สองวันต่อมา...
หลังจากที่อี้เฟยแจ้งแก่สหายว่าจะหมั้นหมายกับเฟิงซูเหยา เขาก็ทำตามขนบธรรมเนียมโดยการสู่ขอนางกับเสวียนสวี่ในเช้าวันต่อมา ทว่าเสวียนสวี่กลับยังไม่ตกปากรับคำ เขาไม่ได้ห้ามอี้เฟยหากจะคบหากับบุตรสาว แต่ยังไม่อยากให้ทั้งคู่ใจร้อน หากแต่ให้เรียนรู้ใจกันไปก่อนสักระยะ โดยอนุญาตให้เฟิงซูเหยาอาศัยอยู่ที่ค่ายนี้จนกว่านางจะเบื่อเพื่อทั้งสองจะได้ลองเรียนรู้ใจกันและกัน ซึ่งอี้เฟยมิได้ขัดข้องแต่อย่างใด เพราะเขาเองก็ไม่อยากให้ผลลัพธ์สุดท้ายที่เฟิงซูเหยาจะได้รับกลายเป็นตราบาปตลอดชีวิตของทั้งคู่
ส่วนเฟิงซูเหยาแม้จะผิดแผนไปสักหน่อยแต่ขอแค่ยังได้อยู่ในค่ายทหารแห่งนี้รวมถึงได้อยู่เคียงข้างองค์ชายสามเพื่อวางแผนแก้แค้นขั้นต่อไปก็พอใจแล้ว
"คุณหนูรู้เรื่องหรือยังเจ้าคะ"
อาถังเอ่ยถามเฟิงซูเหยาขณะที่กำลังเติมน้ำอุ่นให้นางเตรียมล้างเนื้อล้างตัวในเช้าวันนี้
"เรื่องอะไร"
เฟิงซูเหยาถามกลับเสียงเรียบเพราะนางไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องเตรียมแผนแก้แค้นคนที่ทรยศนาง
"เรื่องคุณหนูรองไงเจ้าคะ"
เจินเม่ยน่ะหรือ?
จะว่าไปนางเกือบลืมสองแม่ลูกคู่นี้ไปแล้ว เรื่องโจรกระจอกที่สองคนนั้นส่งมาจัดการนาง เฟิงซูเหยายังไม่ได้เอาคืนเลย
"พี่สาวข้าเป็นอะไรรึ หรือว่านางป่วยหนักจนต้องให้ข้ากลับไปดูใจ"
"คุณหนู!"
"ข้าล้อเล่น ตกลงแล้วมีเรื่องอะไร"
ล้อเล่นที่ไหนกัน เฟิงซูเหยาอยากให้สองแม่ลูกนั้นตายตกตามฟ่างเซียนเซียนไปจริง ๆ แต่ถ้าจะตายขอให้ตายด้วยน้ำมือนางคงจะดีกว่า
"บ่าวตกใจหมด คุณหนูอย่าพูดเล่นน่ากลัวแบบนี้อีกนะเจ้าคะ"
"เจ้ากลัวว่าพี่สาวข้าจะตายจริง?"
"เปล่าเจ้าค่ะ บ่าวกลัวว่าคนที่พูดจะไม่ใช่คุณหนูของบ่าว"
"เจ้ากลัวว่าข้าจะเป็นฟ่างเซียนเซียนตัวปลอม?"
"บ่าวกลัวคุณหนูจะถูกภูติผีสิงมากกว่าเจ้าค่ะ"
เฟิงซูเหยาหัวเราะออกมาเบา ๆ
"เจ้าอายุเท่าใดแล้วยังเชื่อเรื่องงมงายพวกนั้นอีก"
ไม่มีหรอกภูติผีปีศาจ เพราะแค่เฟิงซูเหยาผู้นี้ก็น่ากลัวกว่าสิ่งเหล่านั้นแล้ว
"ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับพี่ข้า"
เห็นสาวใช้เงียบไปนางจึงเอ่ยถามอีกครั้ง
"ตอนนี้ฮูหยินรองกับคุณหนูเจินเม่ยอยู่ที่ค่ายแล้วเจ้าค่ะ"
"เจ้าว่าอะไรนะ!?"
ได้ยินข่าวจากอาถังเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจ
"ตอนแรกที่บ่าวรู้เรื่องทั้งสองคนมาที่ค่ายก็ตกใจเหมือนคุณหนูนี่ละเจ้าค่ะ"
สองแม่ลูกคู่นี้ตั้งใจจะทำอะไรอีก หรือว่าลงทุนมาที่กันดารเช่นนี้เพื่อตามมาหาเรื่องนาง?
ถ้าเป็นเรื่องนั้นถือว่าสองคนนี้ลงทุนลงแรงใช่เล่น
แต่ถ้าตามลางสังหรณ์ของเฟิงซูเหยาลึก ๆ แล้วสองแม่ลูกนี้น่าจะมาดูทีท่าว่าเฟิงซูเหยาจะเดาผู้อยู่เบื้องหลังโจรนั้นออกหรือไม่มากกว่า
"งั้นเราต้องรีบไปต้อนรับฮูหยินรองกับพี่ข้าแล้วละ"
มาที่ค่ายได้สี่วันเริ่มรู้สึกเบื่อ ๆ แล้วเหมือนกัน หากได้มีเรื่องมีราวกับสองแม่ลูกนั่นคงคลายเบื่อให้เฟิงซูเหยาได้สักหน่อย
"คุณหนูจะไปพบทั้งสองคนจริงหรือเจ้าคะ เรื่องโจรพวกนั้น..."
แค่หวนคิดถึงวันที่ถูกเอาดาบจ่อคออาถังก็กลัวจนไม่กล้าสู้หน้าสองแม่ลูกนั่นแล้ว
"มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะต้องหลบหน้าพวกนาง"
อาถังได้แต่มองหน้าเฟิงซูเหยาอย่างเป็นห่วง
ห่วงว่าจะถูกกลั่นแกล้งถึงขั้นเลือดตกยางออกอีก
"เจ้าเตรียมชุดสีแดงที่ข้าสวมออกจากจวนวันนั้นให้ที"
"คุณหนูจะใส่ชุดวันนั้นทำไมเจ้าคะ"
"ข้าจะเริ่มตีงูแก้แค้นให้เจ้าที่ถูกดาบจ่อคอ"
เหตุใดถึงบอกว่าแก้แค้นให้สาวใช้อย่างนางกัน คนที่สมควรแก้แค้นให้คือตัวคุณหนูนางมากกว่า ทว่าอาถังก็มิได้ใคร่ถามอย่างที่สงสัย นางเชื่อใจคุณหนูของนางว่าทำการใดย่อมตริตรองมาแล้วอย่างดี
"คุณหนูจะบอกเรื่องนี้กับท่านแม่ทัพใหญ่แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ"
"ข้าบอกเจ้าแล้วเรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับจากท่านพ่อ"
"แล้วเหตุใดคุณหนูถึงกล่าวว่าจะตีงูที่นี่ล่ะเจ้าคะ"
บางครั้งอาถังก็ตามความคิดของคุณหนูนางไม่ทัน
"แค่ตีงูกระจอก ๆ ข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งท่านพ่อให้เสียเวลา ทำตามที่ข้าสั่ง เตรียมชุดนั่นไว้ อีกประเดี๋ยวข้าจะขึ้นจากน้ำแล้ว"
อาถังได้แต่รับคำสั่งเดินออกไปเตรียมชุดที่ว่าให้เฟิงซูเหยาอย่างไร้การไถ่ถามใด ๆ
"ท่านพี่อี้เฟยอยู่ที่ใดเจ้าคะท่านพ่อ"
เจินเม่ยที่เพิ่งเดินทางมาถึงค่ายทหารแห่งนี้ถามถึงบุรุษที่แอบมีใจให้
เพราะนางเคยพบเจออี้เฟยตั้งแต่เด็กบ่อยกว่าฟ่างเซียนเซียนน้องสาวและด้วยความที่อี้เฟยเคารพแม่ทัพใหญ่ฟ่างมากจึงเห็นนางเป็นน้องสาวคนหนึ่งเลยไม่ได้ใส่ใจหากนางจะเรียกเขาแบบนั้น
"องค์ชายฝึกดาบอยู่กับคุณชายไป๋"
เสวียนสวี่ตอบบุตรสาวพร้อมมองหน้าเจินซู่
"เหตุใดเจ้าถึงได้พาเจินเม่ยมาที่ค่ายนี้โดยไม่แจ้งแก่ข้าก่อน"
น้ำเสียงที่ถามออกไปกึ่งไม่พอใจกึ่งเป็นห่วงผสมผสานกัน
"ข้าต้องขออภัยท่านพี่ พอดีว่าเห็นเซียนเอ๋อร์ออกมาหลายวันแล้วแต่ไม่มีใครส่งข่าวกลับจวน พวกเราเลยเป็นห่วงนาง เร่งเดินทางมาดูด้วยตาตนเองว่าปลอดภัยดี"
"ขอบคุณฮูหยินรองที่เป็นห่วงข้า"
เสียงบุคคลที่อยู่ในบทสนทนาดังขึ้น
เจินซู่รีบหันมองตามต้นเสียงนั้นเห็นบุตรสาวของมารหัวใจสวมชุดสีแดงโดดเด่นเดินเข้ามาพร้อมสาวใช้คนสนิท
หากจำไม่ผิดนี่คือชุดที่นางออกจากจวนวันนั้น แต่สภาพยังดูดีไม่มีร่องรอยขาดวิ่นเหมือนไม่มีเรื่องร้ายอันใดเกิดกับนางมาก่อน
"เซียนเอ๋อร์ลูกแม่" เจินซู่รีบตีสองหน้าทำเป็นห่วงใยเฟิงซูเหยาด้วยการถลาเข้ามาสวมกอด สร้างความกระอักกระอ่วนให้คนถูกแสร้งทำดีด้วยจนเกือบอาเจียนออกมา
"เจ้านี่ดวงแข็งเสียจริง"