ตำราแบบเรียนภาษาไทยของเด็กมัธยมปลายไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคชา... ยิ่งมีหนังสือของติวเตอร์ภาษาไทยชื่อดังระดับประเทศอยู่เล่มหนึ่งของนภหลานชายคนกลางที่เพิ่งสอบติดคณะแพทยศาสตร์ไปก่อนนี้แล้วยิ่งง่าย เพราะว่าหนังสือสรุปเนื้อหาทุกอย่างไว้แล้ว ถ้าอ่านให้ครบก็เข้าใจหลักสูตรมัธยมปลายทั้งหมดและทำข้อสอบภาษาไทยในการสอบต่างๆ ได้เกินหกสิบเปอร์เซ็นต์แน่นอน แต่ปัญหาคือเด็กอินเตอร์สองคนอ่อนภาษาไทยอยู่แล้วมาอ่านบทสรุปเลย ยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ เขาเลยสละเวลาจากงานที่ยุ่งเหยิงมาสอนให้
ตอนแรกคิดว่าอาจจะอึดอัดอยู่บ้างที่เพื่อนของหลานสาวมีอาการบอกชัดว่าชอบเขา แต่ตอนที่สอนเธอกลับตั้งใจเรียนไม่วอกแวกเลย สองสาวนั้นหัวไว เมื่ออธิบายก็เข้าใจง่ายดาย โดยเฉพาะยายหลานสาวเอาแต่ชมว่าอาตัวเองสอนเข้าใจดีนักหนา
“หนังสือเขาดี อาแค่ขยายความและอธิบายให้พวกเราเข้าใจ และก็บอกในจุดที่พวกเราไม่เข้าใจได้ มันเลยง่าย” เขาบอกย้ำ และหรุบตามองพราวดาว เจ้าของพวกแก้มใสที่นั่งคิ้วขมวดอยู่กับโจทย์ข้อหนึ่งที่เขาเพิ่งเฉลยไป...
“บางข้อ อาจจะมีคำตอบที่ถูกเกินสองข้อ อันนี้แม้เฉลยข้อเดียว แต่ตามหลักภาษาแล้ว ดาวเห็นว่ามีสองข้อ”
“เป็นไปได้... อาคิดเหมือนดาว คนเฉลยเลือกเฉลยแค่ข้อเดียวเพื่อความน่าเชื่อถือ แต่ข้อสอบบางปีก็เป็นอย่างนี้ ดังนั้นเลือกตอบหนึ่งในสองข้อ ยังไงก็ได้คะแนน บางข้อไม่มีคำตอบ ก็ฟรีคะแนนไป อย่าเสียเวลาคิดกับโจทย์แบบนี้มาก กาข้อที่คิดว่าถูกที่สุดแล้วค่อยมาทวนอีกตอนทำข้อสอบเสร็จหมดแล้ว ยิ่งวิชาที่ไม่ถนัดยิ่งต้องรีบตัดสินใจเพราะจะเสียเวลาทำข้ออื่น”
“ผู้ใหญ่ทำไมต้องทำให้เด็กปวดหัวแบบนี้ด้วยเนาะ” นภัสบ่นพึมพำ
พราวดาวเงยหน้ามามองคชา พยักหน้าเห็นด้วย...
“ผู้ใหญ่ทำไมต้องทำให้เด็กหลงรักแล้วชิ่งแบบนี้ด้วยเนาะ” พูดพึมพำตามเบาๆ หลังจากที่จบคลาสเรียนแล้วถึงได้มีความรู้สึกว่าคนติวช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
“อะไรนะ” คชาได้ยินเสียงแว่วๆ แต่ฟังไม่ถนัด
“เปล่า แค่เห็นด้วยกับเนสค่ะ จริงๆ คำตอบที่ถูกต้องที่สุดของคำถามควรมีข้อเดียว”
คชามองเด็กที่ซ่อนแววเจ้าเล่ห์ไว้ในดวงตาใสๆ นั้นไม่มิดแล้วไม่พยายามมองหญิงสาวในแบบที่ผู้ชายมอง เขารู้ว่าพราวดาวคิดอย่างไรกับเขา แต่อายุที่ห่างกันทำให้เขามองผ่านหน้าตาสดสวยและรูปร่างที่โตเกินวัยของเธอไป
“เนสไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะคะ ถึงเวลาที่โทรหาพ่อกับแม่ด้วย ขอตัวแป๊บนะดาวทำโจทย์กับอาคีทรอไปก่อนนะ” นภัสได้รับสัญญาณที่ตกลงกับพราวดาวเอาไว้ว่าหากพราวดาวทำหมายถึง หาโอกาสให้เพื่อนได้อยู่กับอาคีท สองต่อสองเพื่อจีบอาคีทของตนบ้างเห็นจังหวะเบรกเลยรีบเพื่อตามใจเพื่อน
นภัสรู้ดีว่าเธอยุติความมุ่งมั่นของเพื่อนไม่ได้แต่คิดว่าอาของตัวเองคงมีภูมิต้านทานต่อพราวดาว เลยหาเรื่องไปโทรหาบิดามารดาที่ติดงานอยู่ต่างประเทศอีกยาว
คชามองหลานสาวที่วิ่งปร๋อออกไปโดยไม่ระแวงว่าหลานกำลังหัดทำตัวเจ้าเล่ห์ แต่ที่ระแวงตอนนี้กลับเป็นคนที่จ้องเขาตาใสอยู่ตรงหน้านี่ล่ะ
“จ้องอาทำไมคะ ทำโจทย์ต่อสิ” เขาบอกคนที่วางดินสอแล้วนั่งเท้าคางจ้องหน้าเขา อย่างหลงใหล...
“ขอเบรกก่อนค่ะ เห็นแต่ตัวหนังสือ จะเป็นลม” สายตายังคงจ้องมาที่คชาอย่างแน่วแน่
ความร้อนแล่นพล่านประหลาดในตัวเขา... ถ้าไม่ติดว่าพราวดาวทำตาแป๋วๆ ใส่อยู่นี่คงยกมือตบหน้าผากตัวเองเรียกสติ... เขาเสหน้าไปทางจานขนมหวานแล้วก็บอกเด็กสาว...
“ถ้าจะเบรกก็หาอะไรทานได้นะ ใช้สมองเยอะต้องกินเยอะ เดี๋ยวอาขอไปเช็กอีเมลที่ห้องทำงานหน่อย ถ้าเนสเสร็จแล้วให้เนสไปตามอานะ” คชาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พราวดาวคิดว่ากำลังจะพลาดโอกาสที่จะได้คุยกับเขาแล้วพอเขาก้าวได้สองก้าวเธอก็กระโจนพรวดไปดักหน้าเขาเอาไว้ แต่ว่าจังหวะที่ก้าวนั้นขาสะดุดขาโต๊ะก็เลยโผเข้าหาคชาเต็มๆ แล้วเขาก็รับตัวเธอเอาไว้...
ไม่ได้ตั้งใจจะกอดแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยเหมือนกัน
คชายืนตัวแข็งทื่อ สัมผัสจากคนที่โตเกินวัย และนิสัยเป็นผู้ใหญ่จนเขาเกือบลืมไปแล้วว่ากอดเด็กสาวอยู่... ครั้นพอนึกได้เขายังไม่ผลักเธอออกแต่ถามเสียงเรียบ...
“นี่เราพยายามที่จะโผเข้าหาอางั้นเหรอ” เขาต้องสั่งต้องสอนเด็กจอมแก่แดดนี่แล้วล่ะ
“ดาวเปล่านะคะ ล้มเองจริงๆ ที่พยายามตอนนี้คือพยายามกอดอาคีทให้นานที่สุด อันนี้ยอมรับ” แขนเล็กๆ ของหญิงสาวกอดเขาไม่ปล่อย นั่นยิ่งทำให้ทรวงอกเบียดเข้าหาทรวงอกแข็งๆ ของเขา พราวดาวอาจจะคิดว่ากอดกันแค่อยากได้ไออุ่น... แต่ความจริงคือร่างกายของเขากำลังจะฉาบด้วยไอร้อน
เขารั้งไหล่เธอ พยายามผลักเบาๆ แต่พราวดาวกอดเขาแน่นจนเขาต้องกลอกตา... เขาผิดเองที่ไม่ชัดเจนมากๆ มาโดยตลอด เขาต้องสั่งสอนแล้วสั่งการเธออย่างจริงจัง ก่อนที่พราวดาวจะเสียเด็กมากกว่านี้
“ดาว ทำแบบนี้ไม่ดีนะ ถ้าไม่ได้เป็นอา ดาวรู้ไหมจะเกิดอะไรขึ้น”
พราวดาวกอดเขาแน่น ความอบอุ่นใจ และอิ่มเอมกับกลิ่นหอมของเขาที่เธอเหมือนจะชื่นชอบจนคลั่งไคล้ให้ได้ทำให้เธอยังกอดเขาแน่นในตอนที่เขายืนตัวแข็งและถามคำถามเธอ...
“ดาวรู้หรอกค่ะว่าทำกับคนอื่นแล้วจะเป็นยังไง... เพราะดาวอยากทำอย่างนี้กับอาคีทแค่คนเดียว ไม่เคยคิดกอดคนอื่นหรอก” บอกแล้วก็กอดเขาแน่นขึ้น ซุกหน้าเหมือนจะแทรกซึมเข้าไปในแผ่นอกกว้างของเขาได้
คชากลอกตา ยิ่งหญิงสาวขยับเขายิ่งร้อนไหววูบ อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น แต่เขาพยายามข่มกลั้นความรู้สึกเอาไว้ แล้วบอกหญิงสาวเสียงขรึม
“งั้นดาวก็ควรได้รู้ว่า มันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าดาวยังเล่นแบบนี้อีก”
พอจะรู้ว่านภัสใช้เวลาค่อนข้างนานในการเข้าห้องน้ำและคุยกับครอบครัวที่อยู่ต่างประเทศ เขาพอมีเวลากับพราวดาวมากพอที่จะทำให้เด็กสาวได้รับบทเรียนสักบท
คชาคิดจะสั่งสอนให้พราวดาวรู้จักด้านมืดของผู้ชายที่ไม่ได้ชวนฝัน... เขามั่นใจว่าเธอไม่เคยได้เห็นมาก่อน... มันอาจจะเสียหายบ้างแต่ก็ดีกว่าให้เด็กคนนี้เสียคน... สองแขนเขาโอบพราวดาวกลับให้มาแนบชิดเขามากขึ้น ดูเหมือนหญิงสาวก็สะดุ้งที่เขารัดเธอแน่น...
มือหนาเลื่อนมาที่สะโพกหนั่นแน่นของเด็กสาว กอดเธอแล้วปล้ำให้ลงไปนอนที่พื้นโดยมีเขาทาบทับอยู่อย่างว่องไว... เขาจับมือของพราวดาวกำไว้สองข้าง แล้วฉกหน้าเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าเด็กสาวที่กำลังมองเขาเหมือนช็อกอยู่ จมูกโด่งของเขาซอนไซร้ดวงหน้าหวานและลำคอเธอ ไม่ได้สูดดมความหอมหวานให้เต็มปอดนักเพราะกลัวอดใจไม่ไหว พยายามบอกตัวเองว่าถือเสียว่ากำลังเล่นกับเจ้าลักกี้ หมาโกลเด้นตัวโตของเขาก็แล้วกัน...
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่คิดเมื่อกายสาวนุ่มน่ากอด ผิวเนื้ออ่อนๆ หอมกรุ่นจนเผลอแตะริมฝีปากหนักๆ กับเธออย่างลืมตัว
“อาคีท อื๊อ”
เหมือนพราวดาวจะเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ... คชาได้ยินเสียงเธอตอนที่เขากำลังเม้มเรียวปากอยู่ที่เนินอกของเธอ และมือของเขาสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดและกอบกุมทรวงอกเต็มมือของเธอเอาไว้... ที่เธอร้องฮือ เพราะว่าปลายนิ้วของเขานั้นสัมผัสยอดอกของเธออยู่สองข้าง และกำลังบีบเม้มเกลี่ยมันอยู่ โดยที่บราของเจ้าตัวร่นไปข้างบนเสียเรียบร้อย
ดวงตาของคชาเบิกกว้าง...
นั่นยังไงล่ะ... เขาไม่อยากแม้แต่จะทอดสายตามองพราวดาวเพราะว่าอะไร เขาจะลืมตัวขย้ำเธอจริงๆ น่ะสิ
เกือบเสียผู้ใหญ่แล้วไหมล่ะ
เขาชะงักแล้วถอยออกมาจากคนที่นอนหัวฟู สายตาของพราวดาวมองมาที่เขาเหมือนไม่แน่ใจหลายๆ อย่าง คงตกใจและไม่คิดว่ามันชวนฝันอย่างที่คิด ถือเสียว่าเป็นบทเรียนของเธอก็แล้วกัน...
รอยยิ้มที่มุมปากของคชายกยิ้มขึ้น...
“จำไว้นะดาว ว่าผู้ชาย เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นโดยไม่ต้องมีความรัก ดาวจะไม่มีวันปลอดภัยถ้าไปทำอย่างนี้กับใคร แม้แต่กับอาเอง... ถ้าไม่โตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร อย่าเอาตัวเข้ามาเสี่ยง หน้าที่ดาวคือตั้งใจเรียนเลิกคิดเรื่องอื่น”
เขาบอกเด็กสาวที่กำลังลุกขึ้นมานั่งแล้วดึงบราตัวเองลงมา เขาเกือบจะทุบโต๊ะอย่างอัดอั้นเมื่อเห็นหญิงสาวเลียริมฝีปากตัวเองและขบเม้มเบาๆ จนริมฝีปากที่เขาเผลอสัมผัสจนจำได้ว่านุ่มนวลขนาดไหน...
ถ้านี่ไม่ใช่เด็กสิบแปดที่เขาคิดว่าหากยุ่งไปแล้วคงเต็มไปด้วยปัญหาปวดหัว ไม่ใช่เพื่อนที่เขาคบหาแบบไม่ผูกมัด เขาคงขย้ำดื่มกินเธอไม่ให้เหลือแม้แต่หยาดหยดเดียวแน่ๆ
“อาคีท ใจร้าย”
“อาถึงบอกว่าผู้ชาย ไว้ใจไม่ได้สักคนหรอก... กว่าจะโตดาวควรรักและปกป้องตัวเองจากผู้ชาย เก็บตัวไว้รับผิดชอบตัวเองได้เมื่อไหร่จะมีแฟนก็ยังไม่สาย ยิ่งถ้าเก็บตัวไว้จนแต่งงานเลยยิ่งจะดี”
“แล้วดาวทำให้อาคีทหวั่นไหวใช่ไหมคะ”
“ห๊ะ” เขาชะงัก ถามเหมือนงง เธอฟังเขาบ้างหรือเปล่าวะที่พูดๆ ไป บ้าเอ๊ย
“ก็แค่อยากรู้ว่าดาวหน้าตา ความฉลาด แล้วก็รูปร่าง เข้ามาตรฐานอาคีทไหม ถ้าอาคีทจะคบเป็นแฟน หรือว่าเลือกแต่งงานด้วย ขอคำตอบตามตรงนะคะ ถ้าอาคีทโกหก ดาวขอให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ”
คำถามที่แฝงคำขู่มาในตอนท้ายทำให้คชาเลิกคิ้ว
เขาไม่ชอบโกหกอยู่แล้ว แต่บางเรื่องมันก็ไม่ควรพูดตรงๆ แต่ถ้ามีคนขอคำถามตรงๆ แบบจริงใจล่ะ...
เธอดีพอสำหรับมาตรฐานเขาไหมอย่างนั้นหรือ คชากวาดตามองคนที่กำลังลุกยืนขึ้นเต็มความสูง 167 เซนติเมตรของเธอ เทียบกับสาวไทยถือว่าสูงแต่เทียบกับคนสูง 185 อย่างเขาก็ถือว่าพอดี ดวงหน้าสวยหวานสะดุดตาที่แทบไม่น่าเชื่อว่ารอดตาแมวมองไม่ถูกชวนให้เข้าวงการมาจนตอนนี้ได้อย่างไร อีกทั้งรูปร่างที่เขาสัมผัสด้วยตัวเองเมื่อครู่ก็เย้ายวนใจในระดับรุนแรง เธอโตเต็มวัยแล้ว แต่สำหรับนิสัยเธอไม่ผ่านเพราะความเป็นเด็กของเธอนี่ล่ะ ที่ไม่เข้ากันกับทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น
“ให้เลือกแฟนที่ความสวยหรือว่ารูปร่างเป็นดาวก็พอได้ แต่อาไม่ได้เลือกแฟนด้วยปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมด จะเป็นแฟนอาอย่างน้อยต้องเรียนจบเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้นอาไม่หวั่นไหวกับดาว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
“แต่เมื่อกี้อาคีทเกือบปล้ำดาว ถ้าดาวไม่เรียกอาคีท มันอาจจะเลยเถิด”
คำพูดของเด็กสาวเกือบทำให้เขาสำลักน้ำลายตัวเอง คำว่าโดนถอนหงอกมันรู้สึกอย่างนี้ใช่ไหมนะ
“ผู้ชายก็เป็นอย่างนี้ล่ะ อาบอกแล้วไงว่าไอ้เรื่องแบบนี้ไม่มีความรักก็ทำได้ ถ้าเกิดอาทำลงไปดาวก็เรียกร้องอะไรไม่ได้ และถึงเรื่องเมื่อกี้ถลำลึกไปกว่านี้... อาก็ไม่มีวันเอาดาวมาเป็นแฟน เพราะว่าอาไม่ได้ชอบเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”
“ถ้าสมมติวันหนึ่ง ดาวเรียนจบ อาคีทจะพิจารณาดาวใหม่ไหมคะ”
“ก็จะลองดูว่าจะไปกันได้ไหม” คชารับคำส่งๆ ไม่นึกว่าคำพูดนั้นมันจะกลับมาผูกมัดเขาอีกในภายหลังเลย...
พราวดาวเม้มปาก ทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่อย่างหนักหน่วงในใจ...
“ถ้าอย่างนั้น ดาวจะมาทวงสัญญากับอาคีท ตอนที่เรียนจบแล้ว”
คำพูดที่จริงจังของพราวดาวไม่ได้รับความเชื่อถือจากคชาแม้แต่น้อยนิด เขาคิดว่าอีกเดี๋ยวเธอก็ลืม เขาเองก็จะลืม แม้ว่ารูปร่างยั่วยวนกลิ่นชวนฝันของเธอคงจะลืมยากหน่อยก็ตามที แต่เขาไม่รู้เลยว่าวันที่เธอพูดถึงนั้นมันจะอยู่ใกล้ราวกับกำลังหายใจรดต้นคอเชียวล่ะ