บรรไดสู่การแก้แค้น : 1.2

1529 Words
"แม่ทัพใหญ่ฟ่างบอกเจ้า?" "ท่านพ่อเป็นคนเช่นนั้นหรือเพคะ" เฟิงซูเหยาย้อนกลับ ถึงแม้ชาติก่อนนางจะไม่รู้จักแม่ทัพใหญ่ฟ่างเสวียนสวี่เป็นการส่วนตัว แต่กิตติศัพท์เรื่องความจงรักภักดีและเก็บความลับเก่งของเขาเลื่องชื่อ คำถามของอี้เฟยจึงตอบได้เพียงข้อเดียวคือแม่ทัพฟ่างไม่มีทางนำเรื่องในกองทัพหรือเรื่องส่วนตัวเขามาเล่าสู่ผู้อื่นฟังแน่นอน "เจ้ากำลังจะบอกว่าที่พูดมาคือความสามารถพิเศษที่เจ้าได้มาหลังฟื้นจากความตาย" ไม่อยากจะเชื่อ แต่เขาก็ไม่อยากคิดว่ามันไม่สามารถเป็นจริงได้ "ตอนพระองค์สิบห้าพรรษา เคยถูกลอบทำร้ายครั้งหนึ่งด้วยลูกดอกอาบยาพิษ แผลเป็นที่ใต้อกข้างขวาเป็นเครื่องยืนยันว่าหม่อมฉันพูดเรื่องจริง" อี้เฟยถึงกับตกใจที่เฟิงซูเหยารู้ความลับเรื่องนี้ของเขาได้อย่างถูกต้อง จะไม่ให้นางรู้ได้เช่นไรในเมื่อมือสังหารเมื่อปีนั้นคือนางเอง เพราะความหัวอ่อนเชื่อมั่นให้ใจผู้สั่งการทำให้นางยอมพลีชีพเป็นมือสังหารองค์ชายสามผู้ที่เป็นขวากหนามในการเป็นใหญ่บนแผ่นดินถังแห่งนี้ "นอกจากครั้งนั้น ยังมีครั้งล่าสุดเมื่อหนึ่งเดือนก่อน พระองค์กำลังล่าสัตว์อย่างสุนทรีทว่ากลับมีโจรภูเขากลุ่มหนึ่งเข้ามาลอบสังหาร วันนั้นพระองค์รอดมาได้เพราะสตรีลึกลับนางหนึ่ง" "เจ้าเป็นใครกันแน่" ครั้งนี้อี้เฟยรู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ฟ่างเซียนเซียนตัวจริง วิชาแปลงโฉมมีให้เห็นทั่วยุทธภพ เรื่องนี้คงต้องพิสูจน์ถึงจะรู้แจ้งว่าตัวจริงหรือตัวปลอม พรึ่บ! เพียงเสี้ยววินาทีอี้เฟยออกหมัดเพื่อคว้าตัวสตรีตรงหน้ามาพิสูจน์ เฟิงซูเหยารู้ทันนางไม่หลบ ปล่อยให้บุรุษผู้ใคร่สงสัยจับตัวนางได้ อี้เฟยโอบกอดร่างบางนั้นไว้ข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างเอื้อมไปลูบไล้ตามกรอบหน้าสวยเพื่อหาเนื้อหนังที่คิดว่าใช้แปลงโฉมทว่ากลับไม่พบความผิดปกติใด "องค์ชายสามล่วงเกินหม่อมฉันแล้ว" พึ่บ! อี้เฟยได้สติจึงปล่อยเฟิงซูเหยาออกจากอ้อมกอด 'นางคือฟ่างเซียนเซียนตัวจริง หรือว่าที่นางบอกว่าได้ความสามารถพิเศษมาจะเป็นเรื่องจริง' "โอ๊ย! หม่อมฉันเห็นบางอย่างอีกแล้วเพคะ" อี้เฟยหรี่ตาจ้องจับผิดสตรีใบหน้าสวยที่จ้องตาเขาไม่หลบ "คำทำนายของราชครูในปีที่พระองค์เกิด" หากเป็นเรื่องนี้ใคร ๆ ก็รู้เพราะคำทำนายนั้นถูกป่าวประกาศทั่วทุกแคว้นทั่วบ้านทั่วเมือง "เรื่องนั้นมีอะไร" อี้เฟยหยั่งเชิงถามดู "เรื่องนั้นมีคนอยู่เบื้องหลังเพคะ" "เจ้ากล่าวอะไรออกมาไม่กลัวหัวหลุดจากบ่าหรือไร" "พระองค์อย่างทรงกริ้ว หม่อมฉันแค่ทำตามสวรรค์สั่งมา" สวรรค์ที่ชื่อเฟิงซูเหยา... "หากพระองค์ทรงรักอดีตองค์ฮองเฮา พระองค์ต้องสืบเรื่องนี้คืนความเป็นธรรมให้พระมารดาของพระองค์" "..." "และหม่อมฉันยินดีช่วยพระองค์สืบหาความจริงเรื่องนี้" ทุกคำพูดที่เฟิงซูเหยาเล่าออกมาทำให้อี้เฟยประหลาดใจยิ่งนัก ทว่าเพราะมีความเกี่ยวพันธ์กับมารดาที่จากไปทำให้เขาเริ่มไขว้เขวในคำสอนของมารดา "เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าหากเรื่องที่พูดมาไร้หลักฐาน ข้าสามารถฆ่าล้างตระกูลฟ่างของเจ้าได้" "หม่อมฉันพูดเรื่องจริง ขึ้นอยู่ที่พระองค์จะกล้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตนเองและอดีตฮองเฮาหรือไม่" ดวงตารัตติกาลจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาสีเหล็กกล้าของบุรุษตรงหน้า อี้เฟยราวถูกมนต์สะกด เขาอยากรู้ว่าสิ่งที่สตรีผู้นี้พูดมีความจริงมากน้อยเท่าใด "เจ้าจะช่วยข้าได้อย่างไร" นางเป็นเพียงสตรีอ่อนแอผู้หนึ่งจะมีกำลังอันใดมาช่วยเขาสืบหาความจริง "ขอเพียงเชื่อใจหม่อมฉันและให้หม่อมฉันอยู่เคียงข้างพระองค์" น้ำเสียงของเฟิงซูเหยาทั้งหนักแน่นรวมทั้งแววตามุ่งมั่นดุดันจนบุรุษอย่างเขายอมแพ้ "อยู่เคียงข้างข้า?" "เพคะ พระองค์กับหม่อมฉันจะต้องจัดงานแต่งกันหลอก ๆ หลังจบเรื่องนี้ทางใครทางมัน" "รู้หรือไม่เจ้าพูดสิ่งใดอยู่" "หม่อมฉันรู้ดีเพคะ การเป็นหญิงหม้ายหลังหย่าร้างจะถูกขับออกจากตระกูล" นี่คือกฎหมายของเมืองถังเหลียน เพื่อให้ครอบครัวปองดองรักใคร่ หากคู่ใดแต่งงานแล้วหย่าร้างในเวลาต่อมา ฝ่ายหญิงจะถูกขับออกจากตระกูลเพราะขาดคุณสมบัติการเป็นภรรยาอย่างไม่มีข้อแม้ "เจ้ากล้าเอาศักดิ์ศรีของสตรีมาเดิมพัน งั้นข้าเองก็จะเชื่อผู้ที่สวรรค์ส่งกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งเช่นเจ้าดู" เฟิงซูเหยายิ้มในใจ สมแล้วที่เป็นองค์ชายสามผู้ฉลาดหลักแหลม แผนการแก้แค้นของนางขยับขึ้นมาแล้วหนึ่งขั้น ความตื่นเต้นที่จะได้เอาคืนคนที่หลอกลวงนางทำให้เฟิงซูเหยาแทบจะรอดูวันหายนะของเขาไม่ไหวแล้ว "เรื่องหมั้นหมาย หวังว่าพระองค์จะกระทำเร็วไวนะเพคะ" เพราะนางไม่รู้ว่าจะทนรอแก้แค้นตามแผนการได้นานแค่ไหนเช่นกัน "สุรารสเลิศมาแล้ว" เสียงไป๋เจิ้นหยางดังแทรกขึ้น ด้านหลังเขามีอาถังและต้าลู่ตามมาพร้อมของกินเต็มไม้เต็มมือ "มาได้เวลาพอดี ข้ามีเรื่องสำคัญจะแจ้งแก่พวกเจ้า" ทั้งสามคนที่มาใหม่ถึงกับมองหน้ากัน ส่วนเฟิงซูเหยาทำตัวเก้อเขินหลบสายตาของคนอื่น ๆ ที่มองนางสลับกับองค์ชายอี้เฟย "อย่าบอกนะว่าพวกข้าหายไปไม่กี่เพลาพวกท่านก็ปลูกต้นรักกันแล้ว" ไป๋เจิ้นหยางพูดแหย่เล่นตามประสาคนช่างจ้อ ทว่าสิ่งที่อี้เฟยตอบกลับมาทำเอาทั้งสามคนที่มาใหม่ถึงกับตกตะลึง "ข้ากับแม่นางฟ่างจะหมั้นหมายกัน" เฟิงซูเหยาตกใจเล็กน้อยที่องค์ชายสามผู้นี้ตัดสินใจเร็วขนาดนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นผลดีสำหรับนางอยู่ "คุณชายล้อพวกเราเล่นหรือขอรับ" ต้าลู่ถามอย่างไม่อยากเชื่อหู "เรื่องนี้ใครเขาเอามาพูดเล่นกัน" หมับ! มือหนาเอื้อมไปดึงเฟิงซูเหยาเข้ามาสวมกอดต่อหน้าสายตาทั้งสามคู่ "ข้ากับฟ่างเซียนเซียนจะหมั้นหมายกันเร็ว ๆ นี้ ฝากพวกเจ้าเตรียมตัวจัดงานรื่นเริงด้วย" คงมีเพียงอาถังผู้เดียวที่ยิ้มเขินแสดงความยินดีกับคุณหนูนาง เพราะเจิ้นหยางกับต้าลู่เอาแต่มองอี้เฟยอย่างจับผิด สนิทกันจนมองตาก็รู้ความคิดอีกฝ่ายจะให้เชื่อได้อย่างไรว่างานแต่งในครั้งนี้เกิดจากความรักของบุรุษเย็นชาเช่นเขาได้ "อาถังยินดีกับคุณหนูด้วยนะเจ้าคะ" น้ำตาแห่งความดีใจอันใสซื่อของสาวรับใช้พรั่งพรูออกมา หลังจากนี้อาถังคงนอนตายตาหลับแล้ว มีองค์ชายสามปกป้องคุณหนูนาง สองแม่ลูกนั้นก็ทำอันใดฟ่างเซียนเซียนของนางไม่ได้อีก "เจ้าพาเซียนเซียนกลับที่พักก่อนเถอะ ตอนนี้ลมเริ่มแรงแล้ว" อี้เฟยเปลี่ยนเรียกชื่อเฟิงซูเหยาให้ดูสนิทสนมขึ้น "เพคะ คุณหนูกลับที่พักก่อนเถอะเจ้าค่ะ" "เซียนเอ๋อร์ทูลลา" สตรีทั้งสองนางเดินออกจากกระโจมนี้แล้ว เหลือเพียงบุรุษสามคนที่ยังคงอยู่ที่เดิม "เจ้ากับแม่นางฟ่างกำลังวางแผนทำเรื่องอะไรกันแน่" ไป๋เจิ้นหยางเอ่ยถามศิษย์น้องเสียงเรียบ เขารู้จักนิสัยคนผู้นี้ดี กี่ปีแล้วที่ฟ่างเซียนเซียนแสดงออกว่ามีใจให้แต่อี้เฟยก็ไม่เคยสนใจ แค่ปล่อยให้อยู่กันลำพังเพียงไม่ถึงครึ่งก้านธูปทั้งสองก็ปลงใจจะหมั้นหมายกันเสียแล้ว หากเป็นบุรุษเจ้าสำราญเช่นเขาก็ว่าไปอย่างจะไร้ข้อสงสัยในเรื่องนี้ทันที "เก็บความสงสัยเจ้าไว้ศิษย์พี่ ข้ายังมีงานให้พวกเจ้าทำ" ใช่ว่าอี้เฟยจะไร้ข้อสงสัยในตัวฟ่างเซียนเซียนผู้นั้น เขายังคงมีแผนการในใจเช่นกัน "คุณชาย" ต้าลู่เกือบลืมเหตุผลที่ตนมาพร้อมกับไป๋เจิ้นหยางเสียแล้ว "อะไร" "จดหมายจากตำหนักองค์ชายห้าขอรับ" ต้าลู่ยื่นจดหมายที่ถูกประทับตราส่วนตัวขององค์ชายห้าอี้ซินให้เจ้านายเขา "จดหมายว่าอย่างไรบ้าง" ไป๋เจิ้นหยางเห็นคิ้วที่ผูกปมของสหายรักหลังจากอ่านจดหมายนั้นจบจึงเอ่ยถาม "องค์ชายอี้ซินจะมาที่ค่ายทหารในอีกสองวัน" เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ องค์ชายห้าผู้ที่สงบนิ่ง ชอบเรียนอักษรขับขานกาพย์กลอนจะมาที่ทุรกันดารเช่นนี้ด้วยเหตุอันใด "ยี่สิบปีไม่เคยย่างกรายมาพบปะ เหตุใดครั้งนี้ถึงได้อยากมา" สิ่งที่ไป๋เจิ้นหยางพูดทำให้อี้เฟยยิ่งคิดหนัก เหตุใดตอนนี้เขารู้สึกว่าความสงบรอบตัวเขากำลังลดลง มีแต่ความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้นแทน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD