ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนนกที่ถูกหักปีก เจ็บใจชะมัด แต่ฉันเจ็บใจไปจะช่วยอะไร ในเมื่อไปชอบเขาเอง เขาไม่ผิดอะไรสักนิด
“เฮ้ออออ” ฉันถอนหายใจอยู่ภายในห้อง โดยที่ข้างนอกกำลังสนุกกับปาร์ตี้กันอยู่
สักพักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ก๊อกก๊อก ก๊อกก๊อก ใจฉันเต้นตึกตักไปก่อน แค่คิดว่าเขาจะมา
อาาาา ไม่ใช่เขาสินะ เสียงเคาะแบบนี้ นี่ฉันจำแม้กระทั่งเสียงเคาะประตูของเขาหรอเนี่ย น่าตลกชะมัด
ฉันเช็ดคราบน้ำตาแล้วเดินไปเปิดประตู ไม่มีใครสังเกตเห็นหรอก ฉันคิดในใจ
ทันทีที่เปิดประตูออกมา
ยัยเด็กผมทองนมทะลักก็ทักทายฉัน จะว่าไปแต่งตัวชุดเดรสกระโปรงแบบนี้ เธอนี่ยั่วยวนชะมัด พวกผู้ชายถึงหัวปั่นไงล่ะ
“มีอะไรเซเลน่า”
“ฉันไม่เห็นเธอออกไปปาร์ตี้น่ะ ฉันก็เลยลองมาตามดู ไม่สบายหรอ”
“เปล่าๆ ฉันแค่เบื่อบรรยากาศที่มีคนมารวมตัวกันเยอะๆ น่ะ”
“หืมมม งั้นฉันเข้าไปนะ” ยัยนี่ไม่รอช้าก้าวเท้าเข้ามาในห้องฉันโดยพลการ แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรหรอก
“อ่ะ บอกมาได้หรือยังว่าเธอร้องไห้ทำไม”
เห้ย ยัยบ้านี่รู้ได้ไงว่ะ อุตส่าห์เนียนแล้วแท้ๆ
“ป่าวนี่ ใครบอกว่าฉันร้องไห้”
“ก็หน้าเธอมันฟ้อง นี่ลีมินอา ฉันคิดว่าการที่เธอมาขอโทษฉันมันทำให้เราจะได้เป็นเพื่อนกันซะอีก นี่ฉันคิดไปเองหรอ”
“มะ มันก็ใช่อยู่ แต่ว่าจะให้ฉันเล่าเรื่องแบบนี้ให้คนอื่นฟังมันจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรือเปล่า”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ คิดซะว่าฉันเป็นเพื่อนเธอสิ”
น้ำตาที่เหมือนจะแห้งเหือดไปแล้วของฉันกลับทะลักออกมาอีกครั้งเพราะผู้หญิงคนนี้
ทำไมเธอถึงเก่งเรื่องการเป็นที่พึ่งให้คนอื่นจังนะ
.
ฉันเล่าไปจนหมดเปลือก
“โห มินอา น่าส่งสารชะมัด” เธอพูดนิ่งๆ
แต่ตอนนี้แค่คำว่าสงสารก็เพียงพอที่จะทำให้ฉันรู้สึกดีได้สักนิดแล้วล่ะ
ฉันกอดเธอ แล้วเธอก็กอดตอบ จะมีวันที่ฉันเชื่อได้ไหมว่ายัยคนที่ฉันเกลียดที่สุด กำลังปลอบใจฉันอยู่ ตลกชะมัด
แล้วที่ตลกกว่านั้นคือ ฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมามาก
“นี่เธอรู้ความลับฉันแล้วช่วยเก็บไว้ด้วยนะ และฉันจะปิดเรื่องของเธอกับเจ้าแทนคุณในห้องเก็บของไว้เอง”
“เห้ยยยย เธอเห็นหรอ” เด็กสาวผมทองหน้าถอดสี
ฉันไม่ได้ตอบ เพียงแต่ยิ้มชั่วร้ายให้เธอเท่านั้น
“จะออกไปมั้ย อย่างน้อยก็ทำให้เขาเห็นสิว่าเธอเข้มแข็ง” ยัยผมทองพูดยุยง
“แต่ฉันจะทำได้มั้ยนะ” ฉันกังวลใจ
“ไม่เป็นไรฉันจะคอยดูเธอ ถ้าเธอเหมือนจะไม่ไหว ฉันจะไปพาเธอออกมาเอง เพราะงั้นลุกขึ้นแต่งหน้าแต่งตัวซะ”
“อืม” ฉันตอบไปนิ่งๆ พร้อมกับยิ้มน้อยๆ เหตุผลที่พวกผู้ชายพากันหลงรักเด็กผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่แค่รูปโฉมสินะ ฉันก็เริ่มชอบเธอแล้วสิ
ในสวนที่ถูกประดับด้วยไฟสีต่างๆ และอาหารมากมายที่วางเรียงราย ดูก็รู้ว่าสั่งมาจากร้านอาหารหรูๆ บ้านคนรวยจะทำอะไรก็เหมือนเนรมิตได้
ฉันนี่โง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ว่ะ ที่ดันไปชอบคนแบบเขา คนแบบเขาน่ะ คนที่เพียบพร้อมทุกอย่างแบบนั้น
“อ๋าาาาาา ปาร์ตี้สินะ” ฉันพูดด้วยท่าทีเบื่อหน่าย
“หิวมั้ยฉันไปเอาอะไรมาให้กิน” ยัยผมทองถามแบบจริงใจ
“ไม่ล่ะจ้า นี่ฉันว่าเธอกลับไปหากลุ่มเพื่อนเธอก่อนเถอะ ดูพวกนั้นชะเง้อรอเธอจนคอยาวเป็นยีราฟแล้ว”
“ไม่ล่ะ พวกนั้นไม่น่าเป็นห่วงเท่าเธอนี่”
“ฮ่าๆๆ ขอบคุณในความหวังดีนั้นนะ แต่ฉันอยู่ได้จริงๆ เอาไว้ถ้ามีอะไรฉันจะรีบไลน์ไปหาละกัน เอาไอดีมา”
“โอเค โอเค แล้วต้องไลน์มานะ”
“จ้า จ้า แม่คู๊ณณณณ”
ฉันนั่งถอนหายใจอยู่ใต้ต้นไม้คนเดียว
“ออกมาแล้วหรอ ผมเป็นห่วงแทบแย่ เลยให้เซเลน่าซังเข้าไปดู”
แล้วน้ำเสียงที่คุ้นหู ของคนที่ฉันไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ก็ดังขึ้น อะไรกัน เขาจะมาห่วงฉันทำไมก่อน
“ฮ่าๆ พอดีปวดหัวนิดหน่อยหน่ะค่ะ” ฉันหาข้ออ้างเพื่อไม่ให้มีพิรุท
“หืมเป็นอะไรมากมั้ย มีไข้หรือเปล่า” เขายื่นมือเข้ามาเพื่อที่จะเตะหน้าผากฉัน
ฉันปัดทิ้งไปทันที ฉันไม่ต้องการความอ่อนโยนนี้ ไม่เอาเด็ดขาด ก่อนจะถลำเข้าไปมากกว่านี้ ฉันต้องดึงตัวเองออกมาเดี๋ยวนี้ เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ แล้วเดิมที ฉันก็คิดไปเองคนเดียวอยู่แล้ว จะโง่ไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
“เอ๊ะ!!!” เขาตกใจมากที่ฉันปัดมือเขาออก
“เอ่อ ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ อ.นัตสึเมะ คุณกลับไปที่ปาร์ตี้เถอะค่ะ ว่าที่คู่หมั้นคุณกำลังรออยู่หรือเปล่าคะ”
ฉันฝืนยิ้มให้เขาหนึ่งที
ฉันต้องขีดเส้นความรู้สึกตัวเองให้ชัดสักที
“ฉันขอตัวไปเดินหาอะไรทานก่อนนะคะ”
ผมไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่าละเนี่ย ทำไมท่าทีเธอถึงแปลกๆ ไป อุตส่าห์คิดว่าจะเริ่มเปิดใจให้กันแล้วเชียว วัยรุ่นนี่เข้าใจยากใจ ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินจากไป จากตรงนั้น
ปาร์ตี้จบลงไปโดยที่ฉันไม่ได้กินอะไรเลย แงงงง จะว่าไปก็หิวชะมัด ออกไปหาอะไรกินตอนนี้ยังทันมั้ย
ดูเหมือนทุกคนจะกลับไปหมดแล้วนะ
ย่อง ย่อง
ฉันแอบย่องเข้าไปที่ครัวเพื่อไปหาอะไรกิน ขณะที่กำลังเจออาหารจานสุดท้ายที่วางอยู่ก็ตกใจเสียงเรียกสุดขีด
“อ้าว มินอา มาหาอะไรกินหรอ นี่หรือว่าเธอยังไม่ได้กินอะไรเลย”
เสียงนุ่มที่คุ้นหูที่ไม่อยากเจอที่สุดตอนนี้ ทำไมเขาชอบโผล่มาตลอดเลยนะ
แล้วมาตอนไหนไม่มาดันมาตอนที่ฉันกำลังหาอะไรกิน
⇒ ฉันคนที่โกหกตอนนั้นว่ากำลังจะไปหาอะไรกินเพื่อหนีเขา
“อะ เอ่อ พอดีช่วงนี้ฉันกำลังเพิ่มน้ำหนักอยู่ค่ะ ก็เลยว่าจะมาหาอะไรกินเพิ่มหน่อย” โกหกไปซะแล้ว
“คิกๆ เธอนี่โกหกไม่เนียนเลย” เขาพูดพลางลูบหัวฉัน ตอนนี้เขากำลังทำให้ฉันโกรธแล้วนะ จะเรื่องการวางตัวของเขาก็ตาม หรือการที่เขาที่มีว่าที่คู่หมั้นอยู่แล้วมาทำตัวตีสนิทกับเด็กผู้หญิง
หรือว่าเขาไม่ได้คิดว่าฉันเป็นผู้หญิง แงงง จะยังไงก็ชั่งเถอะ เขาไม่สมควรทำเรื่องแบบหน้า ฉันต้องขีดเส้นให้มากกว่านี้
ฉันทำหน้าเครียดแล้วกลั้นใจพูดออกไป
“อ.นัตสึเมะคะ ฉันว่าคุณไม่ควรมาทำตัวตีสนิทกับเด็กผู้หญิงมากเกินไปนะคะ คุณที่มีว่าที่คู่หมั้นแล้ว แถมยังเป็น อ.ประจำชั้นของพวกเรา"
"มาทำตัวตีสนิทกับนักเรียนแบบนี้มันไม่เหมาะสมเลยสักนิดค่ะ มันไม่มีเหตุผลเลย รบกวนช่วยอยู่ให้ห่างจากฉันด้วยนะคะ”
ฉันพูดออกไปแล้ว แล้วก็รีบวิ่งหนีออกมา
นี่เธอกำลังเข้าใจผิดอยู่นะ เรื่องนั้น ชายหนุ่มพึมพำอีกแล้ว
เช้าวันจันทร์ สัปดาห์แห่งวันคริสต์มาสและปีใหม่สินะ ทั้งโรงเรียน อบอวลไปด้วย บรรยากาศการตกแต่งด้วยต้นคริสต์มาสน้อยใหญ่ทั่วโรงเรียน และมีต้นคริสต์มาส ต้นใหญ่ที่สุดถูกวางตั้งไว้เหมือนถูกเนรมิตขึ้นมา แค่หยุดเสาร์-อาทิตย์ ไปแค่สองวัน แต่โรงเรียนโซมะของเรา สามารถเนรมิตสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้ ฮ่าๆ วิถีคนรวยสินะ ฉันคิดในใจ พลางเดินเข้าโรงเรียน
ระหว่างทางบนรถที่นั่งมาไม่มีใครพูดอะไรเลยสักคำ มีแต่ความเงียบ ตอนเดินลงมาจากรถ หลังจากที่ อ.นัตสึเมะขอตัวเข้าไปห้องพักครูก่อน ฉันเดินลงมาหร้อมกับฮารุกะ อยู่ดีๆ หมอนี่ก็เอ่ยปากพูดกับฉันก่อน ซึ่งฉันตกใจมาก
“เธอมีปัญหาอะไรกับพี่หรอ ฉันมองดูเหมือน บรรยากาศระหว่างเธอกับเขามันเปลี่ยนไปน่ะ”
“หืม นายสนใจเรื่องฉันงั้นหรอ นายของเล่นพังๆ” ฉันหยอกเขาไปที
“เปล่า แต่เซลลี่สนใจเธอ และเป็นห่วงเธอน่ะ เธอพูดว่าขอให้ฉันช่วยดูเธอหน่อย”
“ฮ่าๆๆ เพราะยัยผมทองนั่นอีกแล้ว หลงเธอจนยอมทำให้ทุกอย่างเลยใช่มั้ย” ฉันกะพูดแซวแย่เล่น
“อืม ฉันยอมทุกอย่างถ้าเป็นเธอคนนั้น”
เฮ้ย นี่มันบทหนุ่มคลั่งรักเกินไปแล้ว ฉันได้แต่คิดในใจ
เฮ้ออออออ ฉันถอนหายใจยาวแล้วบอกเขาไปว่า
“ฉันไม่เป็นไรหรอก อย่างที่นายเคยบอกตั้งแต่ต้น ฉันควรวางตัวให้เหมาะสมกับพวกนายทั้งสองคน เพราะงั้นไม่ต้องมาคิดมากเรื่องของฉันและรีบไปทำคะแนนกับยัยนั่นเถอะ เห็นว่าเจ้าแทนคุณรุกหนักเลยไม่ใช่หรอ”
“อืม แต่ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้”
“อ๊ะ อ๊ะ หยุดตรงนั้นเลย บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมาห่วง”
เขาผงกหัวให้ฉันหนึ่งที แล้วรีบวิ่งไปหาเด็กสาวผมทองที่กำลังยืนรอเขาอยู่
ขอบใจมากนะฮารุกะ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะช่วยฉันได้ นี่เป็นเรื่องที่ฉันต้องจัดการชีวิตตัวเอง รู้สึกเท่ห์ดีนะเวลาที่พูดแบบนี้ แต่ในใจก็ยังคิดว่าจะทำได้มั้ย เพราะชอบเขาไปซะขนาดนี้ โอ๊ยคิดมากฟุ้งซ่านจัง แล้วเสียงใสก็เรียกชื่อฉันขึ้นมา
“มินอา เข้าไปพร้อมกันมั้ย” ยัยผมทองนี่อีกแล้วหรอ
“มาเรียกชื่อคนอื่นแบบตีสนิทแบบนี้ได้ไง เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นสักหน่อย” ฉันเฉไฉกลบความเขินอาย
“อะไรกันมินอา พวกเราแชร์ความลับสุดเร่าร้อนกันไปแล้ว มันก็ต้องสนิทกันแล้วป่ะ ฮ่าๆ”
“อะไร อะไร ความลับอะไรฉันก็อยากรู้นะ” ชมพูแพรเอ่ยเสียงหวาน
“นั่นสิ นั่นสิ ความลับอันรุ่มร้อนหรอ เธอสองคนทำอะไรแบบนั้นกันด้วยหรอ” รอยยิ้มเทวดาน้อยเอ่ยแซว
“ถ้าบอกมันก็ไม่ใช่ความลับสิ คิกๆ” เด็กสาวผมทองเอ่ยพลางหัวเราะ
อะไรกัน บรรยากาศแบบนี้ ช่วยเยียวยาได้มากจริงๆ ฉันคิดในใจแล้วเดินตามพวกเขาไป
(Talk นัตสึเมะ)
ผมยืนมองกลุ่มเด็กนักเรียนผ่านหน้าต่างชั้นบน ห้องพักครู
ในกลุ่มเด็กนักเรียนที่กำลังเดินเข้ามาในโรงเรียน มีกลุ่มเด็ก 5-6 คนที่กำลังยืนคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่เด็กสาวที่กำลังทำให้ผมหัวปั่นอยู่ช่วงนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นเธอคนนั้น เด็กสาวลูกครึ่งผมดำดัดลอนเล็กๆ ผมหน้าม้าที่ปรกลงมาอย่างเป็นธรรมชาติ ตาชั้นเดียว แต่ดวงตาตากลมโตสไตร์ชาวตะวันออก ริมฝีปากบางให้ความรู้สึกอยากสัมผัส และการแต่งหน้าที่เป็นธรรมชาติ รอยยิ้มที่เธอยิ้มให้กับเพื่อนๆ ดูจริงใจและให้ความรู้สึกอยากปกป้อง
แรกๆ ผมรู้สึกเฉยๆ กับเธอ เธอก็แค่นักเรียนคนหนึ่งทั่วไป มีนิสัยตามแบบฉบับวัยรุ่น รัก โกรธ เกลียด เธอแสดงออกมาอย่างเป็นตัวเอง การเสแสร้งที่น่ารัก และความจริงใจ ผมดูออกหมด อาจเป็นเพราะอายุเราห่างกันด้วย
ผมเข้าหาเธอ โดยการชวนคุยเรื่องที่ทำให้เธอสนใจ แต่กลับกลายเป็นว่า เธอต่างหากที่เป็นฝ่ายเข้าใจผม เหมือนเราจะเริ่มเข้ากันได้ดีขึ้น แล้วผมก็อยากคอยปกป้องรอยยิ้มน้อยๆ ของเธอ แต่ทำไมรู้สึก 2-3 วันมานี่เธอจะหลบหน้าผมตลอด แถมยังพูดอะไรแปลกๆ กับผม เกี่ยวกับเรื่องการวางตัวอีก
ถ้าเป็นเรื่องยูริ ว่าที่คู่หมั้นของผมละก็ ผมก็อยากอธิบายให้เด็กคนนั้นเข้าใจเหมือนกัน
ผมถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วมองนาฬิกาข้อมือ ได้เวลาเข้าไปโฮมรูมกันแล้ว
ผมก้าวเท้าเข้าห้องเรียน สิ่งแรกที่ผมทำคือมองหาเธอ ผมทำแบบนี้ไปโดยตัวเองก็ยังไม่รู้ตัวเลย อาาาา ที่นั่งริมหน้าต่างของเธอ กับสีหน้ากระอักกระอ่วนที่ผมจ้องมองไปที่เธอ เธอกำลังหลบตาผม
“ถ้างั้นวันนี้ก็มีเท่านี้ แล้วอย่าลืมทำเวรกันด้วยนะครับ”
ผมมองไปที่เธออีกทีแต่เธอก็ยังหลบสายตาผมอยู่ดี แต่ไม่เป็นไรหรอก เช้านี้มีวิชาที่ผมต้องสอนอยู่ เดี๋ยวผมจะรีบปรับความเข้าใจกับเธอ ปรับความเข้าใจอะไรก่อนก็ผมไม่ได้ทะเลาะกับเธอสักหน่อย เอาเป็นว่าผมจะคุยกับเธอให้รู้เรื่อง
คาบวิชา ปฏิบัติช่างยนต์
ผมกวาดสายตามองหาเด็กสาว แต่เธอไม่อยู่ในนี้ ผมมองหาซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็ไม่เจอ
เห้ยยยย เกินไปแล้วนะ จะหลบหน้าก็ให้มีขอบเขตหน่อยมั้ย นี่ถึงกับโดดเรียนวิชาของผมเลยรึ โหยัยเด็กคนนี้ จะต่อต้านอะไรขนาดนั้น ผมคิดในใจ
อดห่วงไม่ได้เลยต้องเข้าไปหาเซเลน่าเพื่อถาม เพราะเหมือนช่วงนี้สองคนจะสนิทกัน
“หืม มินอาหรอคะ อยู่ที่ห้องพยาบาลค่ะ เห็นว่าไม่ค่อยสบาย”
“อืม ขอบใจมากนะครับเซเลน่าซัง ฝากเธอช่วยดูคลาสให้ทีนะเดี๋ยวผมมา”
เด็กสาวทำหน้าเลิ่กลั่ก แต่ก็คงจะไม่เป็นปัญหา เด็กคนนี้เก่งวิชานี้มาก ดูแลแทนผมได้อยู่แล้ว แล้วที่สำคัญกับผมเหนือสิ่งอื่นใดตอนนี้คือ ผมอยากเคลียร์ความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเธอ
ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาที่ห้องพยาบาล
หืมใครมาเวลานี้ว่ะ อุตส่าห์คิดว่าคาบนี้คงไม่มีใครมาใช้ห้องนี้แล้วเชียว ชั่งเถอะคงเป็นคนมาเอายาแหละ เด็กสาวคิดในใจ
เสียงม่านเปิดขึ้นมา ร่างใหญ่กำลังนั่งลงบนเตียงของเด็กสาว
“ใจกล้ามากเลยนะครับที่กล้าโดดวิชาของผม” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับใช้มือปิดม่านกั้นระหว่างเตียง
“อะ อ.นัตสึเมะ มาได้ไงคะเนี่ย”
“มาตามหาเด็กนิสัยไม่ดีที่โดดเรียนน่ะสิ”
เขาขยับเข้าไปใกล้เด็กสาว เธอรีบลนลานลุกขึ้นมานั่ง
“อะ เอ่อ ฉันไม่ได้โดดนะคะ ฉันแค่ มะ ไม่สบายค่ะ” เด็กสาวหาข้อแก้ตัว
“ไหน ตัวร้อนหรือเปล่า”
คราวนี้ไม่ใช่แค่ใช้มือเตะ แต่เขากลับเอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากเธอ ลมหายใจอยู่ใกล้จนรู้สึกได้ ริมฝีปากที่กำลังสั่นระริกของเด็กสาวทำให้เขาจะควบคุมตัวเองไม่ไหว แล้วก็ตามคาด เขาประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากเธอ ริมฝีปากน้อยๆ กับสัมผัสแสนเบาบาง
อยู่ดีๆ เด็กสาวก็น้ำตาไหลออกมา
“ขะ ขอโทษ ผมทำให้เธอร้องไห้สินะ ผมควบคุมตัวเองไม่อยู่ เสียสติไปชั่วครู่ผมขอโทษจริงๆ นะ”
เขารู้สึกผิดมากที่ทำให้เธอต้องร้องไห้ เขากำลังจะเดินออกไปจากห้อง เด็กสาวคว้ามือเขาเอาไว้
“ฉันไม่ได้ร้องไห้เพราะถูกจูบ ฉันดีใจที่ถูกจูบ”
“ที่ฉันร้องไห้เพราะฉันเป็นเด็กนิสัยไม่ดีที่ไปหลงรัก อ.ประจำชั้น และเขายังมีคนรักอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง
แล้วพูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
“งั้นฉันก็เป็นผู้ใหญ่นิสัยไม่ดีที่ไปหลงรักเด็กนิสัยไม่ดีสินะ เป็นคนนิสัยไม่ดีเหมือนกัน”
พูดจบเขาก็ละเลงจูบเด็กสาวอีกครั้ง เด็กสาวไม่ต่อต้านและจูบตอบอย่างอ่อนโยน
“อาาา ถ้าแบบนี้ต่อไปผมไม่ไหวแน่” เขาถอนริมฝีปากออกมาแล้วพูด เด็กสาวหน้าแดงก่ำ เขาเดินไปล๊อกประตูห้องพยาบาลอย่างถือวิสาสะ แล้วกลับมาที่เตียงหลังเล็ก เขาจ้องมองเด็กสาวที่หน้าแดงระเรื่อเขาเม้มปากนิดหน่อย แล้วโน้มตัวเข้าไปจูบเธอ เขาสอดลิ้นเข้าไปในปากเธอ"อืมมม"จูบแบบผู้ใหญ่สินะ เธอคิดในใจ
สองมือเริ้มปลดกระดุมเสื้อ ตัวเขาเองแค่ 2 เม็ด เขาเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อเด็กสาว ถอดบราเซียเธอออกมา แล้วก้มลงฟัดกับหน้าอกคัพ E ของเธอ ลีมินอาตัวเล็กก็จริง แต่ตรงส่วนใหญ่ใหญ่เบิ้มพอสมควร เขาจูบลงมาเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ถอดเสื้อจนหมด
"อ๊ะ อื้อ คุณ ซี๊ดส์" เด็กสาวร้องครวญครางอย่างแผ่วเบา เพราะกลัวเสียงเล็ดลอดออกไปจากห้องพยาบาล
เขากางขาเธอออกเล็กน้อย แล้วถามเธอว่า
"พร้อมมั้ย??" เด็กสาวได้แค่พยักหน้า เขากระซิบข้างหูอีกครั้งถามว่า
"ชอบแบบไหนล่ะ" เด็กสาวสะดุ้งเฮือกขณะที่เขาแหย่นิ้วเข้าไปในช่องแคบ
"อ๊ะ อื้อ อืม อ่าาาส์ ชอบแบบไหนฉันไม่รู้เหมือนกันค่ะ"
"ทำไมล่ะ บอกผมได้นะ ชอบหรือไม่ชอบแบบไหน ชอบแบบอ่อนโยนหรือดุเดือดครับ เด็กดี" เขายังไม่หยุดนิ้วอันซุกซน อาา ให้ตายเถอะ ผู้ชายคนนี้อ่อนโยน และสุภาพมาก เขาห่วงความรู้สึกของฉันมาก เด็กสาวคิดในใจแล้วตอบออกไปแผ่วเบาว่า
"ฉันไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าชอบแบบไหน เพราะนี่เป็นครั้งแรกของฉัน" ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก แล้วผละออกจากเธอเล็กน้อย เขาหยุดกิจกรรมไว้ก่อนแล้วถามเธอเพื่อความแน่ใจ "ครั้งแรก?? "
"อืม...ค่ะ" เด็กสาวหน้าแดงกำ พร้อมกับเอาหมอนมากอดปิดร่างกายที่เสื้อผ้าแทบไม่เหลือ
"มินอา พระเจ้าผมขอโทษ" น้ำเสียงเจือไปด้วยความรู้สึดผิด
"ไม่เป็นไรคะ" เธอยิ้มเขินอาย
"ผมน่าจะคิดให้มากกว่านี้ ขอโทษนะ" อาา อบอุ่นจังอ่อนโยนมาก
ฉันหลงรักผู้ชายคนนี้เต็มหัวใจแล้ว เด็กสาวยิ้มให้เขา เขายิ้มกลับมาอย่างอ่อนโยนแล้วจัดระเบียบเสื้อผ้าทั้งของเขาและของเธอให้เข้าที่ เขาต้องอดใจใว้ก่อน
"ครั้งแรกของเธอต้องไม่ใช่ที่ห้องพยาบาทลของโรงเรียนแบบนี้" เขาพูดขึ้น เด็กสาวยิ้มหน้าแดงรับฟัง
“แต่ก่อนอื่นผมอยากอธิบายเรื่องสถานะของผมกับยูริก่อนน่ะ เธอกำลังเข้าใจผิดอยู่”
“ห๊ะ” เด็กสาวตกใจสุดขีด
“อืม ยูริกับผมเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก ยูริมีคนรักอยู่แล้ว แต่ที่บ้านของเธอไม่ยอมรับเขาคนนั้น จะให้เธอแต่งงานกับผู้ชายที่เหมาะสมน่ะ เธอขัดขืนพ่อแม่ไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากแต่งงานกับเขาคนนั้น ก็เลยบอกพ่อกับแม่ว่าคบกับผมอยู่”
“ผมจึงจำใจเป็นแฟนหลอกๆ ของเธอจนกว่า พ่อ-แม่ ของเธอจะยอมรับผู้ชายคนนั้น”
“ผมไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะมาเป็นปัญหาของผมได้จึงตกลงช่วยเธอไป ไม่คิดเลยจริงๆ ว่ามันจะมาเป็นปัญหาเวลาที่ผมชอบใครเข้าจริงๆ”
“ตะ แต่เป็นฉันจะดีหรอคะ ฉันเป็นแค่เด็กนักเรียนของคุณ แถมยังไม่ใช่ตะกูลดังอีก อาจจะไม่เหมาะสมกับคุณก็ได้นะคะ”
“หืม ผมต้องถามคำถามนั้นมากกว่ามั้ย เป็นผมจะดีแน่หรอ ผมอายุมากกว่าอาจจะน่าเบื่อสำหรับเธอ แถมยังต้องปิดเป็นความลับตอนอยู่โรงเรียนอีก ไปเดตกันเหมือนคู่อื่นๆ ก็ไม่ได้ เธอจะไม่เบื่อผมไปก่อ…..”
ผมพูดยังไม่ทันจบเด็กสาวก็กระชากเนกไทผมแล้วดึงผมเข้ามาจูบ
“ฉันไม่เบื่อหรอกค่ะ ฉันจะรอ”
“อาาาา แบบนี้ก็แย่สิ ผมตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว”