เพียงใจเห็นแล้ว และได้คำตอบในนาทีนี้เองว่าวิชญ์โกรธสิ่งใดหรือใครกัน มารดาของเขาที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล กลับเข้าไปในนั้นอีกรอบเพราะอรสา
ป้าสาของเธอทำเรื่องอีกแล้ว
หญิงสาวไม่เข้าใจว่าท่านทำไปเพราะเหตุใด แล้วนี่ท่านจะรู้ไหมว่าคุณสำลีต้องกลับเข้าโรงพยาบาลใหม่หลังจากที่ตัวเองทำเป็นหวังดีไปเยี่ยม
“นังผู้หญิงหน้าด้านนั่นบุกเข้ามาถึงในห้องนอนเลยค่ะคุณวิชญ์ ม้อยเห็นมันไปพูดซุบๆซิบๆข้างหูคุณท่านแป้บเดียวเท่านั้น แล้ว... แล้วคุณท่านก็ช็อคหมดสติไปเลยค่ะ”
เพียงใจที่ตามเขามาโรงพยาบาลด้วยมองหน้าคนเล่าเสร็จ อดเหลือบตาไปมองทางเขาคนที่เป็นเจ้านายของเธอไม่ได้
บัดนี้ใบหน้าของวิชญ์คล้ำลงราวกับมีเมฆฝนและพายุก่อตัวกันอยู่ภายในพร้อมจะทำลายล้างสิ่งที่กวนตะกอนอารมณ์ของเขา ริมฝีปากนั้นเม้มแน่นสนิทดวงตาดูกร้าวดุลุกโชนแสงราวกับสามารถเผาไหม้สิ่งที่ต้องการได้ทุกเวลา
เสียงโทรศัพท์สำหรับติดต่องานของวิชญ์ดังขัดความคิดของเพียงใจขึ้น หญิงสาวสะดุ้งนิดเดียวยากที่ใครจะมองเห็น แล้วขอตัวเดินออกมารับสายเรียกเข้าของเขา เบอร์ติดต่อนี้เธอจะเป็นคนรับและจัดแจงธุระให้เขา จนแล้วเสร็จจึงกลับเข้ามายืนในห้องผู้ป่วยที่มีคุณสำลีนอนหมดสติอยู่ในนั้น เพียงใจพยายามรักษาระยะห่างที่ปกติก็ห่างอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เธอขยับออกห่างอีกหน่อย แต่พอที่พูดจากันได้ยิน และไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าใจของเธอกริ่งเกรงเขามากเพียงใด
ท่าทีเรียบเฉยที่มี ใช่จะเป็นแบบเดียวกับความรู้สึกภายในของเธอ แต่เพียงใจนั้นเก็บความรู้สึกเก่ง เธอกลัววิชญ์ใช่จะไม่กลัวเขา เมื่อรู้ว่าต้องทำงานกับเขาแน่แล้ว เธอจึงต้องลดทอนความกลัวนั้นลง กดมันเอาไว้ให้ต่ำเพื่อให้การทำงานประสบผลสัมฤทธิ์มากที่สุด
เธอจะไม่มาทำงานกับเขาก็ได้ แต่เมื่อรู้ว่าเงินที่อรสาบอกว่าเป็นเงินประกันของแม่ แท้จริงนั้นไม่ใช่ อรสายอมสารภาพว่าไปขอหยิบยืมมาจากคุณลุงอานนท์ พ่อของวิชญ์ เพื่อนำมาส่งให้เธอได้เรียนจนจบปริญญาตรี ท่านว่าหากท่านบอกไปแบบนั้นแต่แรก เธอคงไม่รับและหมดโอกาสในการที่จะได้เรียนในที่ที่ดีดี จึงปฏิเสธไม่ได้เมื่อคุณลุงอานนท์ร้องขอให้มาช่วยงานบุตรชายของท่าน
‘ไม่ต้องห่วงเรื่องหักเงิน ที่โอนไปน่ะ ลุงให้ฝ่ายบัญชีหักออกแล้ว ลุงขอแค่หนูทำงานกับเจ้าวิชญ์สักสามปี ไหวไหมลูก’ คำถามที่คล้ายกับแฝงการบังคับอยู่ในที เธอจะกล้าตอบหรือว่าไม่ได้
“คุณวิชญ์จะเข้าออฟฟิศไหมคะ” ตัดสินใจถามกระตุ้นในเรื่องงาน เผื่อจะทอนอารมณ์ของเขาลงได้ เพียงใจทำงานกับวิชญ์จนรู้ว่าเขาบ้างานเข้าขั้นคนหนึ่งเลยทีเดียว
“มีอะไร” เขาถามเสียงเครียดกลับมาแทนคำตอบ
“ทางจังหวัดแจ้งเงื่อนไขเรื่องการยื่นซองประมูลมาใหม่ค่ะ”
“ไม่เข้าแล้ว จัดการแบบไหนไปตามที่เคน เคนรู้ว่าต้องทำยังไง”
“แล้วประชุมของพรุ่งนี้คอนเฟิร์มไหมคะ”
“อือ”
“งานเปิดตัวรีสอร์ทคืนพรุ่งนี้ละคะ”
“เหมือนเดิม...คุณกลับไปจัดการเอกสารให้เรียบร้อยเลิกงานแล้วก็กลับได้”
“ค่ะ”
วิชญ์ไม่มีท่าทีเกรี้ยวกราด เขาเงียบและขรึมจัด เธออยากให้เขาตวาดดุด่าเสียบ้างน่าจะดีกว่า เพื่อที่เขาจะได้ระบายความรู้สึกข้างในออกมา เงียบแบบนี้น่ากลัวยิ่งกว่าเสียงดังๆเสียอีก
เพียงใจรับคำเขาแล้วเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยทันที เธอกระชับสายสะพายกระเป๋ารอเข้าลิฟต์จะลงไปยังชั้นล่างสุด เพื่อกลับออกไปจากโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในตัวจังหวัดด้วยความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ และคล้ายกับว่าตนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณสำลีต้องกลับมานอนที่นี่อีก แม้จะไม่ได้เป็นสาเหตุหลักแต่เธอยังเป็นสาเหตุอยู่ดี ป้าสารู้จากเธอว่าคุณสำลีไม่สบาย ถ้าเธอไม่พูดถึง ป้าสาก็คงไม่ไปพบกับคุณสำลี
ป้าสาทำไมต้องไปยุ่งกับคุณสำลี...เธอไม่เข้าใจ
“หนูเพียง มาทำอะไรคะลูก”
เพียงใจชะงักหน่อยหนึ่งแล้วหันไปทางคนที่ทักเธอ ท่านเป็นพยาบาลคนที่เคยอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐมาก่อน เพราะก่อนที่มารดาของเธอจะเสียนั้น ก็มีเหล่าแพทย์และพยาบาลคอยดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด หญิงมีอายุท่านนี้เป็นหัวหน้าพยาบาลที่ดูแลมารดาของเธอตอนที่ท่านนอนรักษาตัว
“สวัสดีค่ะคุณป้างาม”
เพียงใจยกมือไหว้หญิงมีอายุในชุดพยาบาลที่มีสูทสีน้ำตาลคุมทับตามแบบฟอร์มของพนักงานที่นี่ ปกติก็เจอะเจอกันข้างนอกค่อนข้างบ่อย เรียกว่าสนิทกันยังได้ ท่านชอบคุยส่วนเพียงใจนั้นเป็นผู้ฟังที่ดี บ่อยครั้งที่อีกฝ่ายมักนำเรื่องปวดหัวสารพัด ไม่ว่าจะเรื่องตนเองจนลามไปถึงเรื่องชาวบ้านชาวช่อง ท่านจะนำมาคุยทำนองว่าเม้ากับเธอออกบ่อยไป
“ไปไหนมาคะ”
อีกฝ่ายทักถามด้วยอัธยาศัยค่อนข้างดี ตามวิสัยคนมีหัวใจบริการ เดิมทีท่านอยู่ในโรงพยาบาลรัฐบาลของจังหวัด เธอเคยได้ยินมาว่า บางคนที่เบื่อระบบราชการก็ย้ายตัวเองมาอยู่ในเอกชน ถมเถไป
“มาเยี่ยมคุณแม่ของเจ้านายค่ะ”
อีกฝ่ายเลิกคิ้ว เข้ามากระซิบถามเสียใกล้ “อย่าบอกนะว่ามาเยี่ยมคุณสำลี”
“ทำไมทราบคะ”
“โหย...เขาปิดกันให้ทั่ว แล้วชั้นนี้ก็มีคนไข้วีไอพีอยู่คนเดียวนี่นา ช็อคกลับมาคราวนี้ เขาว่า....” คงเพราะเห็นว่าสนิทสนมกันมาก่อน อีกฝ่ายจึงระงับความคันของปากไม่ได้ “เพราะมีมารไปผจญถึงบ้านน่ะสิ”
ใช่...มารผจญจริงๆอย่างที่ว่า และมารนั้นก็ไม่น่าผิดไปจากอรสา ป้าของเธอ
คุยกันได้ครู่ใหญ่ เพียงใจขอแยกย้ายกลับแล้วตรงไปที่สำนักงานเพื่อเคลียร์ธุระให้เขาจนเรียบร้อย เตรียมเอกสารสำหรับประชุมจนเสร็จจึงกลับบ้านด้วยหัวใจอันหดหู่
“วันนี้กลับแต่วัน งานแกเสร็จเร็วขึ้นนี่” อรสาทักเสียงอ่อนหวานสดใส แต่เพียงใจกลับรู้สึกตรงกันข้าม ถามเสียงเครียด “ป้าสาไปบ้านคุณสำลีทำไมคะ”
“ตายแล้ว ทำไมแกรู้”
“ป้าสารู้ไหมว่าคุณท่านเข้าโรง’บาลไปอีกรอบแล้วน่ะค่ะ”
“จริงหรือ” อรสาทวนคำ ใบหน้าที่ยังงามถึงอย่างไรก็ต้องพ่ายให้กับกาลเวลาที่ฟ้องออกมาทางริ้วเล็กๆตรงหางตาและร่องแก้มของท่าน เพียงใจไม่เห็นความรู้สึกผิดในสายตาของอรสาเลยแม้แต่นิดเดียวเมื่อกล่าวถึงคุณสำลีนั่นยิ่งตอกย้ำให้เธออยากไถ่บาปจนต้องนั่งลงข้างๆคนเป็นป้า เรียกท่านอย่างอ่อนใจ
“ป้าสาคะ…”
อรสาชำเลืองตามองด้วยความระแวงเล็กน้อย ขยับหนีเล็กน้อยด้วยท่าทีระแวง “อะไร”
“เพียงขอร้องล่ะค่ะอย่าไปทำร้ายอะไรคุณสำลีอีกเลยนะคะ เพียงไม่รู้หรอกว่าป้าสากับคุณท่านมีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาแต่ครั้งก่อนหนไหน แต่ตอนนี้ป้าสาก็เหมือนเป็นคนชนะแล้วนี่คะ”
ได้ยินคำว่า ‘ชนะ’ แววตาของคนฟังก็ดูวาววับขึ้น ท่าทางดูผยองราวกับนางพญาเลยทีเดียว
“ป้าสาสวยกว่า แถมยังกินอยู่อย่างมีความสุข แต่ดูคุณสำลีสิคะ นอนนิ่งๆอยู่แต่บนที่นอน ข้าวปลาไม่ยอมกิน หมดราศีคนรวยๆเสียนี่ แล้วจะไประรานแกทำไมอีกคะ”
“พูดแบบนี้ ต้องการอะไรกันแน่ยัยเพียง”
“ป้าสารับปากเพียงก่อนได้ไหมคะ”
อรสาเลิกคิ้วคล้ายจะถาม ว่า ‘อะไรล่ะ’ แต่ไม่ยอมเอ่ยปากท่านไม่ตกหลุมคนเป็นหลานง่ายๆหรอก อรสาเองก็เก๋าเกมพอดู ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่เป็นท่านมาจนถึงทุกวันนี้
“ป้าสาคะ”
“อะไรเล่า”
“รับปากเพียงสิคะ”
“ฉันไม่รับปากซี้ซั้ว แกพูดมาก่อนว่าจะให้ฉันรับปากอะไร”
“อย่าไปยุ่งกับคุณสำลีอีกได้ไหมคะ”
อรสาไม่ได้รับปากอะไรกับเพียงใจทั้งนั้น เธอไม่นิยมการผูกมัดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่อย่างนั้นคงมีครอบครัว มีสามี มีลูก แต่ไม่มีความสุขแบบที่เคยเห็นเพื่อนๆหรือญาติๆหลายต่อคนเป็นกันหรอก ได้แต่ยิ้มมุมปากไม่ตอบว่าอะไร เพียงใจถอนหายใจยาวไม่ใช่ว่าโล่งอกตรงข้ามกันด้วยซ้ำ หนักใจยิ่งกว่าเดิม
วิชญ์รอจนมารดาของตนตื่น เขาอยู่ป้อนอาหารให้ท่านแล้วรอจนหลับไปอีกครั้งจึงตรงไปยังร้านอาหารที่คุ้นเคย เขาต้องจัดการอะไรสักอย่างบ้างแล้ว กิจการร้าน บาร์ รีสอร์ทในจังหวัดนี้ กึ่งหนึ่งถูกผูกขาดด้วยชีวิน ชีวินเป็นบุตรชายคนโตของท่านสส.อเนก วิชญ์และชีวินจบจากสถาบันการศึกษาเดียวกันมา หัวหกก้นขวิดและสัญญาสาบานตามประสาผู้ชายว่าจะรักและจริงใจต่อกันไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ดีอยู่อย่างที่ทำให้วิชญ์คบกับชีวินมาได้นาน หนึ่งในหลายๆข้อคือรสนิยมของเขาและชีวินสวนทางแทบทุกเรื่อง ไม่อย่างนั้นคงคบไม่ได้มาถึงป่านนี้
“ไงน้องรัก ทำไมวันนี้แวะมานี่ได้” ชีวินทักทายเพื่อนรุ่นน้องอย่างยินดีที่เห็นอีกฝ่ายแวะมาที่ร้านของตน แม้อายุมากกว่า แต่ชีวินกลับเกรงใจวิชญ์ ด้วยเรื่องของความคิด ความสามารถและพรรคพวกที่เพื่อนรุ่นน้องมีอยู่ในมือ
“ไม่เจอพี่นาน เลยว่าจะแวะมาคุยด้วยน่ะครับ”
ชีวินเข้ามาจับแขนอย่างประจบแล้วออกปากย้ำถึงเรื่องที่เขาเคยเชิญวิชญ์ไปแล้ว ไม่วายต้องพูดอีก เพราะอยากให้อีกฝ่ายมางานของตน งานไหนหากวิชญ์ไปร่วมงานก็เป็นอันรู้กันว่างานนั้นหนทางราบรื่นอย่างแน่นอน “เปิดตัวรีสอร์ทต้องมาให้ได้นะวิชญ์”
วิชญ์พยักหน้ารับอย่างเนือยๆก็รีบเข้ามาเอาอกเอาใจตามประสาคนต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่ “ที่พี่เคยคุยเรื่องลงทุนน่ะ...ว่ายังไง”
“ผมลงได้แค่สามสิบเปอร์เซ็นนะพี่ มากกว่านั้นไม่อยากเสี่ยง” วิชญ์บอกไปตรงๆ เพราะใจจริงๆเขาไม่ชอบนักกับธุรกิจพวกนี้ แต่ที่ยอมตกลงด้วยเพราะเห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้องร่วมสถาบันและผลประโยชน์ในอนาคตเพียงเท่านั้น
“ได้ๆ เท่าไรก็ได้น้องรัก ขอแค่วิชญ์ลงด้วยพี่ก็สบายใจแล้วละ”
ชีวินตาวาวหัวสมองปลอดโปร่งทันทีเมื่อวิชญ์ยอมรับปากจะหุ้นด้วย เมื่อผ่อนคลายลงแล้ว ไม่วายสัพยอกเพื่อนรุ่นน้อง “เอ... จำได้ว่าไปไหนต้องมีสาวแว่นคอยติดตามมาด้วยนี่ ทำไมวันนี้ไม่มีมาล่ะ”
วิชญ์ค่อยยิ้มออก เมื่อทุกอย่างเข้าทางโดยที่ไม่ได้ลงแรงอะไรมากนัก “ชอบหรือครับ”
เห็นประกายตาวาวๆแล้วถึงได้ออกปากถามไปแบบนั้น พร้อมผุดรอยยิ้มที่มุมปาก คนสนิทวงในรู้รสนิยมของชีวินดี ชีวินไม่ได้ชอบสาวสวยจัดๆ แต่ชอบผู้หญิงเรียบๆ หรือพวกที่ยังไม่เคยผ่านโลกกามารมณ์มาก่อนนั่นละยิ่งถูกใจนัก
“ถามแบบนี้ ถ้าขอจะให้พี่หรือ”
คราวนี้วิชญ์หัวเราะอย่างนึกสนุก เขาว่า “ … มาขออะไรกับผมเล่า ผมเป็นแค่เจ้านายไม่ใช่พ่อเขานี่ แต่ถ้าพี่ชอบ ผมจะจัดการให้”
“พี่นึกว่านายจะเก็บไว้กินเอง”
ว่าก่อนยิ้มอย่างหมายมาดนี่ถ้าวิชญ์ไม่ออกปากเชิงอนุญาตเขาไม่กล้าแตะอย่างเด็ดขาด วิชญ์ไม่ใช่คนเสียงดังโวยวาย แต่หากน่ากลัวนักถ้าวิชญ์จะเอาเรื่องใครสักคน ขนาดว่าตนที่เป็นลูกผู้มีอิทธิพลพอตัวอยู่แล้วยังไม่กล้าเสี่ยงกับวิชญ์เลย ขออยู่ฝั่งเดียวแบบนี้ดีกว่าจะเป็นศัตรูกับหนุ่มรุ่นน้อง
วิชญ์ยิ้มก่อนจะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ สายตาของเขาก็ดูอ่านยากเฉกเช่นเดิมรู้แค่ว่ากำลังสนุกกับเรื่องที่คิดในสมองตอนนี้พอควรเชียวล่ะ
ช่วงสายของวันรุ่งขึ้นคล้อยหลังจากที่เพียงใจออกไปทำงานครู่ใหญ่แล้ว อรสาจึงลุกขึ้นแต่งหน้าแต่งตัวสวยสดในแบบของเธอ แล้วตรงไปจุดหมายที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอชอบมันมาตลอด การเสี่ยงโชคก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เจ้าตัวหลงใหล เวลาได้มันทำให้รู้สึกว่าตัวเองรวย มีอำนาจ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่นับตอนที่เธอเสียหมดตัวนั่นนะ อรสาเบ้ปากเมื่อคิดคำนวณในหัวก็พบว่าอัตราส่วนได้เสียนั้น ได้มีไม่เท่าไรแต่มันน่าจดจำกว่าตอนเสียมากเอาการนัก
คาสิโนในตึกแถวห้าคูหาถูกสร้างอย่างเร้นลับมิดชิดและจำลองแบบกาสิโนชื่อดังของเมืองนอกมาชนิดที่เรียกได้ว่าแทบไม่ผิดเพี้ยนเลยอรสาเดินตัวปลิว ถือกระเป๋าเข้าไปก็มีคนของบ่อนเข้ามารับหล่อนในทันที
“วันนี้เท่าไรดีครับ” หนุ่มรุ่นลูกค้อมตัวถามอย่างเอาใจ
“แสนเดียวก่อน” ว่าจบเดินเชิดไปนั่งยังโต๊ะวีไอพีที่คุ้นหน้ากันดีกับคนในโต๊ะ จากใบหน้าสดใสเมื่อตอนย่างเท้าเข้ามาไม่นานก็หมองลงเรื่อย… เพราะวันนี้อรสาเสียจนหมดตัวอีกแล้ว
วิชญ์บิดริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะปิดภาพเคลื่อนไหวในจอมือถือที่ชีวินส่งมาให้ดูลง อรสาติดพนันหนำซ้ำยังจอเครดิตเพิ่มอีก ชายหนุ่มหรี่ตาคมเข้มมองไปยังร่างเล็กของอีกคนที่เขาคิดจะจัดการด้วย
อีกไม่นานหรอก ได้กระเจิงกันไปหมดแน่
เพียงใจส่งสรุปผลการประชุมที่กว่าจะเสร็จสิ้นก็ล่วงบ่ายสองเข้าไปแล้ว มื้อกลางวันยังไม่ทันตกถึงท้อง แต่ต้องรีบจัดชุดให้เขาสำหรับงานเปิดตัวรีสอร์ทชื่อดังที่เป็นของลูกชายสส.ในจังหวัดที่จะไปร่วมในคืนนี้
ปกติงานกลางคืนวิชญ์จะไปกับเคน คนสนิทของเขา แต่คราวนี้เธอกลับได้ยินเขาเรียกหา
“เพียงใจ…เตรียมชุดของคุณด้วย”
“คะ?”
“เคนติดธุระ คุณไปแทนเคน”เขาสั่งไว้เพียงแค่นั้นและหญิงสาวก็ไม่มีสิทธิ์ถามเขา ได้แต่รับคำสั่งแบบทุกที
งานเลี้ยงเปิดตัวรีสอร์ทถูกจัดขึ้นภายในรีสอร์ทที่เปิดตัวนี่เอง บรรยากาศดีทีเดียวเพราะอยู่ติดกับเทือกเขามีน้ำตกสวยงามอยู่ติดกับตัวรีสอร์ท ทั้งยังมีลำธารไหลผ่านผ่ากลางอีกด้วย
ชีวินคือเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้เขาเป็นเพื่อนรุ่นพี่กับวิชญ์ สมัยเรียนมัธยมในโรงเรียนชายล้วนชื่อดังของประเทศ
“ยินดีด้วยครับพี่กับรีสอร์ตใหม่ ขอให้กิจการไปได้ด้วยดีครับ” วิชญ์มอบม้าสลักจากไม้เนื้อดีที่สั่งทำพิเศษส่งให้พร้อมอวยพรอีกฝ่ายตามธรรมเนียม
ชีวินทิ้งแขกคนอื่นทันทีเพื่อมาต้อนรับเพื่อนรุ่นน้องอย่างวิชญ์
ใบหน้าขาวจัดยิ้มร่าอย่างยินดีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมางานของตน เพราะน้อยนักที่วิชญ์จะปรากฏตัวไปที่ไหน หากไม่สนิทกันจริงจัง “ขอบใจมากวิชญ์” ชีวินตอบรับด้วยสีหน้าดีใจ
วิชญ์ส่งสัญญาณบอกด้วยสายตา ชีวินจึงมองตามแล้วออกปากทักคนที่ตามมาด้วย “สวัสดีครับคุณเพียงใจ ขอบคุณมากนะครับที่ให้เกียรติมางานเปิดตัวรีสอร์ทของผม”
เพียงใจยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อมไม่ให้มากจนเกินไปหรือน้อยจนดูแข็ง ชีวินมองด้วยสายตาแสดงความถูกอกถูกใจเป็นอย่างยิ่ง วิชญ์เองก็ใช่จะไม่รู้ความคิดของชีวิน
เขาแทบจะจับแม่นี่ใส่พานให้ชีวินเสียตอนนี้เลย แต่เพียงใจไม่ได้ ‘ง่าย’ แบบท่าทางที่พยายามแสดงออกมา เธออาจทำงานด้วยง่ายๆ แต่ไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆ ข้อนี้วิชญ์รู้ดี เขาจึงต้องหยิบยืมมือคนอื่นมาทำงานแบบนี้แทน และลงตัวพอดีที่ชีวินอยากเคลมเพียงใจ
“พี่ต้องขอบวิชญ์มากนะที่เป็นเจ้านายใจดีพาคุณเพียงใจออกงานด้วยแบบนี้ ยิ่งใส่ชุดแบบนี้ก็ยิ่งดูว่า...สวย น่าค้นหา”
เพียงใจได้ยินอย่างนั้นก็หน้าตึงขึ้นหน่อยๆ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร ชั่วขณะที่ความรู้สึกฉุนโกรธแฝงด้วยความเกลียดเล็กๆพุ่งไปที่วิชญ์ แล้วพยายามเก็บงำความคิดความรู้สึกของตนเองเอาไว้ เธอเคยพบกับชีวินมาก่อนหน้าที่จะเจอกันครั้งนี้ราวๆสี่ถึงห้าครั้ง และรู้สึกได้ถึงแววตาของอีกฝ่ายยามที่มองสบมา บอกได้อย่างเดียวด้วยสัญชาตญาณว่าไม่ปลอดภัย มีความหื่นหิวกระหายแฝงมาในสายตาตี่ๆคู่นั้น หากไม่เปิดโอกาส ไม่มีโอกาส จะไม่มีใครเข้าถึงตัวเธอได้แน่นอน เพียงใจบอกตัวเองแบบนี้เสมอ
“วิชญ์ มางานด้วยหรือคะ”
เสียงหวานๆจากหญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสเปิดไหล่สีดำอวดเนื้อนวลเนียนขาวสะอาดตาให้บรรดาเหล่าเพศชายได้น้ำลายหก เจ้าของชื่อเองก็มองคนทักตาหวานวาววับเช่นกัน
“กลับมาเมื่อไรครับ”
“เมื่อคืนนี้เองค่ะ” หญิงสาวสวยจัดคนนั้นเข้ามากอดวิชญ์แล้วหอมแก้มซ้ายขวา กระซิบอะไรกันข้างหูแล้วยิ้มหัวเราะร่าราวกับคนรู้ใจ นั่นทำให้เพียงใจรู้สึกเหมือนว่าตนเองอยู่ผิดที่ผิดทางขึ้นมาในทันที
“ผมฝากเพียงใจไว้ด้วยนะครับพี่ ขอแวะไปสวัสดีคุณลุงอเนกสักครู่”
แล้วโอกาสก็ถูกเปิดออกจากวิชญ์ เจ้านายของเธอ เขาบอกชีวินแต่ไม่ได้สนใจความต้องการของเธอเลยว่าอยากยืนอยู่ตรงนี้กับชีวินหรือไม่ ก่อนจะเดินควงไปกับหญิงสาวสวยจัดคนนั้น
“ดื่มอะไรดีครับ ผมจัดการให้” ชีวินพยายามต้อนรับอย่างดีเพียงใจทำเพียงยิ้มรับอย่างรักษามารยาทอย่างที่สุดไว้เท่านั้น
คล้อยหลังมาแล้ว วิชญ์เองต้องอยู่คุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ในงานอยู่นาน ชั่วขณะที่นึกไปถึงสายตาที่เขาทำเมินไม่มองสบด้วย เหมือนเอาสัตว์เลี้ยงไปปล่อยไว้และจะไม่ไปรับกลับมาอีก ใจที่เคยคิดว่าคงสะใจ หากชีวินจัดการเพียงใจได้จริง กลับนึกอยากปลีกตัวออกไปดูเสียหน่อยแต่ก็ยากเหลือเกิน ร่วมชั่วโมงกว่าที่วิชญ์จะร่ำลามาได้ เขาเดินกลับไปยังจุดเดิมสายตาสอดส่ายหาชีวินและร่างเล็กๆของอีกคนปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเจอคนทั้งคู่แต่อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้เมื่อไม่พบทั้งสองคนนั้นจริงๆ
“พี่วินไปไหน” เขาถามเอากับการ์ดที่ยืนตั้งรับแถวนั้น
“ไม่ทราบฮะคุณวิชญ์ อ้อ... แต่เห็นพาคุณผู้หญิงที่มาด้วยกันกับคุณวิชญ์เข้าไปดูห้องพักตัวอย่างที่ด้านในแล้วฮะ”