ตอนที่2. รอ

1067 Words
“เขา...รอข้า...”      เหตุใดหัวใจนางเต้นรัวเช่นนี้     หรูซื่อยกมือขึ้นกดที่หน้าอกตัวเอง หัวใจเต้นรัวเหลือเกิน ดีใจ? นางกำลังดีใจอย่างนั้นหรือ? หญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ ภายในอกเกิดระลอกคลื่นอารมณ์แปลกประหลาด รู้สึกดีเหลือเกินที่มีคนรอคอยนางถึงเพียงนี้ ยิ่งกวาดตามองเห็นสวนดอกไม้งดงาม ยิ่งทำให้เชื่อว่าเขาใส่ใจและรอคอยนางจริงๆ     แล้วเหตุใดนางไม่รีบมาหาเขา เป็นสามีภรรยาต้องอยู่ด้วยกันนี่     “เจ้าเป็นอะไรไป เจ็บหัวใจรึ”    น้ำเสียงร้อนรนทำให้หญิงสาวรีบหมุนตัวกลับมา นางปะทะกับแผงอกของเขา เพราะไม่คิดว่าคนที่พูดจะยืนอยู่ใกล้มาก ความสูงที่ต่าง  กันมาก นางต้องแหงนหน้ามองเขาเลยทีเดียว  “เหตุใดออกมาข้างนอกเช่นนี้” น้ำเสียงไม่ได้ตำหนิ ทว่าเจือความห่วงใยด้วยซ้ำ   “ข้าไม่ได้เป็นอะไร” นางพูดตะกุกตะกัก ยังไม่คุ้นชินกับการอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษ แม้ว่าเขาจะเป็นสามีของนางก็ตาม แก้มเนียนจึงแดงระเรื่อ แต่ทำให้บุรุษเบื้องหน้ายกมือขึ้นประคองใบหน้าของนางไว้    “แก้มเจ้าแดง มีไข้หรือเปล่า”     หรูซื่อส่ายหน้าไปมา แต่การใกล้ชิดเช่นนี้ทำให้ใบหน้ายิ่งหน้าแดงจัด ซุนหลวนคุนยังไม่เข้าใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล รีบช้อนร่างนางอุ้มขึ้นทันที   “ท่านแม่ทัพ!ท่านจะทำอะไร!” หรูซื่อร้อนรนดิ้นขลุกขลัก นางเพิ่งรู้ตัวว่ามีทหารยามอยู่ไม่ไกล พวกเขาต่างก้มหน้าหลบสายตากันหมด แต่กระนั้น นางก็ยังเขินอายอยู่ดี     “เจ้าหน้าแดงถึงเพียงนี้ยังจะไม่เป็นอะไรอีกรึ” เขาดุนาง     “ท่านแม่ทัพเจ้าคะ” นางหวงฝูเอ่ยพยายามกลั้นหัวเราะ “ฮูหยินมิได้เป็นอะไรเจ้าค่ะ ที่หน้าแดงเพราะท่านแม่ทัพต่างหาก”    “เพราะข้า” เขาทำหน้างง แต่เมื่อก้มมองคนในอ้อมอกก็เห็นว่านางเอาแต่ซุกหน้ากับอกของเขา ใบหูน้อยๆ แดงระเรื่อราวถูกย้อมสี  “พวกท่านสามีภรรยาค่อยๆ คุยกันนะเจ้าคะ”    นางหวงฝูยิ้มให้แล้วหมุนตัวเดินออกไป นางโบกมือไล่ไม่ให้ทหารอยู่ใกล้ ปล่อยให้ท่านแม่ทัพกับฮูหยินอยู่กันตามลำพัง    “เจ้าไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ” เขาถามย้ำ นางตอบด้วยการพยักหน้า แต่เมื่อได้อุ้มนางแล้ว เขาก็ไม่คิดจะปล่อย นางตัวเบาราวกับนกน้อยตัวเล็กน่าทะนุถนอม เห็นทีว่าต้องบำรุงนางให้มากยิ่งขึ้น  “ข้าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แค่อยากเดินเล่น อุดอู้อยู่ในห้องมาหลายวันแล้ว” “ยังปวดหัวอีกหรือไม่ กินยาที่ท่านหมอให้ไว้หรือเปล่า กินข้าวเช้าหรือยัง”   หรูซื่อเงยหน้าขึ้นมองเขา ชายผู้นี้มีใบหน้าคมสัน ผิวสีทองแดง ร่างกายสูงใหญ่กำยำ ดวงตาลึกล้ำจนยากจะคาดเดาความคิดได้ แต่ท่าทางห่วงใยนี้ทำให้หัวใจของนางอิ่มเอม    “หากไม่ฝืนคิดเรื่องที่หลงลืมไปแล้วก็ไม่ปวดหัวอีก” นางพูดไปตามตรง “ข้ากินข้าวกินยาแล้วด้วย”  “จำไม่ได้ก็ช่างเถิด” เขาถอนใจเบาๆ “ขอแค่เจ้าปลอดภัยดีก็พอ”  “ข้าทราบแล้ว” นางพยักหน้าน้อยๆ  ‘สามีของนางช่างดีเหลือเกิน ชีวิตแต่งงานของนางต้องดีมากอย่างแน่นอน’  ซุนหลวนคุนได้แต่ข่มความรู้สึกของตัวเองลงไป สวรรค์ให้โอกาสเขา ให้นางลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ยิ่งนางจำเรื่องของเขาไม่ได้เลยนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว   นับจากนี้ เขาจะทำให้นางรักเขาอย่างหมดหัวใจ    อีกครั้ง.        ภายในจวนแม่ทัพพิทักษ์ประจิมรับรู้เพียงว่า ฮูหยินของท่านแม่ทัพเดินทางมาเพื่อดูแลสามีที่ไม่ได้กลับบ้านถึงสองปีเศษ การดูแลชายแดนฝั่งตะวันตกติดพันยาวนานทำให้สามีภรรยาห่างเหิน ว่ากันว่า ท่านแม่ทัพห้ามมิให้ฮูหยินเดินทางมาที่นี่ เพราะแร้นแค้นกันดาร แต่เมื่อทุกคนได้เห็นโฉมหน้างดงามของนางแล้ว จึงไม่แปลกใจที่ท่านแม่ทัพทะนุถนอมนางยิ่งนัก  ทว่านอกจากหมอทหารแล้ว ไม่มีใครรู้ว่า สมองของฮูหยินท่านแม่ทัพได้รับการกระทบกระเทือนจนความจำเสื่อม นางจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ชื่อของตนเอง และทุกครั้งที่นางพยายามเค้นสมองคิดว่าตนเองเป็นใครและเหตุใดจึงได้รับอุบัติเหตุหนักหนาถึงเพียงนี้ นางจะทรมานจากการปวดศีรษะจนแทบอยากกัดลิ้นตายไปเสีย นั้นทำให้นางตัดสินใจไม่หวนคิดถึงเรื่องเหล่านั้น และสามีของนางก็เห็นพ้องต้องกัน นางจึงไม่พูดเรื่องที่ตนความจำเสื่อมกับใคร      “ชื่อของข้าคือหรูซื่อ เป็นบุตรสาวของท่านราชครูอู๋เจ๋อ ได้รับสมรสพระทานกับแม่ทัพซุนหลวนคุนตอนอายุสิบสอง...เอ๊ะ! ข้าแต่งงานกับท่านตั้งแต่อายุสิบสองหรือเจ้าคะ”    ซุนหลวนคุนพยักหน้ารับ แสร้งยกถ้วยชาขึ้นจิบกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างในใจ   “ตอนนั้นท่านแต่งกับข้า ท่านอายุเท่าใดกัน” นางเอียงคอถามอย่างสงสัย สามีนางช่างแสนดีและใจเย็นนัก ค่อยๆ สอนให้นางเรียนรู้เรื่องของตนเองไปที่ละเรื่องสองเรื่อง     “ตอนนั้นข้าอายุสิบเก้า”     “แล้วตอนนี้?”    “ยี่สิบสาม” “เช่นนั้นตอนนี้ข้าอายุ...” นางยกนิ้วขึ้นนับ “สิบหกใช่ไหมเจ้าคะ”    “อืม ปีนี้เจ้าอายุสิบหกแล้ว”     “ข้ากับท่านก็แต่งงานกันมาห้าปีแล้วสินะ” นางถามเองตอบ แต่เห็นเขาพยักหน้ารับก็ลอบมองสีหน้าของเขา “ห้าปีมานี่ ข้ากับท่านใช้ชีวิตอย่างไรเจ้าคะ”    “ข้า...” เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น “ตอนนั้นเจ้าอายุแค่สิบสอง ข้าต้องออกรบ จึงให้เจ้าอยู่กับมารดาข้าที่เมืองหลวง เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่าไหร่นัก แต่งงานห้าปียังไร้ทายาท มารดาข้าร้อนใจจึงให้เจ้ามาอยู่ข้างกายข้าที่นี่”   “แต่งงานห้าปียังไร้ทายาท ข้านี่บกพร่องเสียจริง” สีหน้านางเป็นกังวลยิ่ง     “อย่าคิดมากไป ไม่ใช่ความผิดของเจ้า” เขาอึกอัก 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD