สายลมพัดแผ่วพัดเอาโมบายรูปทรงตาข่ายดักฝันที่แขวนไว้ กวัดแกว่งเบาๆ ขนนกที่ผูกติดเอาไว้แผ่กระจายเพราะต้องแรงลม อ้อล้อเหมือนอยากจะหลุดพ้นจากการผูกมัดมานานปี จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง...แหละอีกหลายๆ ที่โดยไม่เคยห่างจากผู้เป็นเจ้าของ
"อายุตั้งสิบปีมาแล้ว...ทนทานไม่เบาเหมือนกันนะเรา"
เครื่องรางอันนั้นถูกดึงไปไว้ในมือทันทีที่สิ้นเสียง ชายหนุ่มร่างใหญ่ค่อยๆ เกะออกจากขอบหน้าต่างอย่างระมัดระวัง แล้วพาเดินไปแขวนไว้บนหัวเตียงส่วนที่เป็นงาช้างด้านบน เพื่อให้ปลอดภัยจากการถูกแรงลมกระทบกระทั่งและอาจพังเสียหายได้
"โมบาย...ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ พ่อนะพ่อไม่ส่งข่าวกันบ้างเลย ไม่รู้รึไงว่าคนเค้าห่วงแฟน หึหึ"
แฟนที่ว่าคือ 'เมียพ่อ' นั่นเอง นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไม! ทางนั้นถึงไม่อยากติดต่อคบหาด้วย เพราะในขณะที่ทางนี้ห่วง...แต่อีกคนเขาก็หวงของๆ เขาเช่นกัน
"นายครับ!" เสียงโทรศัพท์อัตโนมัติเรียกเขาให้สะกิดใจหันไปมอง ราชเชนทร์เดินไปนั่งตรงโซฟาและเอ่ยถาม
"มีอะไร..."
"เกิดปัญหาอีกแล้วครับ"
"ที่ไหน...ใคร..." เป็นคำถามที่รู้กันอยู่แล้วโดยไม่ต้องสืบเสาะให้มากความว่าปัญหานั้นคือเรื่องใด
"ห้องโถงใหญ่ครับ เถ้าแก่เหมา"
"เดี๋ยวฉันไปจัดการเอง ลูกค้ารายใหญ่คงเสียเยอะแล้วตั้งใจจะมาป่วนเรา ดูแลสถานการณ์ให้ดีอย่าให้เสียเครดิต"
"ครับนาย"
สิ้นเสียงรับปากของลูกน้อง ราเชนทร์ก็ยืนตัวตรงและเดินไปควานคว้าเอาเสื้อผ้าในตู้มาแต่งตัวลวงๆ ด้วยความรีบร้อน
มีงานให้ต้องเคลียร์อีกแล้ว...ปกติลูกน้องระดับแถวหน้าของเขาจะมีหน้าที่ดูแลเรื่องเหล่านี้อยู่ แต่หากต้องเกี่ยวพันกับลูกค้ารายใหญ่และมีปัญหามากๆ พวกนั้นจะหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้บานปลาย อาจเป็นผู้จัดการรับช่วงต่อในการเคลียร์ หรือหากราเชนทร์ว่าง อารมณ์ดี...ก็จะลงไปจัดการด้วยตัวเอง
ก่อนจะออกจากห้องไป..สายตายังไม่แคล้วเหลือบมองเครื่องรางที่ห้อยบนงาช้างตรงหัวเตียง
ชายหนุ่มย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่มาสะกิดใจ หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก...เพราะทุกครั้งที่เขามีอาการแบบนี้มักต้องเจอกับอะไรที่ไม่คาดฝันเสมอ ไม่ใช่คนเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ แต่สำหรับเขาตาข่ายดักฝันนี้ เปรียบเสมือนเพื่อนสนิท...ที่มักมีบางอย่างสื่อถึงกันอยู่เสมอ
'ตาข่ายดักฝันค่ะ...เอาไว้ดักฝันร้าย ต่อไปพี่โฮปจะได้ไม่ต้องนอนฝันร้ายไงคะ'
เสียงฮือฮาทำหญิงสาวย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความสนใจ ดนตรีหยุดบรรเลงกะกันหันยามนี้...และผู้คนก็เริ่มทยอยกันไปยังจุดจุดเดียว เพื่อมุงดูอะไรบางอย่าง
"เหมือนจะมีเฮแล้วสิงานนี้" ถึงจะไม่รู้รายละเอียดแต่จากสถานการณ์วุ่นวาย ที่เธอกำลังจับสังเกตอยู่ ก็พอเดาออกแหละว่าสถานที่แบบนี้คงเป็นอื่นไปไม่ได้หรอกนอกจากจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง เผลอๆ เดี๋ยวมีดวลปืนกันโจ่งครึ่มกันก็ได้ใครจะไปรู้
เมื่อสักครู่เธอเห็นเหล่าบอดี้การ์ดเข้าไประงับเหตุจลาจลเล็กๆ แล้วเสียงอือออวิจารณ์กันกระหึ่มก็ดังขึ้น พร้อมการจับกลุ่มเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่างที่เธอมองอยู่เงียบๆ แต่ด้วยความอยากรู้เห็นทีจะเงียบต่อไปไม่ได้แล้ว เดี๋ยวจะพลาดช็อตเด็ด
"เป็นโอกาสของเธอแล้ว ยัยอาย แอบสำรวจที่นี่ซะเลย" ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาทันที แก้ววัลลากำลังเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสสำรวจพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลโดยอาศัยช่วงชุลมุนนี้ เผลอๆ เธออาจได้ปิดจ๊อบเร็วกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก
จริงๆ...มันก็นานเกินกำหนดมาแล้วต่างหากสำหรับงานนี้
"เดิมพันครั้งนี้...ผมขอมือข้างหนึ่งนะครับ"
"เฮ!!!"
เสียงนั้นแผ่เข้าโสตประสาทหูเธออย่างจัง...มือ...ข้างหนึ่ง
เขาทำอะไรกันวะ!! หญิงสาวหันมองกลุ่มคนที่ห้อมล้อมโต๊ะพนันโต๊ะหนึ่งจนมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ความอยากรู้อยากเห็นตามสัญชาตญาณเริ่มสูงขึ้นอยู่เหนือภาระหน้าที่ เธอจึงเดินไปรวมตัวกับคนอื่นๆ บ้างเพื่อติดตามสถานการณ์
เพราะเหล่านักการพนันต่างยืนออกันแน่นขนัดทำให้แก้ววัลลาต้องพยายามแทรกตัวเข้าไปใกล้โต๊ะให้มากที่สุด ไม่อย่างนั้นเธอก็ได้แค่ยืนมองหลังคนอื่นอยู่แบบนี้ เกาะติดความคืบหน้าอะไรไม่ได้
แน่นอน...เธอไม่ยอมอยู่แล้ว
"หืม...นี่บ่อนหรืองานวัด..." ในที่สุดก็ดั้นด้นมาแตะขอบโต๊ะจนได้ หลายคนมองเธอด้วยสายตาไม่ชอบใจนัก แต่...
ฮึ...ใครจะสน แก้ววัลลามองไปเบื้องหน้าที่เป็นโต๊ะพนันทรงกลมขนาดใหญ่ แต่หากมีผู้จับจองที่นั่งอยู่เพียงสองคนเท่านั้น ทั้งคู่กำลังเคร่งขรึมกับไพ่ในมือ ผู้คนรอบนอกที่มุงดูต่างก็เงียบเสียงลงเพื่อรอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเดิมพันนั้นช่างน่าสนใจและขนลุกขนพองยิ่งนัก
ผู้ท้าชิงระหว่างชายคนหนึ่งที่สวมชุดสูทสีขาวท่าทางทรงอิทธิพล สวมสร้อยห้อยแหวนเต็มตัวดูภูมิฐาน อีกฝ่ายน่าจะอ่อนเยาว์กว่า รูปร่างสันทัดกว่า และดูด้อยประสบการณ์กว่าอย่างเห็นได้ชัด
คาดคะเนว่า...เขาคนนี้แหละ คือเฮียโฮปเจ้าของแดนทมิฬแห่งนี้ ที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นหน้าค่าตาบ่อยนัก
แม้แต่ในรูปที่ได้เห็น...ก็ยังไม่เหมือนเท่าไหร่ ตัวจริงหล่อกว่าจมเลย ^^
ในระหว่างการดวลไพ่ระหว่างคนทั้งสองที่เป็นไปอย่างดุเดือด ไม่ได้อยู่ในสายตาของแก้ววัลลาเท่าไหร่ เพราะเธอกำลังมองเห็นอะไรบางอย่างที่เคลือบแฝงอยู่ในเกมนี้ กลโกง... ที่ทั้งแยบยลและแทบจะทางจับผิดไม่ได้เลย ไม่ว่าใครจะแพ้จะชนะ สรุปแล้วคือโกงกันทั้งคู่นั่นแหละ
ใช่ว่าการที่ดูออกเป็นเพราะเธอเก่งในการเล่นพนัน แต่เพราะมีปมเกี่ยวกับเรื่องนี้และใช้ชีวิตอยู่ในซ่องโจร ดำรงชีพด้วยการเป็นสิบแปดมงกุฎมาหลายปี วิธีการเหล่านี้จึงชินตา จะผิดแผกพลิกแพลงก็ไม่มากไม่มาย