ใบหน้าคมคายค่อยๆ โน้มต่ำลงเรื่อยๆ จนอยู่ในระดับเดียวกันกับใบหูนิ่มก่อนจะเอ่ยประโยคสั้นๆ ที่ทำเอาหัวใจหญิงสาวกระตุกวูบได้ไม่ยาก…”ข่มขืน!”
“คนเลว! คุณนี่มัน…”
แต่ก่อนที่ริมฝีปากเรียวจะได้ทันอ้าขึ้นด่ากราดคนตรงหน้า เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เครื่องเล็กราคาถูกก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน ชญาวีร์จ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่ไว้ใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆ ล้วงหยิบเอาโทรศัพท์ของตนเองออกมากดรับช้าๆ
“สวัสดีค่ะน้ำหวานพูดค่ะ”
คาร์ลหยุดนิ่งแต่ก็ยังไม่ยอมผละร่างออกไปจากคนตัวเล็กตรงหน้า ดวงตาดุดันจ้องมองราวกับกำลังตั้งใจฟังอย่างหนักว่าหล่อนกำลังสนทนากับใคร หรืออาจจะเป็นลูกค้า..
“ว่ายังนะค่ะคุณหมอ! ได้ค่ะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้!!”
ทว่าคำตอบขอคำถามที่กำลังจะเอ่ยออกไปก็กระจ่างเมื่อชญาวีร์ตะโกนลั่นด้วยสีหน้าตกใจก่อนจะผละตัวออกห่างจากร่างสูงใหญ่เตรียมจะเดินเร่งรีบไปยังถนนเบื้องหน้าโดยไม่คิดจะบอกกล่าวหรือร่ำลากันสักคำ
“คุณจะไปไหน”
“ปล่อยค่ะ! ฉันจะไปหาแม่ ปล่อยนะ!!”
น้ำตาที่กำลังไหลอาบเต็มไปบนหน้าหวานทำเอาหัวใจเสือร้ายกระตุกวูบเช่นกัน มือหนายังคงกำต้นแขนของหล่อนเอาไว้แต่และไม่มีทางที่เขาจะยอมให้เธอไปหาแม่คนเดียวแน่นอน
“ขึ้นรถสิ ผมจะไปส่ง”
“ไม่! ฉันไม่จำเป็นต้องร้องขอความช่วยเหลือจากคุณ”
“อย่าดื้อได้ไหมน้ำหวาน ถ้าคุณยังดื้ออยู่อย่างนี้แม่คุณจะยิ่งรอนานเพราะผมไม่ยอมให้คุณไปคนเดียวแน่ๆ ขึ้นรถซะ!”
ไม่ต้องรอให้หญิงสาวได้เอ่ยอะไรออกไปคาร์ลจัดการลากหล่อนกลับไปที่รถคันหรูของตัวเองก่อนจะกระชากประตูด้านข้างคนขับให้เปิดออกและจับคนตัวเล็กยัดลงไปอย่าว่าง่าย เมื่อเห็นว่าเธอไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืนเขาจึงเดินอ้อมไปอีกด้านขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับอย่างเงียบเชียบและบึ่งรถออกไปยังท้องถนนเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว
“หมอเสียใจด้วยนะครับ แต่ด้วยหลายโรคที่คนไข้เป็น…หมอพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วจริงๆ แต่สุดท้ายคนไข้ก็ทนพิษโรคร้ายไม่ไหว…”
คำบอกกล่าวของคุณหมอตรหน้าสร้างความรู้สึกมึนงงให้กับชญาวีร์เป็นอย่างมาก เนิ่นนานหลายนาทีจนกระทั่งริมฝีปากเรียวเล็กตัดสินใจเอ่ยถาม…
“คะ..คุณหมอหมายความว่ายังไงค่ะ! แม่ของฉันเป็นอะไร!”
“คนไข้เสียชีวิตแล้วครับ…หัวใจของเธอหยุดเต้นเมื่อไปกี่นาทีก่อนหน้าที่คุณจะมาถึงนี่เอง หมอขอแสดงความเสียใจ้วยนะครับ…”
คุณหมอหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมองก่อนจะเดินไปอีกด้านทันทีที่พูดจบ ราวกับโลกทั้งใบกำลังดับวูบลงตรงหน้า ร่างเล็กที่กำลังสั่นเทาอย่างหนักของหญิงทำให้คาร์ลที่กำลังตกใจไม่แพ้กันต้องรีบเดินเข้าไปหาหล่อน แต่ทันทีที่มือหนาสัมผัสไหล่มนเสียงกรีดร้องของเธอก็ดังลั่นขึ้นราวกับคนสิ้นสติ..
“ไม่จริง!!! แม่ค่ะ ไม่จริง…”
เสียงสุดท้ายดังขึ้นอย่างแผ่วเบาราวใจจะขาดรอนๆ ทุกๆ สิ่งรอบกายพร่ามัวไปหมด เรี่ยวแรงที่ก่อนหน้านี้เคยมีกำลังลดลงถดถอยไปเรื่อยๆ ก่อนร่างเล็กจะเซล้มหมดสติลงในวงแขนของชายหนุ่มที่เธอเคยลั่นวาจาว่าแสนเกลียดชังในที่สุด…
เนิ่นนานจนหัวใจเสือร้ายอดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดไปด้วยกับภาพของหญิงสาวตรงหน้าที่เอาแต่นั่งเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่างในห้องผู้ป่วยพิเศษที่เขาสั่งจองมาให้เธอได้พักพิง
นี่ก็ผ่านมาจะเข้าวันที่สามแล้วที่ชญาวีร์เอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมปริปากเอ่ยอะไรออกมาสักคำหลังจากได้ทราบถึงข่าวร้ายของผู้เป็นแม่ที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับโดยมีคาร์ลอยู่ใกล้ๆ ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่หนีห่างไปไหนเลยแม้แต่นาทีเดียวเพราะเกรงว่าหล่อนจะเผลอคิดทำอะไรโง่ๆ ในช่วงเวลาที่อารมณ์อ่อนไหวอยู่เหนือสติที่ควรจะมี...
“น้ำหวาน…วันนี้คุณต้องไปวัดนะครับ เราจะไปลาแม่ของคุณเป็นครั้งสุดท้ายด้วยกันนะตกลงไหม”
ไม่มีแม้แต่เสียงใดตอบรับนอกจากหยดน้ำตาใสที่ค่อยๆ ไหลอาบแก้มอย่างเชื่องช้าเป็นการแสดงความรับรู้ทางอ้อมตอบกลับไป ภาพตรงหนามันเจ็บปวดซะจนคาร์ลอดไม่ได้ที่จะคว้าร่างเล็กเข้ามากอดเอาไว้แน่นๆ ก่อนที่เขาจะพาหล่อนมุ่งตรงไปยังวัดที่กำลังจะเริ่มพิธีชาปณกิตศพแม่ของเธอที่จากไปอย่างสงบในไม่ช้านี้แล้ว
“กว่าแกจะโผล่หัวมาได้นะนังหวาน! ไม่รู้รึไงว่าฉันจะถูกเจ้าหนี้ฆ่าตายเพราะแกอยู่แล้ว ไหนล่ะเงิน เอาเงินมาให้ฉัน!!” ผู้เป็นพ่อที่ดักรออยู่ก่อนหน้าตวาดขึ้นทันทีที่เจอก่อนมือหนาจะกระชากร่างเล็กเข้าไปเขย่าอย่างบ้าคลั้ง
“น้ำหวานไม่มีให้หรอกจ๊ะพ่อ น้ำหวานไม่เหลืออะไรแล้ว พ่อจะเอาน้ำหวานไปขาย หรือยกให้ใครก็สุดแล้วแต่พ่อเลย…”
คำตอบของผู้เป็นลูกทำให้พ่อเลี้ยงสงบลงอยู่บ้างแต่ไม่ใช่คาร์ลที่กำลังโกรธจัด ไม่ใช่เสือร้ายที่แทบจะอยากฆ่าชายชราตรงหน้าให้ดับสิ้นคามือเลย
“คุณจะบ้ารึไงน้ำหวาน! ผมไม่ยอม”
“ฉันจะจำเป็นต้องขออนุญาตคุณนี่ค่ะ หมดหน้าที่ของคุณแล้ว คุณกลับไปซะ ขอบคุณที่กรุณามาส่งฉันที่นี่…แต่ทางที่ดีเราอย่าได้เจอกันอีกเลย”
คำตอบที่หล่อนทำเอาความโมโหยิ่งทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ เธอคิดจะขายตัวเองเพราะกำลังขาดสติและเสียใจอย่างหนักกับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของผู้เป็นแม่เขารู้ดี รู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้ารักและหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของตัวเองมากกว่าอะไรทั้งนั้น
“ก็ได้! ถ้าคุณอยากจะขายนัก…ผมจะสนองให้! ผมสนใจจะซื้อผู้หญิงคนนี้ เธอจะขายเธอให้ใคร เท่าไหร่ผมยินดีจ่ายเพิ่มเป็นสามเท่าขอแค่ให้ผมได้มีกรรมสิทธิ์ในตัวเธอทั้งหมด และคุณต้องไสหัวไปจากชีวิตเธอตลอดกาล!!”
สิ้นเสียงที่ดั่งลั่นดวงตากลมโตก็ตวัดมาจ้องคนตรงหน้าอย่างโกรธจัด เป็นอีกครั้งที่เขาพยายามจะดูถูกหล่อน
“คุณจะให้สักเท่าไหร่ล่ะคุณชาย ดูจากการแต่งตัว รถคันงามนั่น คงจะกระเป๋าหนักไม่ใช่ย่อย”
“ไม่นะค่ะพ่อ! พ่อจะขายน้ำหวานให้ใครก็ได้ทั้งนั้น แต่ต้องไม่ใช่ผู้ชายคนนี้!”เสียงหวานร้องห้ามทันควัน เธอยอมไปเป็นเมียเก็บของเสี่ยรวยๆ แถวนี้ยังจะดีเสียกว่าต้องไปอยู่กับเขา ผู้ชายใจร้ายที่ย่ำยีหล่อนจนไม่เหลือศักดิ์ศรี
“แกน่ะเงียบไปเลย! ผมขอห้าล้านขาดตัว! แล้วคุณจะเอามันไปต้ำยำทำแกงที่ไหนก็เชิญตามสบาย ว่าไง…สู้ไหวรึเปล่าคุณชาย”
คาร์ลแสยะยิ้มอย่างพอใจในราคาที่ชายชราตรงหน้าเสนอ มือหน้าเอื้อมไปล้วงหยิบเอาเช็กเงินสดมาเซ็นอย่างง่ายดายก่อนจะส่งยื่นมันให้คนตรงหน้าที่กำลังยืนรออยู่อย่างใจจดใจจ่อทันทีที่เซ็นเสร็จ…
“ผมให้สิบล้าน…เพื่อแลกกับชีวิตของผู้หญิงคนนี้ รีบๆ ลาแม่ของคุณซะน้ำหวาน เราหมดธุระที่นี่แล้ว ต่อจากนี้ไปชีวิตของคุณทั้งหมดเป็นของผม!”
ชญาวีร์รู้สึกอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก มันเจ็บปวดจนจุกไปทั่วร่างกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป ต่างจากผู้เป็นพ่อเลี้ยงที่แทบจะโบยบินขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้ากับค่าตัวของเธอที่ได้รับไป
ต่อจากนี้ไปชีวิตของเธอคงไม่ต่างอะไรกับตกนรกทั้งเป็น!