เนื่องจากวันเสาร์มีแพลนปาร์ตี้บ้านโซมะกันขึ้นมากะทันหัน ฉันจึงมาหาสตีฟเย็นวันศุกร์ที่บ้านของเขา
“เอ่อ.. สตีฟ เรื่องที่ฉันจะพูดวันนี้”
“ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ช่วยฟังเรื่องของฉันก่อนได้มั้ย”
นัยน์ตาสีน้ำข้าวหม่นๆ และแววตาแสนเศร้าสร้อยผิดจากนิสัยของเขา
ฉันนั่งลงบนโซฟาตัวเดิม แล้วเขาก็ล้มตัวลงนอนหนุนตักเหมือนเดิม ทุกอย่างที่เราเคยทำ ฉันยังทำเหมือนเดิม
ฉันลูบผมเขาเล่น
“อืม ฉันจะฟัง”
( Talk สเตฟาน)
เรื่องราวของฉันตอนอายุ 8 ขวบ
“ทุกวันที่ฉันลืมตาตื่นขึ้นมา ในเมืองที่มีแต่คนไม่รู้จัก ตอนนั้นฉันยังเด็กและมีเรื่องที่คิดไม่ตกเยอะแยะ ทุกวันที่ฉันต้องไปโรงเรียนและถูกล้อเลียนด้วยหน้าตาที่เหมือนกับเด็กผู้หญิง เด็กผู้ชายก็ไม่คบ เด็กผู้หญิงก็ไม่แล”
“เรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของฉันเลยก็ว่าได้ ฉันรู้สึกไร้ค่าขนาดที่ว่าถามตัวเองทุกวันว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม ด้วยความที่เป็นเด็ก และฉันก็ไม่มีความกล้าพอที่จะบอก พ่อ-แม่ หรือใครเลย”
“ได้แต่ใช้ชีวิตไปวันๆ เหมือนกับหุ่นยนต์ไร้หัวใจ โดนล้อจนไม่มีแรงจะตอบสนองสิ่งเร้าพวกนั้นอีกแล้ว มันเหมือนเกือบจะหลุดโลกไปแล้ว อีกแค่นิดเดียว นิดเดียวจริงๆ แล้วอยู่ๆ เธอก็มาทักฉันที่โรงฝึก”
เด็กผู้หญิงแสนสดใส กับหน้าตาเปื้อนยิ้ม
“ฉันมองเธอที่ถูกพี่ชายผลัดกันมารับมาส่งอยู่หลายวัน เข้าใจไปว่าเธอมีแต่คนที่ให้ความรักและความอบอุ่น และคิดเองเออเองว่าคนอย่างเธอไม่มีทางมาเข้าใจคนแบบฉันหรอก คนที่มีพร้อมทุกอย่างแบบเธอ”
“แต่วันนั้นที่เธอปกป้องฉันจากเด็กเกเร ด้วยสองมือเล็กๆ ของเธอนั้น การขอเป็นเพื่อนแบบจริงใจ เธอที่มองเห็นฉันว่าฉันน่ารักขนาดไหน รู้มั้ยหลังจากที่เธอพูดว่า ฉันเป็นเทวดาของเธอ ฉันก็ยิ่งอยากทำตัวให้สมกับที่เธออยากให้เป็น”
“นั่นคือที่มาของฉันในเวอร์ชันเทวดายังไงล่ะ”
อยู่ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาจากดวงตาสีเขียวมรกต ตัวฉันวันนั้นทำให้เขาฝืนใจที่จะมาเป็นแบบทุกวันนี้หรือป่าวนะ
“หืมร้องไห้ทำไม ฉันไม่ได้ฝืนใจที่จะเป็นฉันแบบทุกวันนี้นะ จริงๆ ทุกวันฉันชอบที่จะเป็นเทวดาน้อยนะ เพราะการทำตัวแบบนี้มันหาเพื่อนได้ง่ายกว่าน่ะ ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ”
“เธอเป็นฮีโร่ของฉัน เซเลน่า”
เด็กหนุ่มพูดพลางลุกขึ้นมาปาดน้ำตาให้ฉัน
“ฉันรักเธอ เซลลี่ ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเธอ มันซื่อและบริสุทธิ์มากกว่าการพยายามทำอะไรเพื่อตัวเองอีก เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องกังวลเรื่องที่ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของฉันได้หรอกนะ สายตาเธอกำลังมองใครอยู่ เรื่องนั้นฉันรู้ดียิ่งกว่าใคร แค่เธอเป็นเธออย่างทุกวันนี้ก็พอ”
ฮือออ สตีฟ เพื่อนรักของฉัน ฉันโผเข้ากอดเขาด้วยความจริงใจ
“ถึงการขอของฉันจะดูขี้โกงและเห็นแก่ตัวขนาดไหน แต่ถ้าฉันจะขอให้นายอยู่ข้างๆ ฉันตลอดไป จะได้มั้ย”
“หืม ฉันบอกแล้วไงว่า สำหรับเธอ ฉันว่างตลอดชีวิต คิกๆ”
เด็กๆ อาหารเสร็จแล้วนะจ๊ะ
ครับ/ค่ะ
“อาหารอร่อยมาเลยค่ะ คุณแม่สตีฟ ขอบคุณมากนะคะ”
“อุ้ยตาย ชมคนแก่แบบนี้เขินแย่เลย แล้วหนูเซเลน่าจ๊ะ ช่วยอะไรน้าสักอย่างได้มั้ยจ๊ะ” เธอทำท่าอึกอัก
“ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เกินกำลังหนูพร้อมช่วยทุกอย่างเลยค่ะ” ฉันยิ้ม
“ช่วยเรียกน้าว่า มัม เหมือนสตีฟทีได้มั้ยจ๊ะ” ฮ่าๆ คนคนนี้อยากมีลูกสาวจริงๆ ด้วย
“มัม แบบนี้เซลลี่เขาลำบากใจนะครับ”
“ค่ะ มัม อาหารอร่อยมากเลยค่ะ”
“กรี๊ด ชีวิตคนเป็นแม่ได้คอมพลีสแล้วสินะ” เธอเดินแบบสบายใจเข้าบ้านไปแบบล่องลอย
“ขะ ขอโทษทีนะ แม่ฉันชอบเป็นแบบนี้ตลอดเลย”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ท่านน่ารักออก งั้นฉันกลับก่อนนะ ขอบใจมากนะสตีฟ สำหรับทุกเรื่องเลย”
“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปส่ง”
“แหม แค่นี้สบายมาก พรุ่งนี้เจอกันที่บ้านฮารุนะ”
บาย/บาย
“ปล่อยไปแบบนี้จะดีหรอ แม่ผมถามผมขึ้นมา”
“ตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่จังหวะของผมน่ะครับ ไม่แน่ถ้าเธอโตมากกว่านี้เธออาจจะต้องการความรักในแบบของผมก็ได้”
“หืม เป็นสุภภาพบุรุษจริงๆ น้าลูกชายแม่ คิกๆ”
“พอเถอะครับ ผมจะเข้าห้องแล้ว”
อีกไม่กี่ปีหรอกมัม เซลลี่ต้องกลับมาหาผมแน่ ผมมั่นใจ เด็กหนุ่มคิดในใจ
ระหว่างที่ฉันเดินกลับบ้าน เสียงไลน์ก็ดังขึ้น
ฉันเปิดอ่านข้อความ
⇒ มุมข้างๆ ของผู้หญิงที่ไปพลอดรักกับผู้ชายมานี่ ดูแล้วมันเร้าใจจังนะ
ข้อความสุดก้าวร้าวของเจ้าแทนคุณ หมู่นี่หมอนี่ทำตัวเถื่อนกับฉันมากเกินไปหน่อยมั้ย ถึงจะสารภาพมาว่าเป็นประเภทS ก็เถอะ แต่ฉันก็ไม่ใช่พวก M ซะหน่อย เจ้าหมอนี่ก็น่าจะมีขอบเขตซะบ้าง
ฉันคิดในใจแล้วมองหาต้นตอของข้อความนั้น
หมอนั่นก็เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ฉัน เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง งับเข้ามาที่ใบหูของฉัน เหมือนจะรู้ดีว่าเป็นตรงที่ฉันอ่อนไหวมากที่สุด ฉันหน้าแดงก่ำแล้วก็ชักเริ่มโมโห ตรงนี้คนอยู่เยอะแต่ไม่มีใครสังเกตพวกเรา
ฉันหันขวับไปมองเข้าด้วยสีหน้าโกรธจัด แต่นั่นยิ่งทำให้หมอนั่นอารมณ์ดีขึ้นไปใหญ่
“หืม โกรธเพราะฉันงั้นหรอ” หน้าเขาตอนนี้พึงพอใจมาก
….
ฉันไม่ได้ตอบเพียงแต่หลบสายตาเขา ดวงตาสีบลูแซฟฟลายส์อันทรงเสน่ห์
“มาดักรอกันแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรอ”
“ฉันเป็นห่วงเธอน่ะ ไม่คิดว่าเจ้านั่นจะปล่อยให้เธอกลับคนเดียว”
“ฉันตั้งใจจะกลับคนเดียว ไม่เกี่ยวกับสตีฟ”
“งั้นหรอ งั้นฉันไปส่ง”
“อืม”
ฉันเดินนำเขาไป แล้วเขาก็เดินตามมาจนถึงที่ๆ คนเบาบางลง เกือบถึงบ้านฉันแล้วแหละ
“ฉันเคลียร์กับสตีฟแล้วนะ” ฉันเอ่ยออกไปเบาๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบเชียบ
“หืม ฉันไม่ได้อยากรู้สักหน่อย เธอจะเคลียร์กับใครหรือจะทำอะไรฉันไม่สน ตอนนี้ฉันมีความสุขกับการทำแบบนี้กับเธอมากกว่า”
“ว้าย” เขาดึงฉันลงไปนั่งบนตักของเขาที่ม้านั่งข้างทาง ตอนนี้ไม่ค่อยมีคนซะด้วย และหมอนี่ก็กำลังสนุกอยู่
“นะ นี่จะทำอะไรน่ะ”
“ลงโทษเธอไง”
“เรื่องอะไรอีก”
“เรื่องที่ไปกระดิกหางให้คนอื่น”
เขาเลิกเสื้อนักเรียนของฉันออกเล็กน้อย แล้วบรรจงจูบมาที่ไหล่ของฉัน และเริ่มลามไปเรื่อยๆ มือข้างหนึ่งซุกเข้ามาบีบหน้าอกอวบอิ่ม คัพF ของฉัน อีกมือหนึ่งเลื้อยเข้าไปในกระโปรงและนิ้วของเขาก็ซุกซนเหลือเกิน ถึงฉันจะโกรธมากแต่ก็ต้านทานสิ่งเหล่านี้ไม่ไหวเลยจริงๆ หมอนี่สมกับเคยเป็นนักรักมาก่อน รู้ทุกจุดที่จะทำให้ฉันหวั่นไหว หน้าของฉันร้อนฉ่า ฉันโกรธมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่ารู้สึกดีมากเช่นกัน นี่ฉันกำลังจะเคลิ้มไปกับเขาใช่มั้ย
"เธอแฉะหมดแล้วเซลลี่ หน้าตาเธอตอนนี้มันโคตรได้อารมณ์"
….ขืนมากกว่านี้แย่แน่ๆ ….
ไม่มีวี่แววว่าหมอนี่จะหยุดเลย
“อะไรกัน อะไรกัน ยัยเซลลี่ มาทำเรื่องแบบนี้อยู่แถวบ้าน เดี๋ยวพวกพี่ๆ มาเจอก็มาแหกอกเจ้าหมอนี่หรอก”
เสียงไมเคิลพี่ชายคนที่ 4 ของฉันมาช่วยชีวิต ฉันรีบผละจากเจ้าแทนคุณ แล้วลุกขึ้นไปหลบหลังเขา
ดีนะที่เป็นไมเคิล ถ้าเป็นคนอื่นพวกเราโดนแหกอกตายจริงๆ แน่
“เข้าบ้านกันไมค์” หน้าของฉันแดงก่ำ
“ฉะ ฉันเข้าบ้านก่อนนะ นายส่งแค่นี้พอ”
“อืมบาย” เขายิ้มอย่างอารมณ์ดี แล้วก็เดินหันหลังไป
ระหว่างที่เดินกลับบ้านพร้อมไมเคิล
“ตกลงคบกันเป็นเรื่องเป็นราวแล้วหรอ”
พี่ชายที่แก่กว่าฉัน 2 ปีเอ่ยขึ้นมาระหว่างทางเดินกลับบ้าน ดวงตาสีน้ำทะเลเข้ม จ้องมาที่ฉันอย่างสงสัย น่าจะถึงเวลาที่ฉันต้องคุยเรื่องนี้กับใครสักคนแล้วละมั้ง ฉันคิดแบบนี้ แล้วตอบไปนิ่งๆ
“เปล่า ยังไม่ได้คบกัน”
เขาชะงักไปนิดหน่อย แล้วถามขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วทำกันไปถึงขั้นไหนแล้ว”
“เฮ้ยย ถามแบบนี้ได้ไงฉันเป็นผู้หญิงนะ”
“เหรออออ” เขาทำหน้ากวนโมโห
“กะ ก็ ไม่ถึงขั้นไหนหรอก แค่จูบน่ะ” (.//.)
“ถ้าไม่ตัดสินใจคบกันเป็นเรื่องเป็นราว แล้วเธอจะทำยังไงต่อ ดูสถานการณ์ของเธอมันแปลกๆ นะ”
“ไอ้หมอนั่นแค่สนุกกับ ปฏิกิริยาของฉันต่างหาก”
พี่ชายที่ดูเป็นห่วงเป็นใยสไตร์พี่ชายบ้านฮาร์ฟจับมาที่ไหล่ทั้ง 2 ข้างแล้วพูดหนักแน่น
“ฉันไม่สนหรอกหมอนั่นจะเป็นยังไง ฉันสนว่าเธอจะลำบากใจมั้ย ถ้าเธอไม่โอเค ก็ไม่จำเป็นต้องฝืน”
ฉันอึกอักอยู่สักครู่ แล้วตอบเขาไปตามจริง
“นั่นแหละปัญหาใหญ่เลยไมกี้ ฉันดันไปรู้สึกดีเวลาถูกแกล้ง ถึงจะเจ็บใจ แต่ก็ต้านทานเขาไม่ได้เลย ถึงจะหนีได้แต่ฉันกลับไม่หนี ถึงปากจะบอกให้เขาหยุด แต่ฉันกลับรู้สึกดีถ้าเขาทำต่อ แงงงง ฉันอาจจะกลายเป็นพวก มาโซแล้วมั้ย”
ฉันทำหน้าละห้อยใส่ไมเคิล
“เรื่องแบบนี้มันไม่ง่ายหรอกเซลลี่ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะช่วยเธอได้ เธอต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง”
“ฮืออออ ไมค์”
ฉันโผเข้ากอดเขา เขาตกใจเล็กน้อยเพราะปกติฉันกับเขาจะไม่ค่อยลงรอยกัน ด้วยนิสัยที่เหมือนกัน แต่ก็ด้วยเหตุนั้นแหละ เขาจึงเข้าใจฉันมากที่สุด เพราะเราเหมือนกันไงล่ะ
“เอ้ามากอดกันทำไมตรงนี้” แจ็คสันเอาขยะมาทิ้งที่ข้างบ้านเอ่ยถาม
“ปะ เปล่า เข้าบ้านกัน วันนี้แม่จะทำอะไรให้กินน้าาาา” ฉันเฉไฉ แล้วไปจูงมือแจ็คสันเข้าบ้าน
ไมเคิลเดินตามมาเงียบๆ
เช้าวันเสาร์ที่บ้านโซมะ
“มาแล้วหรอ”
เด็กหนุ่มแสนอ่อนโยนเอ่ยทักฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ต่างกับตอนเข้าเรียนใหม่ๆ ลิบลับ ฉันยังคิดในใจว่า นายคนนี้กินไอ้คนเย็นชาคนนั้นเข้าไปใช่มั้ย คายออกมาเดี๋ยวนี้นะ คิกๆ
“อื้ม ฮารุ คนอื่นยังไม่มากันหรอ” ฉันตอบไปอย่างเป็นธรรมชาติ
“เหมือนจะยังนะ”
“อะ เอ่อ เซลลี่ วันนี้เธอสวยมากเลยน่ะ”
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงเอ่ยชมเด็กสาว ในชุดเดรสสีเบจเรียบง่าย ชุดเดรสสายเดี่ยวถูกประดับด้วยโบอันใหญ่ด้านหลัง ที่คอมีโบอันเล็กถูกผูกไว้ให้เข้ากันกับชุด แต่สาเหตุที่เธอเลือกชุดนี้น่ะหรอ มันก็เพราะเธอต้องการปกปิดรอยคิสมากส์ของแทนคุณ ที่ทำไว้เพื่อแกล้งเธอ
ถึงชุดนี้จะใส่แล้วตรงส่วนนั้นมันทะลักออกมาอย่างเห็นได้ชัด ดูไปแล้วเธอจะไม่ได้คิดมากเรื่องนั้นสักเท่าไหร่ แต่คนที่มองเธอก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้างแหละ
“ขอบคุณที่ชมนะ ตกหลุมรักอีกแล้วใช่มั้ย ฮ่าๆ”
“อืม” เขาตอบมาแบบจริงใจ ทำเอาฉันหน้าแดงจนรีบเปลี่ยนเรื่อง
“งั้นมีอะไรให้ทำบ้างมั้ย” วันนี้ฉันออกมาไวเพราะไม่อยากคิดมากให้จิตใจฟุ้งซ่านไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
“วันนี้พี่เขาอาสาทำเองหมดเลยน่ะ พวกอาหารก็สั่งมาจากร้าน คงไม่มีอะไรให้ต้องทำ เราไปนั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นกันมั้ย”
“อืมไปสิ” ฉันตอบแบบยิ้มแป้น
ที่ห้องนั่งเล่นประจำของพวกเรา ช่วงปิดเทอมก่อนเรามาซ้อมดนตรีที่นี่บ่อยๆ และห้องนี้เป็นห้องที่ฉันมานอนขลุกประจำ
“อาาาา คิดถึงจังเลย ห้องบิ้วอารมณ์ของฉัน” ฉันล้มตัวลงนอนบนโซฟาหรูที่เกือบจะเหมือนเตียงนอนไปแล้วนั้น
“คิดถึงเมื่อไหร่ก็มาได้ตลอด บ้านนี้ต้อนรับเธอเสมอ”
ฮารุทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ฉัน เมื่อก่อนพวกเราก็ทำแบบนี้กันบ่อยๆ แต่ทำไมตอนนี้ใจฉันเต้นตึกตักนะ หรือเพราะรู้ว่าฮารุรู้สึกยังไงกับฉันแล้วหรือเปล่านะ ฉันถึงใจเต้นแรงแบบนี้
ฮารุดึงมือฉันไปทาบที่แก้มเขา แล้วเลื่อนมาจูบที่ฝ่ามือฉัน พร้อมกับทำหน้าตาแสนอ่อนโยน
…อึก….
ฉันไม่ได้พูดอะไรต่อ ตอนนี้เราสองคนจ้องหน้ากัน ในขณะที่ฝ่ามือของฉันยังอยู่ที่ริมฝีปากเขา
“ถ้าเธอจะมองเจ้าแทนคุณในแบบผู้ชาย แล้วเธอคิดอยากจะมองฉันในฐานะผู้ชายคนหนึ่งบ้างมั้ย”
อยู่ดีๆ เขาก็เอ่ยออกมาแบบแผ่วเบา
“ฉะ ฉันกำลังพยายามมองอยู่นี่ไงล่ะ” ฉันตอบออกไปแบบจริงใจ
ฮารุหน้าแดงก่ำ (0//0)
“อะไรกัน อะไรกัน เล่นบทเจ้าชายกับเจ้าหญิงกันอยู่หรอ”
น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ เอ่ยขึ้นมาขัดจังหวะโรแมนติก หมอนี่อีกแล้วหรอ
ฉันกับฮารุรีบลุกขึ้น แล้วหันไปมองตามเสียงเรียกนั้น สีหน้าเจ้าแทนคุณไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
“หืม สีหน้าตอนถูกจับได้ว่ากำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่นี่มันเร้าใจหน้าดูเลยนะ เซลลี่”
เอาอีกแล้วเจ้าหมอนี่ ฉันกำลังจะอ้าปากด่า
แต่ไม่ทันซะแล้ว ฮารุลุกพรวดขึ้นไปกระชากคอเจ้าแทนคุณ
“ให้มันน้อยๆ หน่อยแทนคุณ นายไม่มีสิทธิ์มาพูดจาก้าวร้าวกับเธอ”
“คร้าบ คร้าบ พ่อสุภาพบุรุษ มาดูกันซิว่า ไอ้ความเป็นสุภาพบุรุษของนายกับความดิบเถื่อนของฉัน ใครจะเติมเต็มความต้องการของยัยนี่ได้มากกว่ากัน ฉันจะบอกอะไรให้นะ ยัยนี่น่ะเวลาอยู่กับฉ…”
///เพี๊ยะ///
ฉันลุกขึ้นไปตบหน้าเจ้าแทนทันที ฉันจะไม่ทนกับการกระทำของหมอนี่อีกแล้ว ทำกับฉันไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าทำร้ายจิตใจเพื่อนฉัน ฉันไม่ยอมแน่ ตอนนี้ฉันสั่นไปหมดแล้ว ทั้งโกรธทั้งโมโห ทั้งเจ็บใจ
สีหน้าแทนคุณรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด อาจจะด้วยอารมณ์โมโหที่เห็นฉันอยู่กับฮารุ หรือจะอะไรก็ชั่ง ฉันไม่สน
“ออกไป.. ฉันบอกให้นายออกไป” ฉันพูดอย่างฉุนเฉียว
“แม่งเอ้ย” เขาสบถหยาบคายและเดินออกไปอย่างโกรธเกรี้ยว
ฉันนั่งลงบนโซฟา น้ำตานองแก้ม
“นี่ เธอกับหมอนั่นมีเรื่องอะไรกันหรอ ช่วงนี้พวกเธอทำตัวแปลกๆ น่ะ”
“ฉันเป็นคนทำให้หมอนั่นต้องเป็นแบบนี้เอง”
“งั้นหรอ ฉันจะไม่ถามละลาบละล้วงมากไปกว่านี้นะ แต่แบบนี้มันจะดีแน่หรอ ถ้าเธอยอมให้หมอนั่นทำตามใจเพียงเพราะรู้สึกผิดว่าเป็นคนทำให้เขาต้องมาเป็นแบบนี้ นั่นมันจะดีกับเขาแน่ๆ หรอ”
อึก….. ฉันได้แต่เงียบและตอบคำถามฮารุไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอกเซลลี่ ฉันบอกแล้วไงว่าจะอยู่ข้างๆ เธอ ใช้เวลาคิดเถอะ” เขาลูบหัวฉัน
“ขอบใจมากนะฮารุ แต่ฉันคิดแผนรับมือสถานการณ์แบบนี้ ใว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วน่ะ”
ตั้งแต่ที่ไมเคิลพูดทำให้ฉันคิดได้ เรื่องแบบนี้ใครก็ช่วยฉันไม่ได้ ฉันต้องจัดการมันด้วยตัวเอง