EP.13 : ลี มินอา

3937 Words
ฉันเดินออกมาจากห้องเก็บอุปกรณ์ด้วยความโมโห เกินไปแล้วเจ้าแทน ทำแบบนี้มันล้ำเส้นกันชัดๆ ถึงฉันจะบอกว่า จะตั้งใจมองในฐานะผู้ชายก็เถอะ แต่แบบนี้มัน… เจ็บใจ เจ็บใจชะมัด เหนือสิ่งอื่นใดคือ เจ็บใจตัวเองที่ไม่อาจต้านทานหมอนั่นได้เลย นี่คืออาการของคนที่กำลังหวั่นไหวใช่มั้ย หรือหมอนี่กำลังปั่นหัวฉันอยู่ ความคิดยุ่งเหยิงและตีกันไปหมด แต่ทุกอย่างสงบลงได้เพราะมีเสียงนุ่มเรียกขึ้นมา “เซลลี่ เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าแดงๆ” ฮารุพูดขึ้นมาแบบอ่อนโยน “อืม ฮารุ เวลาคนเราหวั่นไหวกับใครสักคนนี่ มันเป็นแบบไหนหรอ” ฉันจะพอรู้มาบ้างเพราะเคยแอบรักพี่ชิน แต่ฉันไม่เคยถูกจู่โจมแบบนี้เลยสักครั้ง ถึงจะโมโหแต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้ ถึงจะเจ็บใจแต่ก็ไม่ยอมสลัดทิ้ง ทั้งๆ ที่หนีได้แต่กลับไม่หนี “อะไรกัน ใจร้ายจังเลยนะ มาปรึกษาเรื่องความรักกับผู้ชายที่ชอบเธอเต็มหัวใจแบบนี้ เซเลน่า เธอมันผู้หญิงใจร้าย” “นี่ก็อีกคน ล้อเล่นไม่เลิกเลย ทำไมเดี๋ยวนี้พวกนายน่ากลัวขึ้น ไม่น่ารักเหมือนเมื่อก่อนเลย หรือว่าเลือดวัยรุ่นมันสูบฉีด” “ฉันไม่ได้ล้อเล่น” “ห๊ะ!!!” ฉันหยุดกึก ระหว่างทางที่เราสองคนกำลังเดินออกจากประตูโรงเรียน ฉันตั้งใจหนีพวกยัยแพรกับเจ้าแทนเลยมาอยู่กับฮารุสองคน เพราะอย่างน้อยฮารุก็ไม่เคยทำให้ฉันอึดอัด “ขอโทษ ทำให้อึดอัดหรือเปล่า” “อืม นิดหนึ่งน่ะ” “จริงๆ ความรู้สึกของฉันทุกคนก็ดูออก เธอเองก็คงพอจะดูออก แต่ถ้าฉันไม่พูดออกไปชัดๆ เธอก็คงจะยังหลอกตัวเองอยู่ว่าฉันไม่ได้ชอบเธอ และฉันเห็นเธอเป็นแค่เพื่อน” “ฉันน่ะ ชอบเธอมาตลอด มองแค่เธอคนเดียวมาตลอด สำหรับคนอย่างฉันที่วันๆ ได้แต่นั่งทำตามคำสั่งของ พ่อ-แม่ การมีตัวตนของเธอ ที่ใช้ชีวิตด้วยการทำตามใจตัวเองของเธอ มันทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับชีวิตอันจืดชืดของฉัน” “ความเอาแต่ใจของเธอ ทำให้ชีวิตของฉันไม่น่าเบื่อแม้แต่วินาทีเดียว” ฮารุยิ้มให้ฉันแบบอ่อนโยน “ที่ยังไม่ได้บอกเพราะยังไม่มีจังหวะที่ดี พอรอแต่จังหวะ ก็เลยต้องมาได้บอกเธอในสถานการณ์แบบนี้ซะได้” “ฮารุ ฉันเอ่อ….” “ที่บอกไปไม่ได้อยากให้เธออึดอัด แค่อยากให้เธอรู้ไว้ว่าฉันไม่ยอมแพ้หรอก” ที่คนเคยพูดไว้ว่า คนเราจะมีช่วงเวลาที่เนื้อหอมที่สุด คงจะจริงแหละ ฉันอาจจะอยู่ในช่วงเวลานั้น “นี่ฮารุ อยากจูบกันมั้ย” “ห๊ะ!!!!” ฮารุตกใจสุดขีด นั่นสิ ฉันก็ตกใจตัวเองเหมือนกันที่กล้าพูดแบบนั้นออกไป “เอ่อ ถ้าไม่อยากก็ไม่เป็นไรนะ นายพูดเองนะว่าฉันเป็นคนเอาแต่ใจ” ฉันกำลังจะเดินหนี และแขนบางๆ ก็ถูกคว้าเอาไว้ก่อน ฮารุประทับรอยจูบลงมาบนริมฝีปากบางๆ ของฉัน ริมฝีปากของเขานุ่มมาก ให้ความรู้สึกที่อ่อนโยน ราวกับดอกซากุระที่กำลังล่องลอยตามลม สภาพของเราทั้งคู่หลังจากผละออกจากกัน ฉัน ⇒ (.//.) ฮารุ ⇒ (0//0) “ใจเต้นแฮะ ฉันเคยอ่านเจอในเว็บว่า ถ้าเราไม่ได้ชอบคนคนนั้น เราจะรู้สึกรังเกียจเวลาถูกจูบ หรือแค่คิวว่าจะจูบก็ขยะแขยงแล้ว ฉันเลยอยากลองดูน่ะ ว่าฉันจะรู้สึกแบบไหน” ฮารุได้แต่นิ่งเงียบ แต่หน้าเขายังอยู่ประมาณนี้เลย (0//0) “อืม รู้สึกดีชะมัด รู้งี้ทำไปตั้งนานแล้ว” ฮารุพูดขึ้นมานิ่งๆ “นะ นั่นสินะ กับคนอื่นนายก็น่าจะรู้สึกแบบนี้ใช่มั้ย” ฉันถามออกไปแก้เขิน “เปล่า นี่จูบแรกของฉันน่ะ” “ห๊ะ!!!!!” ฉันตกใจสุดขีด “โอ้พระเจ้า ฉันปล้นจูบแรกอันแสนมีค่าของผู้ชายแสนอ่อนโยนไปแล้ว พระเจ้าต้องลงโทษฉันแน่ๆ” “ฮ่าๆๆ ใช้คำว่าปล้นไม่ได้หรอก เพราะฉันเป็นคนจูบเธอเองนี่” เดจาวู ฉัน ⇒ (.//.) ฮารุ ⇒ (0//0) เสียงระฆังช่วยชีวิต มันมีอยู่จริง “เซลลี่ ทำไมแอบหนีออกมาก่อนแบบนี้ล่ะ เสียงหวานของชมพูแพร” ร้องเรียกฉัน ฉันโล่งใจมาก เพราะอยู่แบบนี้ต่อไม่ไหวแล้ว “อ้าวแพร มาพอดีเลยกลับกันเลยมั้ย เดี๋ยวรถบ้านฮารุน่าจะมารับแล้วหน่ะ” ฉันกำลังเฉไฉ ลืมไปเลยว่าเราอยู่หน้าประตูโรงเรียน “อืม รอพวกเจ้าแทนก่อนมั้ย สตีฟด้วย” ชมพูแพรพูดขึ้นมา พักหลังมานี้เธอยอมรับเจ้าพวกนี้เพื่อนเป็นอย่างเต็มใจแล้วสินะ ยัยแพรก็โตขึ้นมาบ้างแล้ว “ทำไมฉันต้องรอคนอย่างเจ้าแทนด้วย” ฉันพูดขึ้นมาแบบหงุดหงิด “หืม ทะเลาะอะไรกันหรอ” เสียงที่คุ้นหูกับรอยยิ่มเทวดาน้อยของสตีฟ และเจ้าแทนก็เดินตามมาแบบไม่สบอารมณ์นัก ฉันหลบตาเขา “ป่าวทะเลาะ ทำไมฉันต้องไปทะเลาะกับหมาแมวด้วย” ฉันพูดไปแบบไม่สบอารมณ์ เห็นหน้าหมอนี่แล้วหงุดหงิด “นี่ ให้มันน้อยๆ หน่อยเซลลี่” แทนคุณทำตาขวาง “แงงง สตีฟเจ้าแทนจะแกล้งฉัน” ฉันยืนหลบหลังสตีฟแล้วทำหน้าล้อเลียนเขา “ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าถ้าหมอนี่แกล้งเธอ ให้มาหาฉันทันที” แว๊บแรกฉันเห็นเขาแอบทำหน้าตาน่ากลัว อย่างที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก “ถึงตอนนี้ฉันจะยอมปล่อยให้พวกนายทำตามอำเภอใจ แต่มันไม่ได้หมายความว่าพวกนายจะทำอะไรก็ได้ให้ยัยนี่เสียใจนะ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันไม่ยอมแน่” สายตาของแทนคุณกับฮารุกะจ้องมาที่สเตฟานอย่างขึงขัง นั่นไง สตีฟทำหน้าตาน่ากลัวอีกแล้ว ฉันต้องรับเปลี่ยนบรรยากาศแบบนี้ “โอ๋ๆๆ สตีฟน้อยของฉัน อย่าทำหน้าตาแบบนั้นเลย เทวดาของฉัน” ฉันพูดพลางหยิกแก้มเขา สตีฟหันกลับมายิ้มแบบเทวดาให้ฉันอีกครั้ง อยู่ๆ คำพูดของฮารุก็ผุดขึ้นมาที่หัวของฉัน คำพูดที่ว่า ฉันกำลังหลอกตัวเองอยู่ ว่าคนพวกนี้ไม่ได้คิดอะไรกับฉันมากกว่าคำว่าเพื่อน จริงๆ แล้วสตีฟก็อาจจะเหมือนเจ้าพวกนั้น อาจจะกำลังอึดอัดอยู่ ฉันคิดได้ว่าไม่ควรปล่อยสถานการณ์แบบนี้ผ่านล่วงเลยไป การทำเป็นไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่ายนั่นเป็นการเสียมารยาท สตีฟเพื่อนสมัยเด็กของฉัน ไม่ควรได้รับการปฏิบัติอย่างเมินเฉย “สตีฟ เสาร์นี้ว่างมั้ยฉันจะเข้าไปหาที่บ้าน มีเรื่องจะพูดด้วยน่ะ” “อื้มว่างสิ สำหรับเซลลี่ ฉันว่างตลอดชีวิตเลย” “โอเค เดี๋ยวฉันเข้าไปหานะ” “ครับ” สตีฟยิ้มแป้น ต้องเคลียร์ให้จบ ความรู้สึกพวกนี้ ฉันไม่อยากเสียใครไปทั้งนั้น (Talk ลี มินอา) สวัสดี ฉันชื่อลี มินอา และตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่บนรถ ของบ้านโซมะ กำลังรอหนุ่มสาวพลอดรักกันอยู่ พวกเขาคงไม่รู้ว่าฉันนั่งรอแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ฉันละเกลียดจริงๆ คนจำพวกเธอยัย เซเลน่า คนที่เหมือนกับใส่สูตรโกงมาตั้งแต่เกิด ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา สิ่งแวดล้อมรอบตัว เพื่อนฝูง พี่น้อง หรือแม้กระทั่งเรื่องผู้ชาย คนแบบเธอก็สมบูรณ์แบบทั้งหมด ฉันทำอะไรเธอไม่ได้เลยนอกจากนั่งอิจฉา ใช่ ฉันกำลังนั่งอิจฉาเธออยู่ “เหอะ น่าเบื่อชะมัด” ฉันถอนหายใจและสบถด้วยความเบื่อหน่าย แต่ก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนเอ่ยมาจากเบาะข้างคนขับ “เป็นอะไรหรือครับลี มินอา” หมอนี่คือ อ.ประจำชั้นของฉันเอง เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนนี้แหละเป็นเจ้าของบ้านที่ฉันอาศัยอยู่ ตอนนี้ฉันเป็นตัวร้ายโดยสมบูรณ์แบบแล้ว หลังจากไปปะทะคารมกับยัยหัวทองนั่นมา ไม่จำเป็นต้องมาวางท่าแอ๊บใสชวนอ้วกแบบก่อนนั้นอีกแล้ว “เห้อ เบื่อพวกวัยรุ่นมีความรัก ชวนอ้วกจริงๆ” ฉันพูดออกมาแบบอารมณ์เสีย ไม่จำเป็นต้องวางท่าต่อหน้าใครอีกแล้ว “อะไรกัน พูดเหมือนเธอไม่ใช่วัยรุ่นงั้นแหละ ดูยังไงก็วัยรุ่นอยู่” “ชีวิตวัยรุ่นฉันดับลงตั้งแต่มียัยเซเลน่าเป็นเพื่อนร่วมห้องแล้วค่ะ ไม่มีทางที่ฉันได้เฉิดฉายเลย” “ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นล่ะ เธอก็เป็นเธอนี่ จะไปเปรียบเทียบกับคนอื่นให้มันได้อะไรขึ้นมา น่ารักในแบบของเธอไม่ดีกว่าหรอ ผมว่ามันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ” “เหอะ มาเล่นบท ครูประจำชั้นปลอบใจนักเรียนงั้นหรอ” “ป่าวนี่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเรียน เราสองคนอยู่ในฐานะคนธรรมดาทั้งคู่ เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ได้ตามใจ” ฉันอึ้งไปพักหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่เคร่งกฎระเบียบขนาดนี้ จะมาพูดเรื่องแบบนี้กับฉัน เสียงเปิดประตูรถดังขึ้น ฮารุกะ โซมะขึ้นมานั่งบนรถข้างๆ ฉัน จริงอยู่ว่าฉันสนใจหมอนี่เพราะต้องการแกล้งยัยเซเลน่า แต่ตอนนี้แผนล้มเหลวไปแล้ว ฉันจึงไม่จำเป็นต้องวางตัวกับหมอนี่อีกต่อไป ฉันถอนหายใจใส่หน้าเขา ระหว่างที่รถกำลังแล่น “เห้อออออ” “เอ่อ นี่เธอถอนหายใจใส่คนอื่นแบบนี้มันเสียมารยาทนะ” “หรอ คนที่กล้าจูบผู้หญิงหน้าประตูโรงเรียน กล้าพูดเรื่องมารยาทกับฉันงั้นหรอ” ไม่มีคำตอบจากหมอนี่ มีแต่สีหน้าที่พอจะเป็นคำตอบได้ ⇒ (0//0) “ฉันไม่ได้สนใจหรอก แล้วก็ไม่ใช่คนประเภทที่ชอบเอาเรื่องคนอื่นไปนินทา ถึงฉันจะไม่ชอบยัยเซลลี่ แต่ฉันก็ไม่สนของเล่นพังๆ แบบนายหรอก” “ห๊ะ” ฮารุกะหน้าถอดสี “อืม ของเล่นพังๆ ไง แต่เดิมฉันคิดว่านายเป็นของเล่นที่จะช่วยให้ฉันเอาชนะยัยนั่นได้ แต่เหมือนยัยนั่นจะฉลาดและรอบคอบมาก ฉันไม่สนนายแล้วล่ะ” ฮารุกะหน้าเสีย แต่ไม่ได้เถียงออกมา ฉันดูออกว่าหมอนี่ชอบยัยนั่นเต็มหัวใจ แต่เสียงขำมันมาจากเบาะข้างคนขับต่างหาที่ทำให้ฉันหงุดหงิด “ขำอะไรมิทราบคะ คุณนัตสึเมะ” ไม่ใช่ อ.แล้วสินะเมื่อกี้หมอนั่นพูดเอง “เปล่าๆ เกิดมาฉันพึ่งเคยเห็นหมอนี่โดนตอกหน้าแบบนี้น่ะ ตลกชะมัดคิกๆ” “โถ่ พี่ครับ” “โทษทีๆ อดขำไม่ได้ เธอเป็นแบบนี้น่ารักกว่าเมื่อก่อนอีก ฉันชอบแบบนี้มากกว่านะ คิกๆ” นี่เขาหมายถึงฉันหรอ ชอบที่ฉันเป็นตัวร้ายแบบนี้นะหรอ หมอนี่ตลกดีแฮะ “ชั่งเถอะ เอาเป็นว่าฉันไม่สนใจนายแล้ว ฮารุกะ ต่อไปนี้ต่างคนต่างอยู่เถอะ” คำพูดอวดดีพวกนั้น ฉันพูดมันออกไปได้ก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น พอกลับเข้ามาในห้องที่ฉันต้องอยู่คนเดียว ฉันก็เหงาจับใจ ตอนนี้ฉันไม่มีเพื่อนคบ ฉันไม่มีพ่อแม่คอยให้คำปรึกษา ไม่มีพี่ชายที่คอยมาเที่ยวงานโรงเรียน ไม่มีแม้กระทั่งไลน์ที่จะส่งหาใครสักคนในเวลานี้ ฉันเหงามากนะ ฉันนั่งอยู่ข้างเตียงตัวเองจนเวลาผ่านเลยไปถึงค่ำ ยิ่งค่ำก็ยิ่งย้ำเตือนว่าฉันโดดเดี่ยว ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูแบบมีมารยาท แล้วเสียงแสนสุภาพอ่อนโยนก็เอ่ยขึ้นมา “ลีมินอา วันนี้ออกไปทานข้างนอกกันมั้ยครับ เจ้าฮารุไม่ยอมออกไปเป็นเพื่อนผม” “เหอะ เห็นฉันเป็นน้องแก้ขัดใช่มั้ยคะ” ถึงฉันจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ในใจกลับดีใจมากที่เขามาชวน เพราะถ้าเขาไม่มาชวน ฉันก็ไม่รู้จะผ่านคืนอันโดดเดี่ยวอีกคืนนี้ไปได้ยังไง ถึงแม้แรกๆ จะผ่านมันไปได้ แต่ยิ่งนานยิ่งความรู้สึกเหงากับยิ่งกัดกินใจฉัน “แล้วจะไปมั้ยครับ” “ปะ ไปก็ได้ แค่หิวหรอกนะ” ฉันพูดแก้เขิน “ครับ ผมไปรอที่รถนะ” ฉันนั่งเงียบมาตลอดทาง ไม่ได้ตั้งใจจะเงียบนะ แต่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศของเมืองนี้อยู่ ฉันไม่เคยได้ออกมาข้างนอกตอนกลางคืนเลยตั้งแต่อยู่มา สวยมากจริงๆ ที่จริงพ่อกับแม่ยัดเยียดให้ฉันมาเรียนที่นี่โดยให้เหตุผลว่า ให้มารู้จักบ้านเกิดของแม่ แต่ไม่จริงหรอก พ่อแม่แค่ปัดภาระความรำคาญออกไปจากชีวิต เพื่อที่จะได้เชิดหน้าชูตาน้องสาวฉันอย่างเต็มภาคภูมิ ใช่แล้วลูกสาวคนโตที่ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง พ่อแม่คงอายที่ฉันอยู่ที่นั่น แบบนี้น่าจะดีที่สุดสำหรับคนแบบฉัน “คิดอะไรอยู่หรือครับ” เห้อ หมอนี่จะพูดสุภาพไปถึงไหนกันเนี่ย น่าเบื่อจังคนแบบนี้ “ป่าวค่ะ แค่คิดว่าเมืองนี้ตอนกลางคืนมันสวยดี แล้วก็เลิกพูดจาสุภาพกับฉันเถอะค่ะ ไหนบอกไม่ใช่ครูกับนักเรียนแล้วไง” “ฮ่าๆ ขอโทษนะ พอดีมันติดนิสัยน่ะ” “ที่คุณมาอยู่ประเทศนี้เพราะมาดูแลน้องชายหรือคะ” อยู่ๆ ฉันก็อยากถามออกไป “อืม ใช่ ผมเป็นห่วงเขา เขาเป็นเด็กที่ถูกเปรียบเทียบกับผมมาโดยตลอดโดยที่เขาเองไม่เต็มใจ พ่อแม่ผมเมื่อก่อนท่านก็ค่อนข้างเข้มงวดน่ะ ผมรู้สึกผิดต่อเขาแล้วก็” “ไม่อยากถูกเกลียดสินะ” อยู่ดีๆ ฉันก็พูดออกไปเองตามความรู้สึก เหมือนฉันจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเพราะฉันก็เป็นพี่สาว “เอ๊ะ เธอรู้ได้ยังไง” เขาถามมาแบบตกใจ “ฉันก็มีน้องสาวน่ะ” “ฮ่าๆ งั้นหรอ ครอบครัวแต่ละบ้านก็มีวิถีดำเนินที่ต่างกันไปสินะ แต่บังเอิญจังที่เราดันเหมือนกัน” เขายิ้มอ่อนโยน ความรู้สึกที่ไม่อยากให้น้องเกลียด มันน่าหงุดหงิดที่หมอนี่ดันมารู้เรื่องของฉัน แต่น่าโมโหมากกว่าที่ฉันดันไปรู้สึกดี ว่ามีคนที่เข้าใจฉันกำลังขับรถให้ฉันนั่งอยู่ หัวใจของฉันกำลังเต้นตึกตัก ไม่ได้นะ ลี มินอา นี่ครูประจำชั้นแถมอายุห่างจากเธอถึง 7 ปีเลยนะ เช้าวันต่อมา ในระหว่างรอโฮมรูม ฉันเดินเข้าไปหายัยเซเลน่า ลูกรักพระเจ้า ฉันรู้สึกว่าติดค้างคำขอโทษยัยนี่ และฉันก็ตั้งใจจะขอโทษต่อหน้าเพื่อนในห้องด้วยแหละ เพราะวันนั้นฉันแขวะเธอกลางห้องเรียน ถ้าไม่ขอโทษต่อหน้าคนอื่นคงจะเสียมารยาทน่าดู ถึงแม้ว่าจะน่าขายหน้าก็เถอะ “เซเลน่า” “หืม ลีมินอา มีอะไรหรอ” โหยัยนี่ ออร่าความสวยนี่มันอะไรกันว่ะ แค่ทำหน้านิ่งๆแต่ยังสวยบาดใจขนาดนี้พอลองมองดีๆ แทบไม่มีที่ติเลย ไม่แปลกใจที่เจ้าพวกนี้หลง แล้วฉันก็คงเทียบคนอย่างเธอไม่ติดจริงๆ เห้อ ลาก่อน ชีวิต ม.ปลายแสนเฉิดฉายของฉัน “วันนั้นที่ฉันพูดว่าเธอ เห็นแก่ตัวน่ะ ฉันพูดแรงไปจริงๆ ฉันขอโทษนะ” “ห๊ะ!!!” เซเลน่าทำหน้าตาตกใจแล้วเหมือนจะต้องการให้ฉันพูดซ้ำอีกครั้ง โอ้ยน่าหงุดหงิดชะมัด แต่ชั่งเถอะ เพราะฉันตั้งใจขอโทษยัยนี่จริงๆ “ฉันบอกว่าฉันขอโทษที่วันนั้นว่าเธอ ว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวไงล่ะ” ยัยนั่นยังช๊อคไม่หาย แต่ก็รีบได้สติ ตามสไตร์ของเธอแหละนะ “ลี มินอา อย่าบอกนะว่าเธอเองก็แอบชอบฉัน แล้วการที่เธอทำแบบนั้นเพราะต้องการให้ฉันสนใจเธอ” ยัยบ้านี่จินตนาการไปถึงไหน แล้วทำไมต้องหลงตัวเองขนาดนั้นด้วย ถึงจะเป็นลูกรักพระเจ้าแต่ก็มีมุมติงต๊องสินะ “ฉันไม่ได้ชอบเธอ ฉันแค่อยากมาขอโทษเธอเพราะฉันรู้สึกผิดจริงๆ ยกโทษให้ฉันได้มั้ย เฮ้อออ” ฉันถอนหายใจยาว “อืม ไม่เป็นไรฉันไม่คิดมากหรอก ขอบคุณที่เธอยังอุตส่าห์มาขอโทษฉันนะ” เด็กสาวผมทองยิ้มให้ฉัน ถ้าเป็นเด็กผู้ชายคงหลงเธอไปแล้วแน่ๆ แต่บังเอิญว่าฉันมีคนที่อยู่ในใจแล้วหน่ะ “สวัสดีครับนักเรียนทุกคน ใกล้จะถึงคริสต์มาสแล้วนะครับ ปีนี้หนาวกว่าทุกปี ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะครับ” เสียงอ่อนนุ่มเสนสุภาพ ที่เหมือนได้ยินแล้วจะลืมความหนาวไปได้ซะเดี๋ยวนั้น แววตาสีน้ำตาลแสนอ่อนโยนกำลังมองมาที่ฉัน ฉันไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย เขากำลังมองมาที่ฉันอยู่ ตอนนี้ใจฉันเต้นรัวเหมือนมีใครมาตีกลองอยู่ในอก “โห นัตสึ อะไรกันน่าเบื่อชะมัด ช่วยพูดอะไรที่มันน่าตื่นเต้นหน่อยสิ” เพื่อนในห้องโวยขึ้นมา ตอนนี้ในห้องเราสนิทกับ อ.นัตสึเมะ และนักเรียนชายก็เรียกเขาว่านัตสึ ตามการ์ตูน “ใช่ๆ น่าเบื่อชะมัด น่าจะมีปาร์ตี้ บ้างนะว่ามั้ย” “เนาะพวกเรา ปาร์ตี้ก็ดีนะ ปาร์ตี้รวมห้องไง ให้นัตสึเลี้ยง” “ใช่ๆ ที่บ้านนัตสึเป็นไง ปาตี้วันหยุด ไม่ผิดกฎโรงเรียนด้วย” เพื่อนในห้อง เออ ออ กัน แล้วแอะอะกันใหญ่ สีหน้าของ อ.นัตสึเมะ คือกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมาก ต่างกับเจ้าฮารุกะโดยสิ้นเชิง หมอนั่นมักปฎิเสธทุกคนได้แบบไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง ยกเว้นยัยหัวทองนั่นหมอนั่นคงปฏิเสธไม่ลง แต่ คนคนนี้ ดูยังไงก็เป็นคน ที่ปฎิเสธคนไม่เป็นสินะ ท่าทางเลิ่กลั่กนั่นน่าขำชะมัด คิกๆ ฉันแอบขำในใจ “เอางี้มั้ย สอบเก็บคะแนนวันนี้ ถ้าห้องเราไม่มีใครตกสักคน ครูจะจัดปาร์ตี้ตามที่พวกเธอขอให้” หืมมมม ถึงจะดูงกๆเงิ่นๆ แต่ก็เป็นคนฉลาดพอตัวนี่หน่า กล้าเสนอข้อแลกเปลี่ยนแบบนี้ ไม่ธรรมดาแล้วคนแบบนี้ ฉันคิดในใจ แน่นอนว่าทุกคนในห้องตอบตกลง และเป็นไปตามคาด ห้อง 1 ของเราไม่มีใครตกสักคน แถมยังได้เกิน 80/100 ทุกคนด้วย “นัตสึ สุดสัปดาห์นี้เตรียมตัวเลยนะ พวกเราจะไปถล่มของกินบ้านโซมะกัน” เย้ๆๆๆ เสียงดีใจของทุกคนในห้อง แล้วฉันก็ยังแอบดีใจด้วย อ.นัตสึเมะ ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนและมองมาที่ฉัน ทำไมรู้สึกว่าหมู่นี้เขามองมาที่ฉันบ่อยจัง อ้ายยยยย ไม่ไหวๆ ผีหลงตัวเองต้องมาสิงฉันแน่ ออกไปเดี๋ยวนี้นะเจ้าผีร้าย เช้าวันเสาร์ ถึงเวลาเตรียมงานแล้ว พวกยัยเซเลน่าถูกขอให้มาช่วยงานสินะ เสียงเอะอะโวยวายกันเชียว งานจะเริ่มตอนเย็น เพราะว่าเป็นแค่นักเรียน ม.ปลาย ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เลยโนแอลกอฮอล์สินะ ว่าแต่ประเทศนี้ บรรลุนิติภาวะตอนอายุ 18 ปี ใช่มั้ยนะ ฉันเดินไปคิดไป จนมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องเก็บของ ได้ยินเสียงสองคุยคนกันเบาๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะ แต่หูมันไปได้ยินเอง ยัยเซลลี่กับเจ้าแทนคุณหรอ “ปะ ปล่อยนะแทน นายเลิกทำแบบนี้ซักทีเถอะ” “บทลงโทษสำหรับเธอที่ไปกระดิกหางให้คนอื่นไปทั่วไงล่ะ” โอ้มายด์ก๊อด นี่มันฉากรักอันตรายนายกับบ่าวหรือยังไงว่ะนี่ ฉันคิดในใจ ฉันทนฟังไม่ไหว รีบเดินหนีออกมา แล้วที่สวนด้านนอกฉันก็มาพบกับเขา ผู้ชายแสนสุภาพและอบอุ่น ผมสีน้ำตาลแดงสะท้อนแสงอาทิตย์ยิ่งดูเด่น นัยน์ตาสีน้ำตาลเปล่งประกายที่เหมือนจะดูดกลืนคนแบบฉันเข้าไป ฉันเกลียดเวลาใจเต้นตึกตักแบบนี้ เพราะมันทำให้ฉันต้องยอมรับตัวเองว่าฉันได้ชอบหมอนี่เข้าให้แล้ว “เอ่อ อ.นัตสึเมะ กำลังเตรียมงานอยู่หรอคะ พอจะมีอะไรที่ฉันจะช่วยได้มั้ยคะ” “อืม ช่วยเตรียมพวกจานกับแก้วให้ครบจำนวนคนทีสิ ห้องเรามีนักเรียน 32 คน แล้วน่าจะมากันครบเลย แต่เตรียมเผื่อให้หน่อยก็ดีนะ” รอบคอบจังเลยแฮะ ผู้ชายคนนี้ “ได้ค่ะ ใว้ใจฉันได้เลย” ฉันตอบไปแบบกะตือรือร้น คิกๆ อยู่ๆเขาก็ขำขึ้นมา “ขำอะไรคะ” “ป่าว แค่คิดว่าเธอเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนน่ะ จะว่าไงดี เธอที่เป็นอยู่ตอนนี้ดูสมเป็นเธอมากกว่าอีก” “เธอที่เมื่อก่อนเอาแต่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น หรือเธอที่แกล้งทำเป็นคนพูดจาร้ายทำตัวร้ายๆ พวกนั้นไม่สมเป็นเธอเลย เธอในตอนนี้ทั้งสวยทั้งเปล่งประกายสมเป็นนักเรียน ม.ปลายที่สุดเลย” ตึกตัก ตึกตัก อาาาา ใจโคตรเต้นแรง ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นเวลาพูดถึงฉันด้วยนะ ใบหน้าอ่อนโยนแบบนั้น มันจะทำให้ฉันห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้วนะคะ ถึงจะรู้สถานะตัวเองดี แต่แบบนี้มันกี้โกงชัดๆเลย ทำฉันใจเต้นอยู่คนเดียว ฉันจะทนได้นานสักแค่ไหนเชียว สักพักก็เหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาต่อหน้าฉัน “พี่ครับ ว่าที่พี่สะใภ้มาแล้วครับ” ฮารุกะพูด พร้อมเดินมากับหญิงสาวที่สวยมากๆคนหนึ่ง เธอสวยมากจริงๆ ถ้าไม่นับยัยเซลลี่เธอคนนี้คงจะสวยที่สุดในเรื่องนี้แล้ว ผมดำขลับ ตากลมโตในชุดกิโมโน “อ้าวมาแล้วหรอ ยูริ นี่นักเรียนของฉันเอง ชื่อลี มินอา” ฮ่าๆๆ ฉันล่ะโคตรขำในความโง่ของตัวเอง ฉันแม่งโคตรโง่ ลืมคิดไปได้ไงว่าคนแบบเขาจะไม่มีคนรัก ฉันมันโง่ชะมัด เพราะมัวแต่หลงดีใจ หรือเพราะตามืดบอดที่ชอบเขา ถ้าเขาไม่มีคนรักสิแปลก หลงเขาซะจนลืมข้อนี้ไปเลย โง่ชะมัด ยัยโง่ ฉันได้แต่ด่าตัวเองในใจ กับน้ำตาที่ต้องเก็บกลั้นใว้ ถึงจะแสดงละครเก่งแค่ไหนแต่ครั้งนี้ก็เกือบไม่ไหว ฝืนเต็มที่แล้วยิ้มออกไป “สวัสดีค่ะ ลี มินอาเองค่ะ เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน แล้วก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของฮารุกะค่ะ” “แหมน่ารักจังเลยค่ะ ชีวิตสาว ม.ปลายสินะ คิดถึงจังเลยเนาะ นัตสึ” “อืม” อ.นัตสึเมะ ตอบไปแบบนิ่งๆ แล้วยิ้มให้เธอคนนั้น “งั้นฉันเช็คพวกภาชนะเสร็จแล้วขอตัวไปทำอย่างอื่นก่อนนะคะ” ฉันพูดแล้วรีบเดินหนีออกมา คู่หมั่นแล้วก็เพื่อนสมัยเรียนหรอ ฮ่าๆๆๆ คนแบบเธอจะเอาอะไรไปสู้เขา ลีมินอา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD