เสียงกรี๊ดลั่นบ้านของหลานสาวทำให้คชาที่เพิ่งกลับเข้ามาบ้านชะงักเท้าแล้วก็รีบเดินเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นที่เป็นที่มาของเสียง เขาเห็นหลานชายสองคนคือนิมิต กับนภาง และนภัสนั่งอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊ก ท่าทางตื่นเต้นของหลานสาวทำให้ผู้เป็นอาระบายยิ้มออกมา...
“ว่าไง เนม นภ เนส มีข่าวดีบอกอาไหม”
“แน่นอนสิคะ ต้องเป็นข่าวดี เนสสอบติดหมอแล้วค่ะอาคีท” นภัสกระโดดจากเก้าอี้แล้ววิ่งตื๋อมากระโดดกอดผู้เป็นอาอย่างดีอกดีใจ นิมิตพี่ชายคนโตที่เรียนจบแล้วและเพิ่งทำงานในบริษัทก็กลับมาลุ้นผลกับน้องสาวก่อนแล้ว ส่วน นภ หรือนภางก็สอบเข้าเรียนแพทย์ได้สองปีแล้ววันนี้เขาก็ไม่นอนที่หอพักและมาลุ้นผลสอบกับน้องสาวเพื่อที่จะฟังข่าวดี ความพยายามและตั้งใจของนภัสในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาสัมฤทธิผลในวันนี้นี่เอง...
“การสอบเข้าได้คือการเริ่มต้น เนสต้องตั้งใจเรียนและก็รักในสิ่งที่เรียนเพราะว่าการเป็นหมอไม่ใช่เรื่องง่าย”
“ค่ะ เนสจะพยายาม” หลานสาวผละจากอ้อมกอดผู้เป็นอา... “แต่เนสก็ดีใจมาก อย่างน้อยเนสก็ทำสำเร็จในก้าวแรก เนสจะพยายามต่อไป”
“ดีมาก” เขาลูบหัวนภัส เด็กสาวเป็นเด็กเรียนดีแต่ไม่ได้เก่งขนาดว่าจะสอบเข้าที่ไหนก็ได้ ดังนั้นการสอบเข้าเรียนหมอต้องใช้ความพยายามมากว่าเด็กฉลาดๆ ที่อ่านหนังสือรอบเดียวก็จำได้หมดอะไรเทือกนั้น
ตอนแรกเห็นนภหลานคนกลางเคยล้อนภัสเวลาที่อ่านหนังสือหนักๆ ว่าพยายามสอบเข้าเรียนหมอเพราะว่าอยากเรียนตามเพื่อนเขาชื่อปรินซ์ที่เขาเคยพามาบ้านแล้วนภัสปลื้มจนคชาขอให้นภางไม่พาเพื่อนมาอีกเพราะยังไม่อยากปวดหัวเกี่ยวกับความรักของวัยรุ่นและเพื่อให้นภัสแน่ใจเรื่องอยากสอบเข้าเรียนหมอเพราะไม่อยากให้ความคิดชั่ววูบของเธอตัดสินสิ่งที่จะต้องเรียนต้องใช้ชีวิตทั้งชีวิตกับอาชีพนั้น...
เขากลัวว่าหลานจะหลงผิดโดยไม่ได้เลือกสิ่งที่ชอบจริงๆ แต่นภัสก็ยืนยันคำเดิม เขาส่งนภัสไปฝึกงานกับเพื่อนที่เป็นหมอแผนกฉุกเฉินที่โรงพยาบาลสิบวัน หลานสาวก็ยังชอบที่จะเป็นหมออยู่ แม้รู้ลักษณะงานบ้างแล้วแสดงว่านภัสเองก็อยากเป็นหมออยู่เขาเลยดีใจด้วยที่หลานสาวสอบติด...
“แล้ว... ดาวล่ะ สอบติดหมอด้วยไหม”
“ดาวไม่ได้สอบเข้าเรียนหมอค่ะ ดาวสอบเข้าบริหารธุรกิจ”
“อ้าว...” คราวนี้ทั้งพี่ๆ ทั้งผู้เป็นอา อุทานพร้อมๆ กันเหมือนว่าเรื่องที่เธอพูดไปนั้นมันเหลือเชื่อมาก
“นึกว่าดาวจะเลือกเรียนหมอเสียอีก เห็นตั้งใจติวกันมาก” นิมิตที่เคยเจอพราวดาวบ้างเอ่ยถามแทนคำถามที่ผู้เป็นอายังไม่ได้ปริปากถาม
“ตอนแรกเนสก็เข้าใจว่าดาวจะสอบเข้าเรียนหมอค่ะ แต่ดาวบอกว่ามีอะไรที่อยากเรียนอยู่แล้ว เขาต้องสานต่องานที่บ้านเพราะว่าเป็นลูกคนเดียว ไม่อยากเรียนหมอด้วย แต่ว่าที่ติวหนังสืออ่านหนังสือเยอะๆ และก็ไปเรียนพิเศษ เพราะว่าอยากใช้ชีวิตเหมือนเด็กม. ปลายให้คุ้มค่าที่สุด ดาวว่าอย่างนั้นน่ะค่ะ”
“อืม... เป็นเด็กที่มีความคิดเป็นของตัวเองจังนะ” นิมิตยังเอ่ยถึง แล้วว่าแต่ดาวสอบได้เรียนที่ไหนล่ะ เนสไม่ลองถามเพื่อนดู
“เดี๋ยวเนสไปโทรหาดาวดีกว่าค่ะ เดี๋ยวมาบอกนะคะ”
นภัสวิ่งตื๋อไปพร้อมกับโทรศัพท์ ส่วนคชายังคงยืนนิ่งคิดอยู่ที่เดิม เขานึกไปถึงเด็กสาวที่วางตัวแบบมีระยะกับเขามากขึ้นหลังจากเหตุการณ์ใกล้ชิดกันวันนั้น พราวดาวยังมาติวหนังสือที่บ้านเขาอีกหลายครั้ง และไม่มีท่าทีอะไร จนเขาคิดว่าพราวดาวเรียนรู้จากเขาเป็นบทเรียนแล้ว
แม้ว่าเด็กนั่นจะทำให้เขาแทบไม่แตะต้องผู้หญิงคนไหนไม่ได้มาหลายเดือน จนเพื่อนร่วมก๊วนหาว่าเขาแปลกไปราวกับคนเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเพราะเอาแต่คิดถึงเนื้อตัวหอมๆ และผิวลื่นมือของพราวดาวจนแทบไม่สนใจคนที่เขาหาเขาพร้อมเครื่องประทินผิวโบ๊ะเต็มหน้าและอาบน้ำหอมจนไม่ได้กลิ่นกายสาวแท้ๆ เขาเคยไล่ให้คู่ขาของเขาไปอาบน้ำให้สะอาดด้วยครีมอาบน้ำของเด็ก ถึงจะปล่อยใจทำการปลอดปล่อยให้หายรุ่มร้อนไปได้ เขาคิดว่าเดี๋ยวเขาคงลืมไปเอง และพราวดาวไปเรียนและเจอโลกที่กว้างขึ้น เจอรุ่นพี่มากมายในมหาวิทยาลัย คงลืมเขาไปเองเช่นกัน...
เด็กคนนั้น คงไม่ได้จำคำสัญญาอะไรอย่างที่บอกไว้หรอก...
“อาไปอาบน้ำก่อนนะ จะอยู่รอกินข้าวเย็นกันทุกคนใช่ไหม” เขาเอ่ยถามหลานชายคนโตที่มักจะออกเที่ยวไม่ค่อยอยู่ติดบ้านช่วงเย็น ส่วนหลานคนกลางก็เรียนหนัก และหลานคนเล็กที่เอาแต่เรียนพิเศษ นานๆ ทีถึงจะอยู่พร้อมหน้าเหมือนวันนี้...
“อยู่ครับ เดี๋ยวตอนตั้งโต๊ะ จะวิดีโอคอลหาพ่อกับแม่ด้วย” นิมิตบอก
คเชนทร์และนภา พี่ชายกับพี่สะใภ้ของเขาเดินทางไปเทรนเกี่ยวกับวิชาแพทย์เฉพาะทางที่ทั้งคู่เรียนเหมือนกันพร้อมๆ กันที่ต่างประเทศ แม้ว่าจะเป็นหมอแต่ว่าก็ไม่เคยอยากให้ลูกสานต่อและให้ลูกเลือกสิ่งที่ชอบ แต่นภางและนภัสก็เลือกเรียนตามพ่อแม่ แต่เรื่องเรียนเฉพาะทางอาจจะไม่ได้เรียนด้านเดียวกับพ่อแม่...
พ่อแม่ที่เป็นหมอคนอื่นคงดีใจที่ลูกสอบเข้าหมอเหมือนตัวเองได้ แต่เขาเชื่อมั่นมากว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้เขาต้องถามย้ำแน่ๆ ว่านภัสต้องการเรียนหมอไหม และจะบอกว่าอนุญาตให้ลูกเปลี่ยนใจหากเรียนไปแล้วไม่ชอบ เพราะว่าพี่ๆ ของเขาใจดีกับลูกมากๆ เขาเลยต้องดุและขรึมๆ กับหลานในบางครั้ง ไม่อย่างนั้นจะบอกไม่ฟัง เด็กๆ เลยค่อนข้างเกรงใจเขามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ทุกคน ดาวบอกว่าสอบติดบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัย C แหละ” นภัสวิ่งตื๋อมาแล้วบอกข่าวดีกับทุกคน คชาที่กำลังเดินขึ้นชั้นบนก็ชะงัก เรียนคณะเดียวกันมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขาอย่างนั้นหรือ...
“ฝากแสดงความยินดีกับดาวด้วยแล้วกัน”
เขาบอกแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน...
คชาเดินไปถึงห้องสิ่งแรกที่เขาทำคือวางกระเป๋าเอกสารที่มีคอมพิวเตอร์เครื่องเล็กน้ำหนักเบาอยู่ในนั้นด้วยบนโต๊ะทำงาน เลื่อนเนกไทจากคอแล้วโยนไปในตะกร้าอย่างแม่นยำ เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกแกะกระดุมแหวกออกเสื้อแต่อกเปล่าเปลือยที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อเพราะเขามักออกกำลังกายเสมอเป็นประจำเพราะเบื่อกับการเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ ซึ่งการออกกำลังกายรักษามันได้... เขาเลยทำจนเป็นนิสัย
กางเกงขายาวเนื้อดีและเข็มขัดถูกปลดออกจากร่างและปราการห่อหุ้มร่างกายชิ้นสุดท้ายก็ถูกโยนไปเก็บอย่างเหมาะเหม็งอีกเช่นเคย ร่างกายเปลือยเปล่าที่คู่ควงเขามักเชยชมและมักลูบไล้อย่างหลงใหลยามที่ผ่านชั่วโมงเร่าร้อนด้วยกันมาแล้วก้าวขาไปยังห้องน้ำช้าๆ
เลือดอุ่นๆ ไหลเวียนจนร้อนฉ่าไปทั่วทุกองคาพยพเพียงแค่นึกถึงหน้าพราวดาวในช่วงเวลาที่ได้กอดจูบกันสั้นๆ แต่สัมผัสเพียงแค่ไม่กี่นาทียังทำให้เขาปั่นป่วนจนแทบคลั่งเพียงแค่นึกถึงเธอ อย่างที่ไม่มีใครมาดับได้
เขาเคยคิดว่าการช่วยเธอให้คิดได้เรื่องเขาแทนที่จะได้บุญ เอาเข้าจริงเขาว่าเขาได้บาปมากกว่าเมื่อเขาเอาแต่จำสัมผัสที่ได้แตะต้องหญิงสาว
น้ำเย็นจากฝักบัวแบบเรนชาวเวอร์ก็แทบไม่ช่วยอะไรเขาเลย กายแกร่งผงาด มันช่างไม่ถูกที่ถูกเวลาและไม่ถูกคนเอาเสียเลย...
“ไอ้คีท... บ้าไปแล้ว” เขาสบถด่าตัวเอง ในยามที่ปล่อยให้มือหนาปลดปล่อยความร้อนรุ่มแล้วคิดถึงหน้าพราวดาวไปด้วย
“อา... พราวดาว เธอทำให้อาคิดถึงแต่เธอแบบนี้ได้ยังไง”
เสียงแหบพร่าเอ่ยถึงเจ้าของดวงหน้าหวาน ที่คงไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าทำให้เขาร้อนรุ่มทรมานแค่ไหน... เธอรู้แล้วจะทำหน้าอย่างไรเมื่อรู้ว่าเขาปลอดปล่อยด้วยตัวเองแล้วนึกถึงหน้าเธอนั้นไปถึงจุดสูงสุดแห่งความสุขได้มากกว่าหาผู้หญิงอื่นมาแทนที่เธอเสียอีก...
คชาเองก็อยากจะบ้ากับเรื่องนี้เหมือนกัน