บทที่ 10 ค่าเลี้ยงดู

1276 Words
อรุณสางกลางไร่เหนือ กลิ่นกรุ่นข้าวต้มหอมละมุนคละคลุ้งทั่วบริเวณบ้านในยามอรุณรุ่งแห่งวันใหม่ คุณลักษมีเห็นสะใภ้คนโปรดตื่นแต่เช้ามาทำข้าวต้มกุ้งจึงเดินเข้าไปหาในห้องครัวด้วยความเร็วรู้สึกแปลกใจ "หนูรสทำอะไรอยู่จ๊ะ กลิ่นหอมฟุ้งจนแม่ท้องร้องแล้วเนี่ย" นางยิ้มแย้มรับอรุณใหม่และเดินตรงเข้ามาหาสะใภ้ "ข้าวต้มกุ้ง ใส่หมูยอที่หั่นเป็นเส้นเล็กๆ แล้วก็ใส่ขึ้นฉ่ายเยอะๆค่ะ" รสาเลยตอบเสียงหวานราวท่องจำ มือเล็กยังคงคนข้าวต้มในหม้อที่ตั้งอยู่บนเตาไฟสีหน้ายิ้มแย้ม "นี่มันอาหารเช้าของโปรดพ่อเลี้ยงสิงห์นี่นา หนูรู้ได้ยังไงจ๊ะ หรือว่าแม่บ้านเป็นคนบอก" "เอ่อ...ค่ะ แม่บ้านบอกให้หนูทำให้คุณสิงห์ทานค่ะ" ครั้นจะตอบว่าพ่อเลี้ยงสิงห์เป็นคนบอกให้ทำให้ทานก็คงคร้านที่จะตอบที่มาที่ไป "คอยดูเถอะว่าจะยอมทานหรือเปล่า แม่อยากจะรู้จริงๆ" คุณลักษมีหรี่ตาคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ "ถ้าคุณรสาปรุงเสร็จหมดแล้วก็เชิญออกไปรับกาแฟที่โต๊ะอาหารเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าจะตักใส่ชามไปเสิร์ฟให้" ป้าจันทร์ผาเดินเข้ามาบอก รสาจึงส่งยิ้มให้นางและเดินออกจากห้องครัวไปพร้อมกับแม่สามี "อ้าว! วันนี้อยู่บ้านรอทานมื้อเช้าหรอกรึ แม่นึกว่าสิงห์จะออกจากบ้านไปตั้งแต่ตีห้าซะอีก" นางเอ่ยทักบุตรชายเสียงประชดหยอกเมื่อเขาเดินลงมาจากชั้นสอง "ผมรู้นะครับว่าคุณแม่ประชดผม" "ก็ลูกชายของแม่มันน่าประชดประชันยิ่งกว่าอะไรดี" "ครับ จะว่าไปแล้วคุณแม่หายเจ็บขาเร็วจังเลยนะครับ ผมไม่เห็นคุณแม่เดินขากะเผลกเหมือนเมื่อวานเลย" สิงห์เอ่ยทักมารดาเสียงประชดประชันกลับไปบ้าง คุณลักษมีเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตนแกล้งเจ็บขาจึงแกล้งขยับมือขึ้นมาเกาะแขนเรียวของสะใภ้สาวไว้ "พอดีเมื่อคืนแม่ทายาเยอะเลยตื่นเช้ามาเหมือนไม่ได้รู้สึกเจ็บขาเลย" นางแก้ต่างก่อนจะทำทีเดินออกจากไปบริเวณหน้าบ้านแก้เก้อเมื่อโดนบุตรชายจับได้ "อย่าบอกนะว่าเธอก็รู้เห็นเรื่องนี้กับคุณแม่" สิงห์ตวัดหางตาไปยังรสาด้วยแววตาคาดโทษ "เปล่านะคะ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง" หญิงสาวก้มหน้างุดและเดินมานั่งลงตรงโต๊ะอาหารข้างกายสิงห์ "ฉันโอนเงินเข้าบัญชีให้เธอแล้วนะ" "คะ?" ใบหน้าสวยหันขวับมามองสามีหนุ่มด้วยสีหน้างุนงง "หูหนวกหรอ ฉันบอกว่าโอนเงินเข้าบัญชีให้เธอแล้ว" "โอนให้ฉันทำไมคะ?" "ค่าเลี้ยงดูมั้ง" เขาตอบกลับเสียงประชดประชันพลางจิบกาแฟจากถ้วยใบเล็กลายดอกไม้ ไอกรุ่นกาแฟกระทบเข้ากับปลายจมูกโด่งทำให้สิ่งขยับถ้วยออกเล็กน้อยและหันกลับมามองภรรยาสาว "ฉันถามจริงๆค่ะ คุณสิงห์โอนเงินเข้าบัญชีของฉันทำไมคะ?" "ก็เธอบอกว่าเธอจะไปสมัครงานไม่ใช่หรอ มันเป็นหน้าที่ของสามีที่ต้องให้เงินภรรยาใช้ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยโอนเข้าบัญชีให้เธอใช้จ่ายส่วนตัว เพราะเราทุกคนต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้" รสาละสายตาจากใบหน้าหล่อคมคายและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตนเอง ข้อความแจ้งเตือนเงินจำนวนหนึ่งแสนบาทเข้าบัญชีทำให้หญิงสาวหันขวับกลับไปมองสามีหนุ่มอีกครั้ง "มันมากเกินไปค่ะ ฉันจะโอนคืนคุณนะคะ ขอเลขบัญชีด้วยค่ะ" รสากดเข้าไปในแอปพลิเคชันโอนเงินของโทรศัพท์มือถือ "เธอกำลังดูถูกสามีตัวเองนะ ฉันให้เงินเธอใช้แค่แสนเดียวเธอบอกว่ามันเยอะทั้งๆที่ฉันสามารถให้เธอได้มากกว่านี้" "แต่ฉันไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มนี่คะ" "อันนี้มันไม่เกี่ยวกับหนี้ ฉันให้เธอเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือยังไง?" สิงห์ทำเสียงดุ "คุณก็จะมาอ้างว่าคุณทำหน้าที่สามีโดยการให้เงินฉันใช้ ไม่ใช่เอาไปแลกกับเรื่องบนเตียงนะ" รสาพูดเสียงเบาพลางเก็บโทรศัพท์มือถือของตนเองลงในกระเป๋ากางเกง "ปากดีนักนะ เรื่องบนเตียงฉันจะเอาเธอตอนไหนก็ได้ไม่เกี่ยวกับเงินหรอก" พ่อเลี้ยงหนุ่มโน้มลงมาใกล้ภรรยาสาว ใบหน้าสวยร้อนผะผ่าวเมื่อได้ยินคำพูดแสนร้ายกาจของสิงห์ "ฉันจะไปปลุกน้องเอมมาทานข้าวต้ม" รสาเบี่ยงตัวหลบสามีหนุ่มแล้วรีบหยัดกายลุกขึ้น เธอกำลังจะหมุนตัวเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสองแต่ทว่าถูกสิงห์รั้งข้อมือเล็กไว้ เขาจึงสังเกตเห็นได้ว่าหญิงสาวไม่ได้สวมแหวนแต่งงานในขณะที่ตนเองก็ไม่ได้สวมมันไว้เช่นเดียวกัน "ทำไมเธอถึงไม่ใส่แหวนแต่งงานล่ะ?" รสาปรายตามองนิ้วนางข้างซ้ายของพ่อเลี้ยงหนุ่มก่อนที่เธอจะเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย "คุณยังไม่ใส่เลย แล้วทำไมฉันต้องใส่ด้วยคะ" มือเล็กสะบัดออกจากการเกาะกุมแล้วจึงเดินตรงไปยังบันได 'ครืดๆๆ' ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของสิงห์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มล้วงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงเห็นว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของนาราจึงกดปุ่มรับสาย รสาหยุดชะงักฝีเท้าและหันกลับมามองสามีหนุ่ม "ครับ" "สิงห์ คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ?" หล่อนเอ่ยถามมาตามสายด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย "คุณแม่แค่กล้ามเนื้อฉีกนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรแล้ว" "ดีจังเลยค่ะ งั้นวันนี้เราเจอกันได้ไหมคะ นาคิดถึงคุณจะแย่" นาราทำเสียงอ้อนเสียจนคนฟังรู้สึกหวั่นไหว แม้รสาจะไม่รู้แน่ชัดว่าสามีของตนคุยกับใคร แต่เธอก็พอจะเดาออกว่าปลายสายน่าจะเป็นนารานั่นเอง "ก็ดีเหมือนกัน วันนี้วันเสาร์เลยว่าจะไม่ออกไปที่ไร่ ถ้างั้นเจอกันที่ร้านกาแฟร้านเดิมตอนเที่ยงก็แล้วกันนะ" สิงห์ตอบไปเท่านั้นแล้วจึงกดปุ่มวางสาย รสาจึงรีบย่องปลายเท้าเดินขึ้นไปยังชั้นสอง "ข้าวต้มมาเสิร์ฟแล้วเจ้า" คำนางเดินออกมาพร้อมกับชามข้าวต้มหอมกรุ่น คุณลักษมีเดินกลับเข้ามายังโต๊ะอาหารพร้อมกับจ้องมองมายังสิงห์ด้วยแววตาที่เปี่ยมสุข นางดีใจที่เห็นบุตรชายกำลังตักข้าวต้มเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย "แล้วหนูรสาไปไหนล่ะ?" "ขึ้นไปตามน้องเอมครับ" สิงห์ตอบในขณะที่เขาตักข้าวต้มเข้าปากอีกครั้ง รสชาติกลมกล่อมละมุนลิ้นทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับรสชาติข้าวต้มรสใหม่จากภรรยาสาว "ตักเข้าปากกินเอากินเอาแบบนี้รู้หรือเปล่าว่าเป็นฝีมือของหนูรสา" มารดาเอ่ยทักขึ้น "คุณแม่พูดอะไรครับ ที่ผมได้กินเมนูนี้ก็เพราะผมบอกเขาว่าผมอยากกินข้าวต้มกุ้งใส่หมูยอที่หั่นเป็นเส้นแล้วก็ใส่ขึ้นฉ่ายเยอะๆ เธอก็เลยตื่นมาทำให้ผมกินนี่ไงครับ" สิงห์ตอบมารดาและก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มเข้าต้มปากอีก นางอึ้งไปเล็กน้อยและรู้สึกแปลกใจแต่ทว่ามันกลับเป็นสัญญาณที่ดี จึงได้แต่คลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อเห็นว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มลดอคติกับรสาลงบ้างแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD