3

2824 Words
เพียงใจนึกขอบคุณอิทธิที่มางานเปิดรีสอร์ทในคืนนี้ด้วย เธอปลีกตัวมาจากชีวินเมื่อเขาถูกสื่อท้องถิ่นขอสัมภาษณ์พอดี ท่าทางของเขาดูหัวเสียไม่น้อยที่เธอปลีกตัวออกมาได้ เธอยืนส่งจนรถของอิทธิเคลื่อนตัวผ่านไปจึงเดินเข้าบ้านหลังจากนั้น อรสาคงหลับไปแล้วน่าแปลกที่วันนี้นอนแต่หัววัน กลับเข้าห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสบายตัวแล้วแต่ไม่สบายใจเลยสักนิด จำได้ว่าตลอดทางกลับ อิทธิสบถเรื่องที่เห็นเธออยู่กับชีวินมาตลอดทาง   ‘นี่เราไม่รู้ชื่อเสียของนายนั่นหรือยังไง’ ‘ทำไมหรือคะ’ ‘เอาเถอะ อย่าให้พี่พูดอะไรมาก แค่อย่าไปอยู่ใกล้มันก็พอ ไอ้บ้านั่นมันไม่ใช่คนดี แล้วนี่เรามากับใคร’ อิทธิบอกแบบนั้นและข้อนี้เธอพอรู้มาบ้าง ค่อยกระจ่างชัดในใจว่าเหตุใดวิชญ์ถึงได้กล้าทิ้งเธอไว้กับชีวิน บอกเสียงปลงๆ ‘คุณวิชญ์ค่ะ’ ‘แล้วทำไมถึงอยู่กับไอ้บ้านั่นแค่สองคน นายเราไปไหน’ เป็นเขานั่นละที่จงใจทิ้งเธอไว้กับชีวิน วิชญ์กำลังจะทำอะไรของเขากันแน่ เธอรู้ว่าเขาไม่ชอบใจที่เธอเข้ามาทำงานเหมือนเป็นเด็กเส้น เพราะคุณลุงอานนท์ฝาก เธอเองก็ไม่สบายใจเช่นกัน ก่อนหน้าเธอคิดว่าเขาคงแค่ไม่ชอบหน้าเธอเพียงเท่านั้น แต่เหตุการณ์เมื่อตอนหัวค่ำเตือนเธอว่าจงระวังตัวเอาไว้ให้ดี วิชญ์ร้ายกาจและเหมือนเขาหาหนทางเล่นงานเธออยู่ตลอด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งล่ะ เช้าวันรุ่งขึ้น เพียงใจลุกอาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนชุดแบบทะมัดทะแมงออกบ้านได้ก็ตรงไปที่โรงพยาบาลที่คุณสำลีนอนพักรักษาตัวอยู่ เธอรู้ว่าวิชญ์มานอนเฝ้ามารดาของเขา และไม่คิดจะไปเยี่ยมโดยมีเขาอยู่ด้วย โชคดีที่เธอเห็นหลังเขาไวไวเดินออกจากตัวของโรงพยาบาลในตอนที่แวะซื้อของเยี่ยมที่ร้านสะดวกซื้อด้านหน้าแถบนั้นพอดี รอจนวิชญ์ออกไปแล้วถึงแอบเข้าไปเยี่ยมคนที่นอนป่วยอยู่ ร่างผอมบอบบางนอนนิ่งๆบนเตียงมีผ้าห่มผืนหนาสีสะอาดตาห่มคลุมให้ถึงกลางหน้าอก “หนูมาเยี่ยมคุณท่านค่ะ” บอกเมื่อเห็นหญิงวัยกลางคนที่พอจำได้ว่าเป็นคนใกล้ชิดของท่านเปิดประตูเข้ามาพร้อมเหยือกใสใส่น้ำ “หลับจ้ะ สักครึ่งชั่วโมงได้แล้ว” อีกฝ่ายบอกเสียงเบาเดินไปวางของที่โต๊ะใกล้ๆทางออกสู่ระเบียงด้านนอก “ไม่เป็นไรค่ะ แค่อยากมาเยี่ยมเยียนท่านเท่านั้น หนูลานะคะ” ยกมือไหว้เตรียมจะไป แต่อีกฝ่ายก็เรียก “เดี๋ยวหนู” “คะ” “หนูเป็นเลขาคุณวิชญ์...ใช่ไหม” เพียงใจพยักหน้าพร้อมตอบรับ “ค่ะ” “คุณท่านตื่น ฉันจะเรียนท่านให้” “ไม่เป็นไรค่ะไม่ต้อง ไว้โอกาสหน้าหนูจะแวะมาอีกนะคะ” เพียงใจออกจากโรงพยาบาลก็ควานหาโทรศัพท์หยิบขึ้นมารับสายเมื่อเห็นว่ามันแผดเสียงดังอยู่ในกระเป๋า พอเห็นว่าเป็นเบอร์ใครก็ยิ้มร่าทันที “หวัดดีจ้ะน้ำตาล” ปลายสายคือเพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอ ชื่อ ‘ชนิตา’ ชนิตาเป็นน้องสาวของอิทธิ ไม่ใช่แค่ความเป็นเพื่อนที่ทำให้ทั้งคู่คบกันมาได้ยืนยาวขนาดนี้ เมื่อตอนที่มารดาของเพียงใจป่วย เป็นชนิตาที่ให้ทางบ้านช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและอำนวยความสะดวกทุกเรื่อง จนสุดท้ายมารดาของเธอก็หมดสิ้นเคราะห์กรรมจากไปก่อน ชนิตาและทางบ้านยังเป็นธุระเรื่องงานศพช่วยเหลือจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นชนิตายังยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องค่าเล่าเรียนของเธออีก หากอรสาจะไม่ปดไปก่อนว่ามีเงินประกันของมารดา แต่ที่แท้ไปหยิบยืมมาจากคุณลุงอานนท์อีกที ชนิตาคอยช่วยเหลือเพียงใจในเรื่องกำลังทรัพย์ เพียงใจที่มีแต่สติปัญญาก็ลงแรงช่วยชนิตาเช่นกัน เธออดตาหลับขับตานอนทำแบบสรุปบทเรียนให้ชนิตาเพราะถือว่าเพื่อนกัน พอช่วยเหลืออะไรได้ก็ช่วย ชนิตาไม่ได้ออกปากให้ทำ เป็นเธอเองที่ตอบแทนน้ำใจของอีกฝ่ายเท่าที่จะทำได้ ชนิตาเติบโตมาแบบไข่ในหิน หัวอ่อน สดใส ร่าเริง และมองโลกว่าสวยงามไปหมด แทบไม่รู้จักความลำบากหรือความดำมืดใดๆของชีวิตเลย เพราะมองโลกในแง่ดีเสมอมา ต่างจากเพียงใจ ที่พบความลำบาก ความดำมืดของโลกและไม่ได้มองว่ามันสวยสดไปเสียทุกอย่าง เพียงใจไม่นิยมการพูดมาก แต่การเป็นคนนิ่งเงียบก็มักถูกมองว่าไม่รู้เท่าทัน เธอไม่จำเป็นต้องไปร้องค้านว่าตนเองไม่ใช่ ขอแค่รู้ทันตัวเอง รู้ทันคนอื่นและเอาตัวให้รอดก็พอ มิตรภาพระหว่างเธอกับชนิตาจึงแน่นแฟ้นจนถึงทุกวันนี้ “เพียงจ๋า คิดถึงน้ำตาลไหม” ปลายสายอ้อนมาแบบทุกที จนคนฟังอดยิ้มในความเป็นเด็กอยู่เสมอไม่ได้ “คิดถึงมากๆเลย เมื่อไรจะกลับมาเสียทีล่ะน้ำตาล” “ยังไม่มีแพลนกลับเลย แต่น้ำตาลฝากของคุณอากลับเมืองไทยไปแน่ะ มีของเพียงด้วยนะ” “บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องซื้อมาฝาก” “เอาเถอะ น้ำตาลแค่อยากโทรบอกว่าให้ไปรับของที่พี่อิทธินะจ๊ะ ถึงแล้วละมังป่านนี้ วันนี้ไปเอาไดเลยไหม” “ทำไมต้องรีบขนาดนั้น” “พี่อิทธิน่ะสิจะไปธุระที่ภูเก็ตอาทิตย์นึง แล้วเพียงก็รู้ว่าแกชอบบ่นเวลาต้องรับฝากของให้ใคร เพียงรีบไปเอาของฝากทีนะคืนนี้เห็นว่าพี่แกจะไปเลยน่ะ” ปลายสายคงหมายถึงว่าอิทธิจะลงไปภูเก็ตคืนนี้ “จ้า ขอบใจมาก” คุยสายกันอยู่นาน เพื่อนที่รักและสนิทที่สุดของเธอก็วางสายลง เพียงใจโทรหาอิทธิพบว่าของฝากเขานำติดมาที่ร้านด้วย เธอจึงเดินทางไปที่ร้านอาหารของเขาเพื่อรับของฝากที่ชนิตาฝากมาให้ เด็กในร้านนำเพียงใจมานั่งรอตรงแถวโต๊ะแขกวีไอพีตามคำสั่งของอิทธิ โต๊ะวีไอพีแต่ละชุดในร้านมีเพียงพุ่มไม้ตัดแต่งกิ่งแต่สูงพ้นศรีษะขณะนั่งเก้าอี้บดบังแต่ละโต๊ะไว้เพียงเท่านั้น ช่วงที่นั่งรออิทธิ เพียงใจจึงหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเปิดแอปพลิเคชั่นอ่านหนังสือรอท่า เธอชอบอ่านนิยายทุกประเภทแต่จะหนักไปทางนิยายรักเสียเยอะ แรกๆอ่านในเว็ปไซต์ชื่อดังแต่นักเขียนใจร้ายที่ตามอ่านงานอยู่ไม่ยอมลงจนจบเรื่อง เลยหันไปซื้ออ่านแบบที่วางขายเอาเสียเลยตัดความรำคาญใจไป ครู่ใหญ่ๆทีเดียวที่ได้ยินเสียงสนทนาผ่านพุ่มไม้ออกมา “นี่หน้าตาไม่ดีฉันไม่มีทางยอมช่วยเด็ดขาดเลยนะอิม” “น่าสนุกออกนิต้า ยังกับพวกสายลับในหนังแหนะ นี่ต้องใส่ชุดรัดรูปสีดำตอนแอบไปค้นห้องคุณวิชญ์ไหมยะ” “ก็...ไม่แน่นะ ถ้าต้องใส่ชุดแบบนั้นฉันไม่ได้ใส่ไปหารื้อซองประมูลหรอกแต่จะใส่ไปยั่วเขา” “ต๊าย แซ่บนะยะ” เสียงหัวเราะแหลมปรี้ดของสองสาวดังขึ้นแทบจะพร้อมๆกันทำเอาคนที่นั่งก้มหน้าอยู่งันไป ทวนคำที่พอจับใจความเมื่อครู่นี้อีกครั้ง นิต้า? ค้นห้อง? ซองประมูล? “มารับของใช่ไหม เพียง” เสียงดังจากอีกด้านเรียกสติของเพียงใจ หญิงสาวลุกขึ้นยืนทันทีแล้วรับถุงของฝากจากอิทธิ พร้อมพนมมือไหว้อีกฝ่ายตามมารยาท “ค่ะพี่อิทธิ” อิทธิยื่นของส่งให้แล้วชวน “จะไปไหนต่อไหมน่ะเรา “ว่าจะกลับบ้านเลยค่ะ ไม่ไปไหนแล้ว” “ไปสิ พี่จะไปส่ง ว่าจะแวะไปเอาของที่บ้านก่อนพอดี แล้วจะเข้ากรุงเทพแล้ว” ขึ้นรถมาได้หน่อยหนึ่งแล้ว เพียงใจจึงเอ่ยปากถาม “พี่อิทธิรู้จักคุณนิต้าไหมคะ” “นิต้าเหรอ... อ้อ ยัยสองคนที่นั่งอยู่ข้างหลังเราใช่ไหม น้องไอ้ชีวินไง รู้จักสิ มีอะไร” “เปล่าค่ะ เมื่อครู่เพียงเห็นที่ร้าน เธอสวยดีนะคะ เคยเจอในงานเปิดตัวรีสอร์ทแล้วที แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร” “สวยแต่รูป” ได้ยินอิทธิค่อนเข้าให้ “ทำพูดไป เห็นสาวๆของพี่อิทธิก็สวยแต่รูปทั้งนั้นนี่คะ” “พูดเหมือนกันเลยนะเรากับยัยน้ำตาลนี่คงเป็นเพื่อนสนิทกันมาทุกชาติเลยละมัง เกิดวันเดียว เดือนเดียว ปีเดียวกัน ชอบอะไรก็เหมือนๆกัน ระวังเหอะจะชอบผู้ชายคนเดียวกัน” “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง เพียงจะถอยออกมาให้น้ำตาลค่ะ” “ทำพูดไป เรื่องผู้ชายนี่ทำเพื่อนแตกหักกันมาหลายคนแล้วนะ” “ไม่ใช่เพียงกับน้ำตาลแน่ค่ะพี่อิทธิ” คุยกันต่ออีกหลายเรื่องอิทธิก็ขับรถวนมาจอดที่หน้าบ้านของอรสาพอดี เพียงใจหยิบของแล้วกล่าวลา “ขอบคุณมากค่ะพี่อิทธิที่มาส่ง” “ไปเถอะ พี่จะออกเดินทางเหมือนกัน” ยืนส่งอีกฝ่ายแล้วจึงเดินเข้าบ้านมา เสียงคุยเสียงหัวเราะของอรสาดังแว่วออกมาถึงหน้าประตู เพียงใจนึกสงสัยอยู่ว่าใครที่ทำให้อรสาหัวเราะเสียงดังได้ขนาดนี้ เธอเคาะประตูแล้วถึงเปิดเข้าไป แต่กลับเห็นภาพของคนเป็นป้ากำลังซบอยู่ที่ไหล่ของคุณลุงอานนท์บนโซฟาที่มีอยู่ตัวเดียวตรงกลางบ้าน หญิงสาวหน้าเสียเล็กน้อยกับภาพที่เห็น อรสากำลังหว่านล้อมขอหยิบยืมเงินจากอานนท์ ที่เคยได้มาก็มากโขอยู่ และที่กำลังออกปากขอนี่ก็เป็นจำนวนที่ถือว่ามากเอาการเหมือนกัน เหตุผลร้อยแปดพันประการทำให้อานนท์ใจอ่อน ให้อรสาตามจำนวนที่เอ่ยปาก อรสาจึงอารมณ์ดี หัวเราะเสียงดังขึ้นมาทันที “ขอโทษค่ะ” เพียงใจกล่าวขัดขึ้น อานนท์ไม่มีท่าทางประหม่าใดๆแล้วยิ้มทักทาย “กลับมาแล้วหรือหนู” เพียงใจเสียอีกที่เป็นฝ่ายประหม่า พอรู้มาบ้างเรื่องของอานนท์กับอรสา แต่ไม่เคยเห็นกับตาว่าท่านทั้งสองจะทำอะไรประเจิดประเจ้อเท่าครั้งนี้ แล้วยกมือไหว้ท่าน “สวัสดีค่ะคุณลุง” ชายสูงวัยยิ้มรับแล้วทักเรื่องงานที่เธอไปเป็นผู้ช่วยให้บุตรชายของท่าน “เป็นยังไง ทำงานกับตาวิชญ์” นึกหาคำที่ดูไม่สร้างภาพเกินไปนัก สุดท้ายก็ตอบได้แค่ว่า “ดีค่ะ” “มีอะไรไม่สบายใจ บอกลุงเลยนะ” ยิ้มอย่างเจียวเนื้อเจียมตัวบอกไป “ค่ะ” อานนท์อยู่อีกนานครู่ใหญ่ทีเดียวถึงกลับ เพียงใจลงมานั่งมองหน้าอรสาแล้วกล่าวเสียงแข็งใส่ “ทำไมป้าสาทำแบบนี้คะ” “อะไรของแก” “ที่ป้าสากับคุณลุงอานนท์สนิทกัน แล้ว แล้วยังนั่งซบกันนั่น ป้าสากับลุงคบกันแบบไหนคะ” “แล้วแกคิดว่าไงล่ะ” “หนูไม่อยากคิด” “ดีแล้ว” “แต่หนูอยากขอร้อง ป้าสาเลิกยุ่งเกี่ยวแบบชู้สาวกับคุณลุงอานนท์ได้ไหม” “ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น หรือกลัวเจ้านายแกเขาจะถลกหนังหัวแกออกมาปูนอนเล่น” “อย่าไปลากเอาคนอื่นมาเกี่ยวเลยค่ะ นี่เราคุยกันแค่เรื่องของป้าสากับคุณลุงอานนท์เท่านั้นนะคะ” “แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ได้ล่ะ” “ป้าสาควรมีสำนึกบ้าง คุณลุงมีครอบครัว มีลูกมีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ป้าสาจะทำลายครอบครัวคนอื่นทำไม” ได้ยินเสียงต่อว่ามาเป็นชุด อรสาก็หน้าแดงกล่ำ ตวาดแวดใส่บ้าง“มันเรื่องอะไรของแก นังเพียง” “ป้าสารับปากหนูแล้ว” “ฉันไม่เคยรับปากอะไร ไม่ได้พูดสักคำเดียว” “ถ้าอย่างนั้น เราคงอยู่ร่วมบ้านกันอีกไม่ได้แล้วล่ะค่ะ” “เก่งนี่ ทำงานแล้ว มีทางไปแล้วถึงได้ปากกล้ากับฉันได้” “หนูอยากไปตั้งนานแล้วค่ะ” บอกอย่างมีโมโหแล้วหลบเข้ามาในห้องทันที แว่วเสียงอรสาดังโม้งเม้งตามมา “อยากไปนักก็ออกไปเลย ไปเลย!” เพียงใจเก็บตัวอยู่ในห้องจนเช้าจึงออกมาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าที่มีไม่กี่ชุดติดมาทำงานด้วย วิชญ์เข้างานช้าเพราะไปเฝ้ามารดาของเขาที่โรงพยาบาลทุกวัน เขาจะรอจนกว่าท่านกินอาหารเช้า กินยาและนอนพักจึงจะเข้ามาที่สำนักงาน วันนี้ก็เช่นกัน จวบจนสิบโมงเช้าวิชญ์ก็ยังไม่เข้ามา แต่แล้วกลับปรากฏร่างสาวงามที่เธอพบในงานเลี้ยงเปิดตัวรีสอร์ทของชีวินและที่ร้านอาหารของอิทธิวันก่อนและจำได้มั่นว่านั่นคือ แอนนิตา หรือ นิต้า นั่นเอง เพียงใจละมือจากงานตรงหน้าเมื่อนึกถึงที่อีกฝ่ายคุยกับเพื่อนของตน นิต้า? ค้นห้อง? ซองประมูล? “คุณวิชญ์เข้ามาหรือยังเธอ” อีกฝ่ายเดินฉับๆเข้ามา ถามเสียงแบบไว้ตัวทีเดียว “ยังค่ะ” “ฉันจะเข้าไปรอในห้องวิชญ์” “รอที่ห้องรับรองนะคะ ห้องคุณวิชญ์ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไปรอค่ะ” แอนนิตาอ้าปากค้างก่อนหุบฉับลง เบ้ปากบอกอย่างเหย่อหยิ่ง “เธอไม่รู้สินะ ว่าฉันกับวิชญ์น่ะ สนิทกันแค่ไหน” เพียงใจตอบกลับไปทันที “ไม่ทราบค่ะ” หญิงสาวที่แสดงตัวว่าสนิทสนมกับนายของเธอถอดแว่นออกทั้งยังส่งสายตาไม่สบอารมณ์ให้เพียงใจ แต่หญิงสาวไม่นึกหวั่น เธอยึดเอาผลประโยชน์ของเจ้านายเป็นที่ตั้ง และหากเป็นอย่างที่เธอคาด เธอจะต้องเตือนวิชญ์ว่าผู้หญิงคนนี้มีบางสิ่งแอบแฝง ไม่ประสงค์ดีกับเขา ผู้มาเยือนใส่แว่นเข้าไปดังเดิมแล้วตั้งท่าจะเดินเข้าไปในห้องของวิชญ์ เพียงใจรีบออกมาจากโต๊ะของตนแล้วเข้ามาขวางเอาไว้ “เอ๊ะ มายืนขวางฉันทำไม” “เข้าไม่ได้นะคะคุณ” “ทำไมฉันจะเข้าไปไม่ได้ ออกไปเดี๋ยวนี้นะ” “มีอะไรครับนิต้า” เสียงทักดังขัดขึ้นเสียก่อนที่ความวุ่นวายจะเกิดขึ้น ณ ที่ตรงนั้น “ลูกจ้างคุณน่ะสิคะ ไม่ให้นิต้าเข้าไปรอในห้อง” วิชญ์ส่งสายตาเป็นคำถามมาให้เธอ ทำนองว่า ‘มีอะไร’ เพียงใจจึงได้แต่ถอยฉากออกมา ไม่ได้ตอบ แล้วจึงคิดว่าจะหาโอกาสบอกวิชญ์ถึงเรื่องนี้ แต่ชายหนุ่มกับออกตัวปกป้องแขกสาวแสนสวยอย่างแอนนิตาเสียอย่างนั้น ทำเอาเพียงใจฉุนขึ้นมานิดๆ แต่พยายามรักษาอารมณ์เอาไว้ “คราวหลังถ้าคุณนิต้ามา ให้เข้าไปรอที่ห้องได้เลย” ตอบรับอย่างสุภาพกลับไป “ค่ะ” วิชญ์จึงหันไปคุยกับแอนนิตาจากนั้นแทน “เชิญข้างในเถอะครับนิต้า” แอนนิตายิ้มหวาน เข้ามาควงแขนชายหนุ่มแล้วเดินเข้าห้องทำงานไปพร้อมๆกัน โดยมีสายตาของเพียงใจมองตามไปด้วยความไม่สบายใจนัก เธอกำลังคิดว่าจะบอกวิชญ์อย่างไร เขาจะเชื่อเธอหรือไม่ ครู่ใหญ่ทีเดียว มีสายสำคัญต้องการพูดกับวิชญ์ เพียงใจกดอินเตอร์คอมถึงเขา แต่เงียบจึงเดินไปเคาะประตูเรียก เคาะอยู่อึดใจแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ จึงเปิดเข้าไปในทันทีถึงได้เจอเขากับสาวหัวนอก ใบหน้าแนบชิดกันอยู่ คงไม่ต้องเดาว่าทำอะไรกัน “มีอะไร ทำไมเข้ามาไม่เคาะประตูก่อน” เป็นวิชญ์ที่เอ็ดเสียงเฉียบ ใบหน้าคมเข้มมองตำหนิมาที่เธอ “ขอโทษค่ะ” เปล่าประโยชน์จะแก้ตัวด้วยว่าเคาะเรียกอยู่นานแล้ว แต่ไม่มีการตอบรับใดๆจากเขา เลยตัดสินใจเปิดเข้ามาจึงรีบรายงาน “มีสายสำคัญถึงคุณวิชญ์ค่ะ” เจ้าของชื่อพยักหน้ารับ แล้วผละห่างออกมาจากสาวงามที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยแม้เพียงเล็กน้อยแต่ก็ดูไม่งาม แอนนิตาทำเพียงขยับชุดให้เข้าที่เพียงเท่านั้น ใบหน้าสวยไม่มีแม้ความกระดากอายสักนิดเดียว      
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD