"เม่ยเอ๋อร์"
เจินซู่เรียกบุตรสาวที่จ้องซูเหยาจนตาแทบจะลุกเป็นไฟให้ได้สติ
"เซียนเอ๋อร์ พี่รองต้มน้ำแกงมาให้ หวังว่าเจ้าจะไม่ถือโทษกับเรื่องก่อนหน้านี้"
แค่แสร้งสำนึกผิดเหตุใดคนอย่างซูเหยาจะดูไม่ออก
แต่ถึงกระนั้นซูเหยาก็แสร้งเป็นสตรีน้ำใจงามยกโทษให้งูพิษตรงหน้าเพราะนางมีแผนในใจที่จะเอาคืนแล้ว
"องค์ชายเพคะ" ซูเหยาผละออกจากอ้อมกอดของอี้เฟย นางจ้องตาสีเหล็กกล้าอย่างอบอุ่นพร้อมเอ่ย
"หม่อมฉันขอปรับความเข้าใจกับพี่หญิงและฮูหยินรองได้ไหมเพคะ"
อี้เฟยมองซูเหยาสลับกับสองแม่ลูกตรงหน้า พลางมองเลยไปด้านหลังพวกนางเห็นไป๋เจิ้นหยางด้อม ๆ มอง ๆ อยู่จึงไม่ขัดสิ่งที่ซูเหยาขอ
"หวังว่าข้าจะไม่เห็นเจ้ามีแผลอันใดเพิ่มมาอีก"
ก่อนปลีกตัวออกไปอี้เฟยก็ไม่วายพูดเชิงขู่อีกฝ่ายเอาไว้ ทำเอาเจินซู่และเจินเม่ยกัดขบฟันแทบจะหัก
คล้อยหลังอี้เฟย จากสตรีดูเรียบร้อยน่าสงสารกลับเปลี่ยนท่าทีเชิดหน้าชูคอมองสองแม่ลูกคู่แค้นด้วยสายตาเหยียดหยาม
"ขอบคุณพี่รองที่ต้มน้ำแกงมาให้ แต่เซียนเอ๋อร์ปากแตกเช่นนี้คงดื่มน้ำแกงของท่านมิได้"
น้ำเสียงเย้ยหยันนั้นทำเอาเจินเม่ยแทบจะปรี่เข้าไปทำร้ายซูเหยาแต่ถูกเจินซู่รั้งไว้
"เจ้าคงไม่ได้แครงใจในน้ำแกงที่ข้ากับเจินเม่ยทำหรอกนะ"
ประโยคเหน็บแนมแฝงคำว่า 'ใจเสาะกลัวในน้ำแกงจะมียาพิษ' ทำให้คนได้ฟังแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ
"ข้าหรือจะกล้าแครงใจเรื่องน้ำแกงที่น่าอร่อยนั่น หรือไม่เช่นนั้นพวกท่านทั้งสองช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้ข้าดีหรือไม่เจ้าคะ"
"เจ้าจะให้พวกข้ากินเป็นเพื่อนเจ้างั้นรึ"
เจินเม่ยตะคอกกลับด้วยความลนลานจนถูกเจินซู่บีบแขนเล็กนั้นไว้
"ทำไมจะมิได้เล่า"
พูดจบเจินซู่เอื้อมมือหยิบช้อนขึ้นมาตักน้ำแกงไก่ตุ๋นที่ยกมา ทว่า...
"ข้าเชื่อใจท่านแล้ว แต่ตอนนี้เซียนเอ๋อร์เจ็บปากเยี่ยงนักยังทานมิได้จริง ๆ เอาแบบนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ ตรงนั้นน้ำใส อากาศก็กำลังดี พวกเราสามคนไปพายเรือเล่นสักพักแล้วค่อยกลับมาดื่มน้ำแกงนั่นดีหรือไม่"
ซูเหยาเอื้อนเอ่ยเสียงอ่อนน้อม ใบหน้านางเปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสา ทำให้สองแม่ลูกไม่ครางแครงใจกับคำชวนนั้น แถมยังวางแผนการไว้ในใจที่คิดจะร่วมมือกันกำจัดซูเหยาให้สิ้นซากขึ้นมาอีก
"เอาสิ ตรงนั้นมีเรืออยู่สองลำ" เจินซู่เอ่ยขึ้นพร้อมมองไปที่เรือสองลำที่ผูกเชือกรั้งไว้กับเสาไม้
"วันนี้ทั้งสองคนเพิ่งเดินทางมาเหนื่อย ๆ เซียนเอ๋อร์จะเป็นคนพายเรือให้ฮูหยินรองนั่งเองนะเจ้าคะ"
'วันนี้แหละ ข้าจะให้เจ้าเป็นผีเฝ้าแม่น้ำสายนี้เสีย'
"เหตุใดสีหน้าพี่รองถึงได้ดูมีความสุขขนาดนั้น"
จะไม่ให้เจินเม่ยยิ้มได้เยี่ยงไรในเมื่อหัวนางวางแผนชั่วร้ายไว้แล้ว
"รีบไปเถอะ ข้ากับท่านแม่อยากชมทิวทัศน์กลางแม่น้ำแทบแย่แล้ว"
กล่าวจบสองแม่ลูกก็เดินนำหน้าไปยังเรือสองลำที่ว่า ซูเหยามองแผ่นหลังทั้งสองนางพลางกระตุกยิ้มมุมปาก
คิดว่าพวกนางมีแผนร้ายกันแค่สองคนงั้นหรือ ครั้งนี้อย่าหาว่าซูเหยาใจร้ายแล้วกัน
"ท่านแม่พวกเราพายไปดูดอกเหมยต้นนั้นดีไหมเจ้าคะ ดูสิกำลังออกดอกเลย"
เจินเม่ยเอ่ยขึ้น นางนั่งเรืออีกลำ โดยมีทหารคนหนึ่งที่นางใช้อำนาจของลูกแม่ทัพใหญ่บังคับให้มาพายเรือให้พร้อมกับให้เงินค่าปิดปากหากเกิดเหตุอะไรขึ้น
"เอาสิ เซียนเอ๋อร์ไหวหรือไม่" เจินซู่ถามราวห่วงใย ทั้ง ๆ ที่มีแผนในใจไว้แล้ว
"เซียนเอ๋อร์ไหวเจ้าค่ะ"
ซูเหยาแสร้งยิ้มออกมาอย่างเชื่อฟัง นางปล่อยให้เรือของเจินเม่ยพายนำไปก่อน สายตาเฉียบคมมองเห็นบางสิ่งบางอย่างอยู่บนต้นเหมยตรงหน้า
ซูเหยายิ้มออกมาอย่างกักเก็บความสุขในห้วงเวลาต่อจากนี้ไม่ไหว เรือของเจินเม่ยพายไปยังใต้ต้นเหมยต้นนั้นแล้ว ซูเหยาวางไม้พายไว้ชั่วขณะพร้อมก้มลงไปหยิบหินก้อนหนึ่งที่ตกอยู่ในเรือขึ้นมา
ตุ้บ!
"กรี๊ด!!"
เสียงกรีดร้องของเจินเม่ยดังลั่นเรือ
"โอ๊ย!"
ตู้ม!!
เสียงสุดท้ายก่อนที่ร่างแน่งน้อยจะตกเรือไปคือเสียงร้องเหมือนเจ็บปวดของเจินเม่ย
"เม่ยเอ๋อร์!"
เจินซู่ตกใจที่เห็นบุตรสาวตกน้ำไป นางลนลานทำอันใดไม่ถูก สองมือจับขอบเรือชะเง้อมองหาร่างของบุตรสาวในน้ำ
"มัวแต่มองอยู่ไย รีบลงไปช่วยลูกข้าเร็ว!"
เจินซู่ตะโกนบอกทหารที่ช่วยพายเรือให้บุตรสาว ก่อนที่ทหารนายนั้นจะรีบกระโดดน้ำตามลงไปช่วยงมหาร่างคุณหนูรอง
"นี่! เจ้าทำอันใด"
เมื่อเหลือเจินซู่กับซูเหยาบนเรือเพียงสองคน เรือก็เริ่มมีอาการโคลงเคลงสั่นไปมาทำเอาคนว่ายน้ำไม่เก่งอย่างเจินซู่อกสั่นขวัญหายเกรงว่าจะตกน้ำไป
"ท่านแม่นั่งนิ่ง ๆ สิเจ้าคะ"
ซูเหยาตะเบ็งเสียงราวหวาดหวั่นกับเหตุการณ์ตรงหน้า หากแต่ในใจนางกลับรู้สึกตื่นเต้นกับตอนต่อไปของฮูหยินรองใจร้ายผู้นี้นัก
"เจ้าสินั่งนิ่ง ๆ ข้าเวียนหัวแล้ว"
ถูกอย่างที่เจินซู่กล่าว คนที่ควรนั่งนิ่ง ๆ คือเฟิงซูเหยา ต้นเหตุของอาการเรือโคลงเคลงไปมาก็เพราะนางโยกเรือด้วยกำลังภายในนั่นเอง
"ฮูหยินรองอย่าแกล้งเซียนเอ๋อร์สิเจ้าคะ เดี๋ยวเราได้จมลงไปเช่นเดียวกับพี่รองพอดี"
หางตานางเห็นแล้วว่ามีทหารยามที่อยู่ใกล้บริเวณนี้เริ่มให้ความสนใจจึงเพิ่มระดับเสียงให้ดังกังวาลหวังให้คนรอบข้างได้ยินบทสนทนาด้วย
"เจ้าพูดบ้าอะไร เจ้านั่นแหละ..."
"ฮูหยินรอง งู! งูอยู่ด้านหลังท่านเจ้าค่ะ"
งูตัวปัญหาที่ซูเหยาใช้ก้อนหินดีดจนตกลงมากลางเรือเจินเม่ยว่ายหนีความวุ่นวายขึ้นมาบนเรือของนางตามความคาดการณ์ไม่ผิดเพี้ยน ครั้นเจินซู่ได้ยินจึงตกใจรีบกระโจนมาทางซูเหยาตามแผนการณ์
"กรี๊ด!"
ตู้ม!!
สายน้ำกระเซ็นเป็นวงกว้างกว่าตอนเจินเม่ยตกเสียอีก นั่นเพราะครานี้มีคนตกน้ำถึงสองคนอย่างไรล่ะ
'แค้นนี้ข้าขอเอาคืนแทนเซียนเซียนตัวจริงที่พวกท่านเคยรังแกนาง'
ซูเหยาใช้นิ้วทั้งห้ากำรวบเส้นผมของเจินซู่เอาไว้ก่อนจะใช้พละกำลังทั้งหมดโขกศีรษะนางเข้ากับท้องเรือ
แค่ตกน้ำเจินซู่ก็แทบจะเอาตัวไม่รอด นี่กะไรเจอซูเหยากระแทกศีรษะกับไม้แข็ง ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนปวดหนึบและกำลังจะขาดอากาศหายใจ
แควก..!
เมื่อจัดการแก้แค้นสำเร็จเพื่อไม่ให้เป็นการมีพิรุธจนถูกจับได้ซูเหยาจึงฉีกเสื้อผ้าตน ทำผมเผ้าให้หลุดหรุ่ย ขีดข่วนตามแขนและลำคอเพื่อสร้างสถานการณ์ว่าเกิดการต่อสู้กับเจินซู่ในน้ำ
ตู้ม!
เสียงคนกระโดดลงน้ำหลายสิบคนดังขึ้นในเวลาต่อมา เฟิงซูเหยาจึงแสร้งทำเป็นจมน้ำปล่อยให้ร่างตนเองจมลงสู่ก้นแม่น้ำสายนี้