม นางยกถ้วยชาขึ้นจิบพลางรอคำตอบ
“แล้วพระชายาคิดเช่นไรเล่าเพคะ” ในเมื่อนางเปิดตัวมาขนาดนี้แล้ว เซี่ยลี่หลินก็มิคิดจะเก็บงำความต้องการอีกต่อไป
เพี๊ยะ!
ไวเท่าความคิดฝ่ามือของสตรีสูงศักดิ์ในห้องก็ฟาดลงไปบนใบหน้างดงามที่คล้ายคลึงตนหลายส่วนอย่างแรง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงตามการหอบหายใจเพราะโทสะอันคุกรุ่น ดวงตาคู่สวยแดงก่ำจ้องมองราวกับจะแผดเผาคนตรงหน้าให้วอดวาย
“เจ้ามันสารเลว! ให้ท่าได้แม้กระทั่งพี่เขยตนเอง!! เจ้ามั- อั่ก!” ขณะที่ความโกรธเกรี้ยวถูกระบายออกมา จู่ๆ โลหิตกองใหญ่ก็กระอักออกจากปากเซี่ยลี่อิง ร่างบางระหงทรุดลงด้วยความเจ็บปวดในช่องท้องที่ประทุขึ้นมา แม้แต่เสียงก็มิอาจเปล่งออกมาได้ หญิงสาวได้แต่นอนทุรนทุรายอยู่บนพื้นก่อนจะเริ่มไร้เรี่ยวแรงและได้แต่นอนนิ่งพร้อมลมหายใจที่อ่อนลงทุกที
ภาพทั้งหมดนั่นเซี่ยลี่หลินยืนมองมันด้วยน้ำตาที่นองหน้าไม่แพ้กัน ตั้งแต่เล็กนางถูกเปรียบเทียบกับพี่สาวมาโดยตลอด แม้แต่มารดาก็เอาแต่พูดว่าพี่สาวดีอย่างนั้นอย่างนี้ ทุกสิ่งของพี่สาวล้วนดีที่สุด ส่วนนางจะต้องรอของเหลือเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับพี่สาวก็ได้เลือกก่อน ขอเพียงพี่สาวเอ่ยปากว่าอยากได้อะไรมารดาก็พร้อมจะหามาให้ ผิดกับนางที่พอเอ่ยปากขอมารดากับบอกว่าต้องเก็บเงินไว้ซื้อของให้ผู้เป็นพี่ ขนาดบุรุษที่ดีอย่างองค์ชาย 4 ก็ยังยกให้เป็นของพี่สาว ทั้งๆ ที่นางก็รักชายผู้นั้นไม่ต่างกันแท้ๆ!
“เจ็บรึไม่เล่าเพคะ” เซี่ยลี่หลินสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเหยียดหยัน แต่หากสังเกตให้ดีภายในแววตานั้นเต็มไปด้วยระลอกคลื่นของความรู้สึกผิดและเกลียดชังผสมปนเปกันจนแทบแยกไม่ออก
“หม่อมฉันเองก็เจ็บไม่แพ้พี่หญิงหรอกเพคะ” ใช่ ตลอดมานางต้องทนอยู่กับความรักที่มารดามอบให้แต่พี่สาว บิดาก็ใส่ใจแต่พี่สาว ไม่มีใครเลยที่มองมาที่นาง ดวงตาดอกซิ่งหลุบมองร่างจมกองเลือดตรงหน้าคล้ายตัดสินใจได้แล้วก่อนจะนั่งลงตรงหน้า
“อดทนอีกนิดเพคะ ยาพิษนี้ออกฤทธิ์เร็วนัก แม้ท้ายที่สุดแล้วน้องก็มิอาจทนเห็นพี่หญิงทรมานได้ ช่างน่าสมเพชจริงเชียว” เสียงหวานเจือสะอื้น ความรู้สึกหลากหลายตีรวนไปมาจนแทบหายใจไม่ออก แต่ยามนี้ไม่มีทางเดินให้นางได้หวนกลับอีกแล้ว
เซี่ยลี่อิงเหม่อมองน้องสาวคนเดียวด้วยความโกรธแค้น ก่อนที่มันจะกลายเป็นความผิดหวัง เสียใจ โศกเศร้าที่น้องแท้ๆ ของตนลงมือกันถึงเพียงนี้ นิ้วเรียวพยายามขยับเพื่อเขียนบางอย่างแต่ก็มิอาจทำได้ สติสุดท้ายที่นางรับรู้คือภาพน้องสาวของนางปล่อยโฮออกมาแล้วสวมกอดร่างที่กำลังไร้ลมหายใจของตน นางทำสิ่งใดผิดไปกันนะ เหตุใดเรื่องราวจึงมาไกลถึงเพียงนี้...
…………
……
..
“อ๊ะ….กรี๊ดดดดดด” เสียงหวานอุทานขึ้นเมื่อรู้สึกวูบโหวงจนต้องลืมตาขึ้นมา ภาพตรงหน้าทำให้เซี่ยลี่อิงหวีดร้องด้วยความตกใจ ร่างบอบบางของนางในชุดเปื้อนเลือดกำลังล่องลอยอยู่เหนือศพของตนเอง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครก็ได้ช่วยด้วย!” ด้วยตวามตกตะลึงนางตะโกนขอให้คนช่วยอย่างร้อนรน
“ช่วยด้วย! ข้าอยู่ตรงนี้ มีใครได้ยินรึไม่” ผ่านไปกว่าเค่อ (15 นาที) ก็ไร้ผู้ใดได้ยิน ในที่สุดนางก็ตระหนักได้
“นี่ข้าตายจริงๆ แล้วสินะ” มือบางชูขึ้นผ่านแสงจากหน้าต่างห้อง ส่องให้เห็นความโปร่งใสซึ่งไร้เนื้อหนังอย่างที่ควร แต่ก่อนจะได้คร่ำครวญสิ่งใดเหตุการณ์ในห้องก็ดึงความสนใจจากนางไปเสียก่อน
“จับคุณหนูรองตระกูลเซี่ยเอาไว้ ข้อหาวางยาพิษพระชายาเอกของข้า!!” เสียงตวาดเข้มของซุนอวิ้นหยางผู้เป็นองค์รัชทายาทดังที่หน้าตำหนักทำให้ดรุณีน้อยตกใจสุดขีด
“นี่มันอะไรกันเพคะ องค์รัชทายาท!” เซี่ยลี่หลินตะโกนพลางดิ้นหนีจากการจับกุม
“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะลงมือเหี้ยมโหดขนาดนี้” เสียงทุ้มเอ่ยบอกด้วยท่าทางรังเกียจเล็กน้อย
“ทรงตรัสสิ่งใดเพคะ ก็พระองค์เป็นผู้วางแผนนี้ทั้งหมดนี่!” หญิงสาวไม่ยินยอมทั้งยังกล่าวจนข้ารับใช้มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“อย่ามาโกหก! นางกำนัลคนสนิทของพระชายาสารภาพหมดแล้วว่าถูกเจ้าจ้างวานให้ใส่พิษในน้ำชาของนาง!” ชายหนุ่มปรายตามองเพื่อนสมัยเด็กอีกคนที่ตนเคยปันใจให้
“ไม่จริงเพคะ นางกำนัลผู้นั้นเป็นคนของพี่ซูฮวาต่างหาก!” พี่ซูฮวาที่กล่าวถึงคือ อันซูฮวาผู้เป็นเพื่อนสมัยเด็กอีกคนในกลุ่มนั่นเอง
“เลิกใส่ร้ายคนอื่นไปทั่วได้แล้ว! จับตัวนางไปขังในคุกหลวง รอการตัดสินโทษจากข้า!” เจ้าของตำหนักประกาศกร้าวจนองค์รักษ์ทั้งหมดรีบสั่งการให้เอาผ้าอุดปากนักโทษไว้
ภายใต้ความโกลาหลนั่นมีดวงวิญญาณดวงหนึ่งกำลังงุนงงกับเรื่องราวมากมายที่ถาโถมมาไม่หยุด ประโยคเมื่อครู่ที่บอกว่าแผนนี้ถูกวางโดยองค์รัชทายาท…สามีของตน และนางกำนัลคนสนิทของนางยังเป็นคนของสตรีอีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทมาแสนนานทำให้นางเริ่มฉุกใจคิด แต่เดิมเซี่ยลี่อิงไม่ใช่คนโง่ นางมีไหวพริบและเฉลียวฉลาด เพียงแต่การเลี้ยงดูที่ให้ท้ายจนไม่สนสิ่งใดทำให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลเสียหมด นางจึงกลายเป็นสตรีร้ายกาจโง่งมในสายตาผู้อื่น
“พวกเจ้าออกไปให้หมด” เสียงทุ้มเข้มออกคำสั่งดึงสติรับรู้ของเซี่ยลี่อิงอีกครั้ง ภายในห้องนอกจากศพของนางกับร่างโปร่งที่ยืนห่างไปไม่ไกลนั้น ยังมีร่างอรชรแสนเย้ายวนของหญิงสาวคุ้นตายืนอยู่อีกคน อันซูฮวา…
‘มันจะไม่เร็วเกินไปหน่อยหรือ’
นี่คือสิ่งแรกที่เซี่ยลี่อิงคิด จวนราชครูกับพระราชวังแม้ไม่ไกลกันแต่ก็ใช่จะโผล่มาไวถึงเพียงนี้ นอกเสียจาก…นางรู้เรื่องอยู่ก่อนแล้ว! ความกรุ่นโกรธเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง สมองน้อยๆ คิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด
“อาลัยอาวรณ์หรือเพคะ” เสียงหวานเต็มไปด้วยความน้อยใจให้ชายหนุ่มเร่งเข้าไปปลอบประโลมคนรักที่แท้จริงของตนทันที
“ใครว่า พี่ไม่ได้มีใจให้นางเสียหน่อย ไฉนจะมีสิ่งใดให้อาลัยเล่า” แขนแกร่งโอบกอดอีกฝ่ายเข้ามาแนบแน่น ทั้งยังจุมพิตหน้าผากมนอย่างรักใคร่ ภาพชายหญิงตรงหน้าทำเอาผู้ตายจนกลายเป็นวิญญาณถึงกับแข็งค้างราวกับถูกสาป
"น้องมิเชื่อคำของเสด็จพี่หรอกเพคะ อยู่กินกับนางมาตั้งนาน จะไม่มีเผลอไผลไปเชียวหรือ” อันซูฮวาแสร้งดิ้นขลุกขลักให้เนื้อนวลบดเบียดไปกับกายกำยำมากยิ่งขึ้น ก่อนจะกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์บางเบาเมื่อบางสิ่งบางอย่างเติบโตขึ้นมาจนถูไถร่างกายของนาง
“งั้นพี่คงต้องแสดงให้รู้เสียแล้วว่าใจพี่มีเพียงเจ้าเท่านั้น พี่รอให้เจ้ามารับตำแหน่งพระชายานานแล้ว” เพราะอารมณ์บางอย่างที่พุ่งพล่านขึ้นมาทำให้ชายหนุ่มช้อนตัวคนรักขึ้นแล้วเข้าไปยังห้องบรรทมข้างๆ ด้วยความเร่งรีบ ไม่ต้องบอกว่าภาพต่อจากนั้นที่เซี่ยลี่อิงเห็นคือสิ่งใด เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงครวญครางพร่ำคำหวานล้วนกรีดลึกลงในใจของนาง