"นี่แกกำลังกล่าวหาเมียของฉันว่าวางยาจัดฉากเอาลูกสาวมาใส่พานถวายให้แก เพื่อที่จะให้หนูผึ้งเขาจับแกทำผัวแบบนั้นเหรอวะไอ้อคิน" นายหัวไกรสีห์ถามเสียงดัง
"แล้วพี่สิงห์คิดว่ายังไงละครับ พี่ลองคิดดูดีๆ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้มาอยู่ในห้องและบนเตียงของผม ทำไมผมกับเขาถึงได้โดนวางยาปลุกเซ็กส์พร้อมกันพี่ลองคิดดูเอาเองเถอะครับ" นายหัวภาคินพูดเสียงดังฟังชัดอย่างคนมีหลักการและเหตุผล
"เอ่อ มันก็อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้มั้ยวะ ว่ายังไงคุณมารตี คุณบอกความจริงผมมาเดี๋ยวนี้เลยนะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้ามันเป็นอย่างที่ไอ้อคินว่าจริงแล้วคุณทำแบบนั้นลงไปเพื่ออะไร" นายหัวไกรสีห์ไม่รู้จะเถียงนายหัวภาคินยังไงต่อดีจึงหันไปถามนางมารตีว่าได้ทำจริงหรือเปล่า
"เปล่านะคะ มารตีไม่ได้ทำแบบนั้นนะ" มารตีรีบปฏิเสธในทันที
"คุณวางยามั้ยผมไม่แน่ใจ แต่คุณเป็นคนพาลูกสาวคุณมาที่ห้องนี้ด้วยตัวคุณเองเมื่อช่วงหัวค่ำคุณคงจะปฏิเสธไม่ได้หรอกนะจริงมั้ย กล้องวงจรปิดของรีสอร์ตมันก็คงจะช่วยยืนยันได้อยู่" นายหัวภาคินพูดต้อนให้มารตียอมรับ
"ใช่ฉันเป็นคนพายายน้ำผึ้งมาส่ง แต่ฉันมาส่งที่ห้องของยายน้ำผึ้งไม่ได้พามาส่งที่ห้องของนายหัว ยายน้ำผึ้งมันลุกขึ้นมาหานายหัวเองหรือไม่นายหัวก็ต้องเป็นคนไปฉุดลูกของฉันมา" นางมารตียังเถียงและยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมรับ
"แม่ ทำไมแม่พูดว่าผึ้งแบบนั้น ผึ้งจะเดินมาห้องนายหัวเขาทำไม ผึ้งจำได้นะคะถึงจะมึนๆ ใจสั่นๆ และร้อนจนต้องรีบไปอาบน้ำก็ยังจำได้ว่าแม่มาส่งผึ้งแล้วแม่ก็ออกไป ผึ้งเข้าใจว่าห้องนี้เป็นห้องผึ้งนะแม่ แล้วอยู่ๆ นายหัวเขาก็เข้ามา" มธุรสโต้แย้งเรื่องที่ตนเดินออกจากห้องตัวเองมาหานายหัวแล้วพยายามคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเล่าความจริงทั้งหมด
"ผมก็ไม่ได้ไปฉุดลูกสาวของคุณมา น้ำผึ้งอยู่ห้องของผมตั้งแต่ต้น" นายหัวภาคินพูดยืนยันความจริงที่เกิดขึ้นอีกหนึ่งเสียง
"เอาล่ะๆ ไม่ต้องเถียงกันให้วุ่นวาย ผมจะไปเรียกดูกล้องวงจรปิดจากทางรีสอร์ต คุณมารตีคุณไปกับผมส่วนแกไอ้อคินจัดการธุระอาบน้ำกันเสียให้เรียบร้อย หนูน้ำผึ้งก็กลับห้องหนูไปก่อนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยดูวงจรปิดแล้วค่อยมาคุยกัน" นายหัวไกรสีห์พูดสรุปบอกให้ทุกคนทำตามที่เขาว่า
เมื่อนายหัวไกรสีห์ออกจากห้องไปพร้อมกับมารตีที่มีสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนักเดินพ้นประตูออกไป มธุรสก็ลุกขึ้นไปหาเสื้อผ้าของตัวเองที่ถอดทิ้งไว้ตั้งใจจะเปลี่ยนเพื่อออกไปจากห้อง แต่พบว่าเสื้อผ้าของตัวเองนั้นเปียกหมดแล้วจึงเดินใส่เสื้อคลุมอาบน้ำทับเสื้อเชิ้ตของนายหัวภาคินกลับออกมาจากห้องน้ำ แล้วจะเดินออกไปจากห้องพัก
"หยุดอยู่ตรงนั้น นั่นเธอจะออกไปไหน"
"ฉันก็จะกลับห้องของฉัน"
"จะออกไปสภาพแบบนี้นี่อะนะ จะออกไปประจานตัวเองป่าวประกาศให้ใครๆ เขารู้เหรอว่าเมื่อคืนเธอกรำศึกมาหนักเพียงใด สภาพถึงได้ยับเยินดูไม่ได้ถึงเพียงนี้"
"เออ ใครจะคิดยังไงก็ช่างมันเถอะ ฉันไม่เหลืออะไรแล้วมันเวรกรรมของฉันเอง ก็ฉันไม่มีเสื้อผ้าจะใส่นี่หว่าจะให้ทำไงได้" มธุรสพูดขึ้นอย่างสิ้นอาลัยตายอยากแล้วทำท่าจะเดินออกไปแต่นายหัวภาคินขึ้นเสียงเรียกมธุรสเอาไว้
"เธออยู่นี่แหละ ไปอาบน้ำเดี๋ยวผมจะไปเอาเสื้อผ้าที่ห้องคุณมาให้เอง ไม่ต้องพูดมากแล้ว ไปจัดการธุระของตัวเองให้เสร็จแล้วออกมากินยาอีกรอบ ไข้ยังไม่ลดตัวยังรุมๆ อยู่เลย รีบๆ ด้วยเดี๋ยวพ่อเลี้ยงเธอคงกลับมาพร้อมกับหลักฐานสำคัญ" นายหัวภาคินออกคำสั่งแล้วออกไปเอาเสื้อผ้ามาให้มธุรสโดยที่ไม่รอให้มธุรสปฏิเสธหรือตอบรับใดๆ
เมื่อนายหัวภาคินออกไปเอาเสื้อผ้าแล้วกลับมาก็พบว่ามธุรสอาบน้ำเสร็จแล้ว นายหัวภาคินจึงวางของไว้ให้มธุรสแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวบ้าง มธุรสเองก็แต่งตัวแต่งหน้าเสียใหม่ระหว่างที่แต่งตัวไปมธุรสก็คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปด้วย
"เรากินยาปลุกเซ็กส์ไปได้ยังไงกัน เรากินแค่น้ำเปล่าแล้วก็น้ำพันช์แก้วนั้น หรือว่า...."
"พอเราเริ่มรู้สึกว่าไม่สบายตัวแม่ก็มาส่งเราที่ห้อง แล้วมาอยู่ห้องนี้ได้ยังไง"
"หรือจะเป็นนายหัวที่คิดไม่ดีกับเรามาตั้งแต่ต้น เขาอาจจะเป็นคนใส่ยาลงไปให้เรากินเองก็ได้"
"แต่ถ้าเป็นเขาแล้วเขาจะวางยาตัวเองด้วยทำไม"
"หรือว่าจะเป็นแม่ ไม่ๆ แล้วแม่ของเราจะทำแบบนั้นกับเราทำไม" มธุรสคิดย้ำๆ วนๆ อยู่ในห้วงความคิดซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบจนนายหัวภาคินอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วเดินกลับออกมา
"จะนั่งเหม่ออยู่อีกนานมั้ย พี่สิงห์กับแม่ของเธอคงไปดูวงจรปิดกันเสร็จแล้ว" นายหัวภาคินพูดขึ้นทำให้มธุรสขยับตัวลุกขึ้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หลังจากนั้นนายหัวไกรสีห์ก็ได้โทรมาหานายหัวภาคิน
"ไอ้อคินเก็บของเลยแล้วกลับไปคุยเรื่องนี้กันต่อที่บ้านของฉัน ฝากพาหนูน้ำผึ้งกลับมาด้วยนะ"
"ครับ แล้วพี่สิงห์ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมั้ยครับ"
"ได้มาเรียบร้อยแล้ว ไว้ไปคุยกันที่บ้านของฉันจะดีกว่า" นายหัวไกรสีห์ตัดบทก่อนที่จะวางสายโทรศัพท์ไป
ภาพย้อนตัดไปที่กล้องวงจรปิดที่เกิดขึ้นเมื่อคืน นายหัวไกรสีห์ได้ไปขอดูกล้องวงจรปิดทุกตัวทั้งในงานเลี้ยงและทางเดินกลับมาที่ห้องพักของแขก
ภาพที่เห็นในงานเลี้ยง
มารตีกำลังเรียกพนักงานเสิร์ฟแล้วขอแก้วน้ำพันช์และไวน์แดงมาอย่างละแก้ว โดยอาศัยจังหวะช่วงที่นายหัวภาคิน นายหัวไกรสีห์และมธุรสไปตักอาหาร เมื่อได้เครื่องดื่มมาแล้วกล้องก็ยังจับภาพตอนที่มารตีใส่ยาเม็ดเล็กๆ ลงไปในแก้วเครื่องดื่มทั้งสองแก้วโดยใช้หลอดดูดน้ำคนๆ ให้ยาละลายแก้วไวน์วางไว้ที่นั่งของนายหัวภาคิน แก้วน้ำพันช์วางไว้ที่นั่งของมธุรส
ต่อมาก็เห็นว่ามธุรสเดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินกลับมาหาแม่ด้วยท่าทีมึนๆ งงๆ มารตีจึงประคองลูกสาวกลับออกไปจากงาน
ภาพกล้องวงจรปิดอีกตัวจับภาพได้ตอนที่มารตีประคองมธุรสมาส่งที่ห้อง 235 ซึ่งเป็นห้องของนายหัวภาคิน ไม่ใช่ห้อง 335 ซึ่งเป็นห้องพักของมธุรส ห้องนายหัวภาคินนั้นอยู่ชั้นสองแต่ห้องของมธุรสนั้นอยู่ชั้นสาม
ภาพตัดมาที่บ้านบริเวณห้องโถงรับแขกของนายหัวไกรสีห์ นายหัวได้สั่งให้คนงานทุกคนออกไปจากตัวบ้านแล้วปิดประตูนั่งคุยเรื่องที่เกิดขึ้นกันในทันที
"คุณทำแบบนั้นกับลูกของคุณเองได้ยังไงคุณมารตี" นายหัวไกรสีห์ระเบิดอารมณ์ใส่เมียในทันที
"ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ" มารตีตอบเสียงสั่น
"ไม่ได้ตั้งใจได้ยังไงกันวะ ภาพมันก็ฟ้องอยู่เต็มตาว่าคุณวางยาลูกสาวและไอ้อคินมันแล้วพาลูกสาวไปส่งที่ห้องไอ้อคินด้วยความตั้งใจ" นายหัวไกรสีห์ตบโต๊ะฉาดใหญ่แล้วชี้หน้าถามมารตีด้วยความโมโห
"ฉัน คือฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่มีทางเลือก ยายน้ำผึ้งนั่นแหละมันเป็นคนที่บังคับให้ฉันต้องทำเรื่องแบบนี้" มารตีแก้ตัวและปัดความผิดให้ลูกสาวตัวเอง
"แม่ ทำไมแม่พูดแบบนี้ ผึ้งไปบังคับอะไรแม่ตอนไหน" มธุรสถามแม่ของตัวเองเสียงสั่นเครือน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่
"เพราะแกนั่นแหละน้ำผึ้ง ถ้าแกไม่สวย ถ้าแกไม่ใช่ลูกสาวของฉัน และท่าผัวของฉันมันไม่มีท่าทีสนใจแกจนออกนอกหน้า ฉันก็คงไม่ตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้เพื่อเป็นการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมหรอก แกน่ะต้องขอบคุณฉันแกรู้เอาไว้เสียด้วย ฉันอุตส่าห์หาผัวดีๆ ให้แกแล้วไงแกจะได้ไม่ต้องมาแย่งผัวแม่และต้องมามีผัวคนเดียวกับฉันไง" นางมารตีฟิวส์หลุดพูดออกมาด้วยความอัดอั้น
"แม่ นี่ผึ้งเป็นลูกของแม่นะ แม่คิดว่าผึ้งจะแย่งสามีของแม่จนถึงกับขนาดต้องทำกับผึ้งแบบนี้เลยเหรอคะ" มธุรสถามแม่เสียงสั่นเครือแล้วน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความสะเทือนใจ
"นั่นสิคุณมารตี เพราะผมเหรอ การที่ผมเอ็นดูหนูน้ำผึ้งลูกสาวของคุณมันทำให้คุณตัดสินใจทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้กับลูกของตัวเองได้ลงคอเลยเหรอ" นายหัวไกรสีห์พูดถามด้วยความสะเทือนใจที่มีส่วนทำให้เรื่องเลวร้ายนี้เกิดขึ้นกับมธุรส
"ใช่ เรื่องที่มันเกิดขึ้นมันก็เพราะคุณด้วย คุณให้ความสนิทสนมแสดงออกชัดเจนว่าคุณชอบลูกสาวฉัน ฉันจึงจำเป็นต้องจัดการให้น้ำผึ้งมันมีผัวไป เรื่องไม่ดีที่มันจะเลวร้ายกว่าเรื่องเมื่อคืนนี้มันถึงจะไม่เกิดขึ้น ฉันรับไม่ได้หรอกนะที่ฉันจะต้องมามีผัวคนเดียวกับลูกสาวตัวเอง"
"แม่ แม่คิดอะไร แม่พูดอะไรออกมา ผึ้งไม่เคยคิดจะแย่งอาสิงห์ ไม่เคยคิดเกินเลยกับเขา ไม่เคยมีความคิดจะมีสามีคนเดียวกับแม่ ถ้าแม่ไม่ไว้ใจผึ้งหรือไม่ไว้ใจสามีแม่ แม่แค่ส่งผึ้งกลับบ้านที่กรุงเทพก็ได้ ทำไมต้องทำกับผึ้งแบบนี้ แม่ไปดึงนายหัวภาคินเขาเข้ามาทำไม ทำเรื่องแบบนั้นทำไม" มธุรสถามแม่เสียงอ่อนแรง
"ฉันจะส่งแกกลับไปได้ยังไง แกจะไปอยู่ยังไงใครมันจะหาเลี้ยงแก ฉันจะเอาปัญญาที่ไหนมาส่งเสียแก ถ้าแกไม่อยู่ที่นี่แกจะมีชีวิตต่อไปยังไง ฉันหาผัวให้แกมันดีที่สุดแล้วน้ำผึ้ง"
"แม่ ทำไมแม่ถึงได้คิดแบบนี้"
"พอเถอะ แม่ของเธอมันเกินเยียวยาแล้วแหละ ตอนแรกคิดว่าแม่แบบนี้มันจะมีอยู่แค่ในละคร ไม่คิดว่าไอ้คำว่า มีแม่เมื่อพร้อมเหมือนข่าวแม่ดาราที่เป็นข่าวดังอยู่ตอนนี้มันจะเกิดขึ้นให้เห็นเองกับตัว" นายหัวภาคินพูดเหน็บแสดงท่าทีเหยียดหยันมารตีออกมาอย่างชัดเจน
"แหม นายหัวคนดี คุณมันก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันสักเท่าไหร่หรอก ฉันดูออกนะว่าคุณก็อยากนอนกับลูกสาวของฉันใจจะขาด ถึงแม้ว่าไม่โดนวางยาคุณก็อยากได้น้ำผึ้งอยู่แล้ว ก็ถ้าคุณด่าว่าฉันว่าเลวและคุณเป็นคนดีนักคุณก็รับผิดชอบดูแลชีวิตของลูกสาวฉันเสียเลยสิ ไหนๆ คุณก็ได้มันเป็นเมียแล้ว"
"แม่ พอเถอะค่ะ แม่อย่าพูดอะไรอีกเลยมันจะทำให้ผึ้งไร้ค่าไม่มีอะไรในชีวิตเหลือแล้วค่ะ ผึ้งจะไปเอง ผึ้งจะกลับไปอยู่บ้านของพ่อที่กรุงเทพ" มธุรสพูดขึ้นยกมือปาดน้ำตาแล้วทำท่าจะเดินไปเก็บของเพื่อไปจากที่นี่
"แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นน้ำผึ้ง นายหัวเขาเป็นผัวของแกแล้วเขาต้องรับผิดชอบ แล้วไอ้บ้านที่กรุงเทพของพ่อแกฉันก็ขายให้เพื่อนของฉันไปแล้วด้วย แกจะกลับไปอยู่ได้ยังไง" นางมารตีบอกกับลูกสาวเรื่องบ้านน้ำเสียงไม่ได้สะทกสะท้านอะไร
"แม่..." มธุรสอุทานน้ำเสียงอ่อนล้าสิ้นเรี่ยวแรง หมดสิ้นหนทางไปจึงค่อยๆ นั่งลงกับโซฟาตัวยาวอีกครั้งเหมือนคนสติหลุดลอยไปแล้ว
"นี่บ้านที่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของพ่อก็โดนแม่ขายทิ้งไปแล้วเหรอ" มธุรสถึงกับช็อกนิ่งคิดอย่างคนหมดแรง อากัปกิริยานั้นของมธุรสอยู่ในสายตาการจับจ้องมองมาของนายหัวภาคินตลอดเวลา