“เอ๋? หรือท่านพี่ไม่สบายเจ้าคะ” นางยื่นมือไปแตะท่อนแขนของเขา
“ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด” เขาเบือนหน้าไปทางอื่น แต่ตัดสินใจว่าจะไม่บอกนางว่าเขากับนางยังไม่ได้ร่วมหอกันอย่างแท้จริง
เขาแต่งกับนางที่อายุเพียงสิบสอง คืนเข้าหอนางก็หลับน้ำลายไหลก่อนเขาจะเข้ามาเปิดผ้าคลุมหน้าเสียอีก นางยังเด็กมากสำหรับเขา แม้ผู้อื่นจะแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เขาอยากให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป เขารอนางได้ และคิดว่าจะรอต่อไป แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดมารดาจึงส่งนางมาเช่นนี้
“ที่นี่ทุรกันดารมาก หากมีสิ่งใดที่เจ้าต้องการก็บอกป้าหวงฝูได้ คนในจวนก็เหมือนคนของเจ้า ต้องการใช้งานใดก็สั่งการได้ทันที”
“ข้าอยู่ที่นี่ไม่ลำบากอะไร” นางระบายยิ้มหวานเกลือนใบหน้า ดวงตาพราวระยับดุจดวงดารา เล่นเอาคนจ้องมองถึงกับตาพร่าไปชั่วขณะ “ท่านแม่ทัพใจดีกับข้ามาก”
“ท่านพี่”
“....” หญิงสาวนิ่งไป
“เรียกข้าว่าท่านพี่”
“ท่าน...ท่านพี่” แก้มเนียนฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที นางรู้สึกไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย หรือว่า เพราะว่าไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน นางจึงเขินอายอย่างนี้
ได้เห็นท่าทีเขินอายของนางแล้ว หัวใจพลันคันยุบยิบ เขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้แล้วกระซิบ
“หากไม่มีผู้อื่น เจ้าจะเรียกข้าว่าหลวนคุนก็ได้”
ลมหายใจอุ่นร้อนคลอเคลียใบหูทำให้หญิงสาวไม่กล้าเงยหน้าขึ้นจึงพยักหน้ารับแทนคำตอบ
“หลวนคุน ลองเรียกดูสิ”
“หลวนคุน” นางทำตามเขาสั่ง ช้อนตาขึ้นมองเห็นสีหน้าพอใจของเขาแล้วก็ใจเต้นรัวขึ้นมา
ดีจริง เขาคงพอใจสินะ สามีของนางช่างดีเหลือเกิน
หรูซื่อคิดว่าตนเองโชคดีนัก แต่งงานห้าปีไร้ทายาท สามีไม่แสดงท่าทีรังเกียจ ซ้ำยังดูแลเอาใจใส่อย่างดี
“แล้ว...แล้ว ครอบครัวของข้าเป็นอย่างไรเจ้าคะ พวกเขารักข้าหรือไม่ ดีกับท่านหรือเปล่า แล้ว...แล้วมารดาของท่าน เอ่อ แม่สามีของข้า รักใคร่เอ็นดูข้าหรือไม่เจ้าคะ เอ๋...เหมือนว่าข้าจะได้ยินท่านพูดเรื่องอนุ”
คำถามของนางทำเอาดวงตาของเขาวูบไหวครู่หนึ่ง แต่กระนั้นเขาก็กักเก็บมันไว้ได้ทัน กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“บิดามารดาของเจ้ามีบุตรชายสามคน เจ้าเป็นบุตรคนที่สี่เป็นบุตรสาวคนเดียวและบุตรคนเล็ก เป็นแก้วตาดวงใจของท่านราชครู ข้าได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างดีมิให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจ บิดาเจ้ามีมารดาเพียงผู้เดียวไม่มีหญิงอื่น ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เจ้าไม่ต้อง
กังวลไป ข้าไม่รับอนุมีไม่หลายภรรยาให้เจ้าต้องปวดใจ ส่วนเรื่องรับอนุนั้น เป็นความใจร้อนของมารดาข้าเอง”
“ท่าน...ท่านพี่อย่าได้ตำหนิมารดาของท่านเช่นนั้น” นางรีบพูดขึ้น “แต่งงานกันห้าปีไร้ทายาท แม่สามีไม่ขับไล่ข้าก็นับว่าดียิ่งนัก หาก...หากว่าข้าไม่สามารถมีทายาทให้ท่านได้ ท่าน...ท่านสามารถมีอนุได้”
“ข้าไม่รับอนุ ไม่รับภรรยารอง จะมีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น”
น้ำเสียงหนักแน่นมั่นคงทำให้หัวใจของหรูซื่อสั่นไหว นางเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาคมปลาบคู่นั้น พลันรู้สึกร้อนผ่าวทั่วไปใบหน้า ริมฝีปากคลี่ยิ้มอ่อนหวานอย่างไม่รู้ตัว
“เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนเถิด อย่าลืมกินยาที่ท่านหมอสั่งไว้ด้วย”
“ข้าทราบแล้ว” เพียงคิดถึงรสขมในชามยานั้น นางก็เบ้ปากออกมา
“ระยะนี้ข้าต้องฝึกทหาร อาจไม่ได้มาหาเจ้าทุกวัน รอให้ข้าจัดการเรื่องในกองทัพเรียบร้อยแล้วจะมีเวลามาอยู่กับเจ้ามากขึ้น หากต้องการสิ่งใดก็บอกป้าหวงฝูให้นางจัดการให้ได้”
“เจ้าค่ะ ท่านอย่าได้กังวลเลย ข้าจะไม่ทำให้ท่านลำบากใจ”
ซุนหลวนคุนใจลอยไปชั่วขณะ เขายื่นมือไปเกี่ยวไรผมที่ลงมาเคลียแก้มออกทัดใบหูให้นางแล้วลุกขึ้นยืน พยักหน้าให้นางเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้อง ไออุ่นจากฝ่ามือของเขาทำให้หรูซื่อยกมือขึ้นแตะแก้ม หัวใจยังคงหวามไหวกับถ้อยคำหนักแน่นที่เขายืนยันกับนาง
“ฮูหยิน”
“ป้าหวงฝู” หรูซื่อได้สติรีบขานรับ
นางหวงฝูเห็นอาการใจลอยของฮูหยินก็ป้องปากหัวเราะเบาๆ สามีเพิ่งเดินออกไป ภรรยาก็ใจลอยด้วยคิดถึงเสียแล้ว
“ฮูหยินอย่าได้ห่วงเลยเจ้าคะ”
“ข้าไม่ได้ห่วงอะไรเสียหน่อย” นางหลุบตาลงซ่อนความเขินอายไว้
“ตั้งแต่ฮูหยินมาที่จวนนี้ ท่านแม่ทัพปลีกตัวมาเยี่ยมฮูหยินทุกวัน ตอนที่ท่านยังไม่ได้สติก็มาเฝ้าอยู่ใกล้ๆ ใครต่อใครก็พูดกันว่าท่านแม่ทัพรักฮูหยินมาก”
“จริงหรือ?” นางเงยหน้าขึ้น หัวใจพองโตด้วยความดีใจ เขา...ห่วงใยนางจริงๆ ใช่ไหม? มิใช่เพราะรับปากกับบิดาของนาง
“จริงสิเจ้าค่ะ” นางหวงฝูหยิบหวีมาแปรงผมให้ นางชอบแปรงผมให้หรูซื่อ เส้นผมนุ่มสลวยไม่หยาบกระด้างเป็นมันขลับ ทั้งที่ไม่ได้ใส่น้ำมันแต่อย่างใด แสดงว่าได้รับการดูแลเอาใจอย่างดี
“ป้าหวงฝู” นางเรียกอย่างเกรงใจ หรูซื่อขบริมฝีปากครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเอ่ยออกมา “แม่สามีส่งข้ามาดูแลท่านพี่ ข้าเดินทางมาเพียงลำพัง ไม่รู้ต้องทำอย่างไรบ้าง ป้าหวงฝูแนะนำข้าได้บ้างหรือไม่ แต่งงานกันห้าปียังไร้ทายาท ข้าละอายใจยิ่งนัก”
“เรื่องนี้อาจเพราะท่านทั้งสองไม่ได้อยู่ใกล้กัน ว่ากันว่าท่านแม่ทัพห่วงชายแดนไม่ได้กลับบ้านมาหลายปี วันนี้ฮูหยินอยู่ตรงนี้แล้ว ก็ถือโอกาสนี้มีทายาทกับท่านแม่ทัพสิเจ้าค่ะ”
“จะทำได้อย่างไร” นางถามอย่างงุนงง “ข้าต้องขึ้นเขาไหว้พระบูชาเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรหรือ?”
นางหวงฝูหลุดเสียงหัวเราะออกมา ฮูหยินช่างน่ารักไร้เดียงสาเหลือเกิน
“ไม่ต้องทำเช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ ฮูหยินแค่หาเวลาใกล้ชิดกับท่านแม่ทัพ อยู่ด้วยกันมากขึ้นกว่านี้”
“ป้าหวงก็พูดเองมิใช่หรือว่าท่านแม่ทัพปลีกตัวมาหาข้าทุกวัน” นางเอียงคอถามอย่างสงสัย เผลอวางมือลงบนท้อง แค่ใกล้ชิดกันนางก็จะมีทายาทให้เขาได้หรือ?
คราวนี้นางหวงฝูเข้าใจแล้วว่า เพราะฮูหยินไร้เดียงสาเพียงนี้ ท่านแม่ทัพถึงได้ทะนุถนอมดั่งวางนางในอุ้งมือ แต่เรื่องนี้ปล่อยให้เข้าใจผิดเนิ่นนานย่อมไม่ดี แต่งงานกันห้าปีไร้ทายาท จะยิ่งสั่นคลอนตำแหน่งฮูหยิน ของนางเอง
“เรื่องมีทายาทนั้น ท่านแม่ทัพจะสอนฮูหยินเองเจ้าค่ะ แต่ฮูหยิน เองก็ต้องให้ความร่วมมือด้วยเช่นกัน”
“ได้แน่นอน”
นางพยักหน้ารับอย่างขันแข็ง เพื่อมีทายาทให้ตระกูลซุน นางต้องทำได้สิ!