บรรยากาศภายในจวนดูอบอุ่น เถียนต้านเล่าถึงการเดินทางในครั้งนี้ให้บุตรชายฟัง และสอนสั่งในสิ่งที่ตนเองพบเจอมาเพื่อให้พวกเขารับมือได้ในภายหน้า เพราะตัวเขาเองก็เริ่มแก่ลง กิจการบางส่วนสามารถส่งมอบให้บุตรได้แล้ว
ซูเหมยอิงที่นั่งฟังอยู่ด้วย เมื่อได้ยินว่าสามีเอ่ยถึงกิจการเดินเรือและกิจการอื่นในตระกูลนางจึงหันไปหาเถียนซูหลินเอ่ยน้ำเสียงเรียบ "ดึกแล้วเจ้าก็สมควรกลับเรือน เป็นสตรีไม่ต้องอยู่ฟังเรื่องพวกนี้หรอก"
"ท่านแม่ก็เป็นสตรี พี่สะใภ้ก็ใช่ แล้วทำไมพวกนางกับท่านแม่อยู่ได้เล่าเจ้าคะ" นางย้อนถามแม้จะมิได้มีน้ำเสียงไม่พอใจ แต่นั่นก็เป็นคำพูดที่ไม่สมควรกล่าวออกมา เมื่อคำพูดออกมาแล้วผู้เป็นมารดาย่อมไม่พึงใจ
"ข้าเคยบอกเรื่องนี้กับเจ้าไปแล้ว อย่าทำเป็นไม่รู้ความ" เสียงเย็นเปล่งออกมาทำให้บรรยากาศที่ครื้นเครงกลับเงียบไปถนัด พี่ใหญ่เถียนฟู่เทียนรีบยิ้มกลบเกลื่อนสร้างบรรยากาศให้กลับมาเหมือนเดิมโดยเอากำปั้นทุบที่ศีรษะเถียนซูหลินเบาๆ
"เจ้านี่นะชอบปั้นเรื่องให้บิดาห้ามทัพระหว่างเจ้ากับท่านแม่เสียจริง ข้าก็เป็นลูกของท่านพ่อเริ่มจะเคืองแล้วนะ" เถียนซูหลินไม่ใช่คนโง่ที่จะฟังคำของเถียนฟู่เทียนไม่ออกได้แต่ยิ้มรับ
"ก็ข้าอยากให้ท่านพ่อเอาใจข้านี่นา" ซูเหมยอิงฟังก็หลุบตาต่ำยกน้ำชามาดื่มเพื่อระงับความไม่พอใจ เถียนฟู่เทียนเดินไปที่หีบหนึ่งพร้อมหยิบของในนั้นขึ้นมาพลางกล่าว
"ไม่เอาน่าท่านแม่ ปล่อยให้ท่านพ่อเอาใจนางไปสักครู่แล้วคืนนี้พวกท่านทั้งสองค่อยตกลงกันเองแล้วกัน” คำพูดของบุตรชายส่งผลให้ซูเหมยอิงถึงกับหน้าแดง เขาก็ยิ้มเมื่อเห็นมารดาเคอะเขินจึงเอ่ยช่วยกลบเกลื่อน
“ท่านดูนี่สิขนนกนี่สวยทั้งนั้นเลยกว่าจะได้มากขนาดนี้ต้องใช้เวลามากทีเดียว ท่านพ่อยังคิดเผื่อท่านแม่นำมันกลับมาหากนำมาประดับบนพัดของท่านแม่ย่อมสวยเป็นแน่" นางเพียงพยักหน้าและแสร้งแบมือให้เถียนฟู่เทียนนำขนนกมาให้ตน
หากนางยังทำหน้าปั้นปึงไม่พอใจเถียนซูหลินที่มองหน้านางอยู่คงทำให้บรรยากาศเลวร้ายไปมากกว่าเดิม บุตรชายยอมลงทุนกู้สถานการณ์ให้แล้ว หากนางไม่เล่นตามทุกคนคงเห็นนางมีทิฐิ
เถียนต้านเห็นท่าทางของฮูหยินตนแล้วก็แอบส่งสายตาให้บุตรสาวเพื่อให้นางรู้จักเอาอกเอาใจมารดาบ้าง ทว่าเถียนซูหลินกลับแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแต่เมื่อนางหันมาก็พบว่าบิดายังคงจ้องนางตาเขม็งนางแอบบ่นในใจไม่ได้ 'ให้ข้าทำลายมันยังดีกว่าทำให้มันงดงามกว่าเดิม ท่านพ่อช่างไม่เข้าใจข้าเสียเลย' แต่นั่นเป็นเพียงคำที่นางบ่นในใจมิอาจเอ่ยออกมาได้
"ให้ข้าช่วยทำให้ท่านแม่นะเจ้าคะพี่ใหญ่" เถียนฟู่เทียนหันไปมองเจ้าของเสียง แม้จะแปลกใจแต่เมื่อเหลือบไปมองสายตาของบิดาเขาก็ยิ้มออกมา
"เช่นนั้นก็ต้องรบกวนน้องเล็กแล้ว" แม้เขาจะกล่าวอย่างนั้นออกมา ทว่าในใจกลับคิดว่า 'ช่างเสียดายข้าวของเสียจริง'
ขนนกเกือบครึ่งหีบถูกส่งไปยังเรือนของเถียนซูหลิน นางได้แต่นั่งมองนอนมองขนนกอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งผล็อยหลับไป จนกระทั่งเช้าของวันใหม่นางจึงตัดสินใจนำขนนกบางส่วนไปนั่งจดๆจ้องๆอยู่ที่จวนสกุลหวัง
"เจ้าไม่มีความเห็นใดเลยหรือไง? นอกจากดูพู่กันพวกนั้น" เขาเงยหน้าขึ้นมองทั้งที่ยังหลงใหลพู่กันที่เถียนซูหลินนำมามอบเพื่อไถ่โทษกับเหตุการณ์วันนั้น
"ข้าเป็นผู้ชายจะคิดเรื่องพวกนี้ออกได้อย่างไรเล่า แล้วทำไมเจ้าไม่ใช้ให้พวกสาวใช้ของเจ้าทำมันออกมาเล่า" เขาหันไปมองอาม่านหวังให้อีกฝ่ายช่วยเหลือบุรุษอย่างเขา แต่อาม่านได้แต่ยิ้มเจื่อน ถ้าเรื่องเย็บปักถักร้อยนางยังพอได้แต่ถ้าให้คิดก่อนเริ่มต้นนางก็ทางตันเช่นกัน
"ข้าให้เจ้าออกความคิด ไม่ได้ให้เจ้าลงมือทำ" เถียนซูหลินอดที่จะตวาดเสียงใส่ไม่ได้เมื่อเห็นสายตาของหวังโสว่เหรินพินิจพิจารณาและลูบไล้ขนของพู่กันไม่หยุด “เอาพู่กันข้าคืนมาทั้งหมด ข้าไม่ให้เจ้าแล้ว”
“อ๊ะ! ได้ไงเล่า เจ้าให้ข้าแล้วมาทวงคืนอย่างนี้ไม่ดีนักหรอกนะ” เขารีบส่งให้หัวตานไปเก็บทันทีก่อนที่นางจะคว้าเอาคืนไป เขาหันกลับมายิ้มแหยส่งให้นางเมื่อเห็นสายตาดุของนาง
"ข้าจะรู้ไหมเล่าพี่สาว เจ้ามาถึงก็ยื่นขนนกให้ข้า เอ่ยเพียงแต่จะทำอย่างไรดี ข้าคิดไม่ออก ต้องให้งดงามด้วย ข้าปวดหัว ทำอย่างนี้ดีหรือไม่ หรืออย่างนั้นดีกว่ากัน เจ้าเอาแต่พูดหลายประโยคกับข้าแล้วข้าจะรู้ไหมว่าพี่สาวใจร้อนต้องการอะไรกันแน่" เขาเอ่ยคำที่นางพูดกับเขาเมื่อเจอได้เจอหน้ากัน
"เจ้ากล้าย้อนข้าใช่ไหมเจ้าปีศาจ"
"ข้าไม่ได้ย้อนเสียหน่อย แค่อธิบายให้เข้าฟัง เฮ้อ! ถ้าเจ้าและข้าคิดไม่ออกก็ไปหาร้านทำพัดดีหรือไม่?"
"หืม...เจ้าโง่หรือไง หากข้าไป ท่านแม่ก็รู้สิว่าข้าไม่ได้คิดเอง โอ้ย! ข้ากลุ้มจะตายอยู่แล้ว เอาใจคนนี่ช่างยากเสียจริง"
"เรื่องนี้ข้าช่วยไม่ได้จริง แต่หากเป็นท่านแม่อาจจะช่วยเจ้าได้"
"มารดาเจ้าช่วยได้จริงหรือ" นางเอ่ยน้ำเสียงตื่นเต้นแต่เมื่อเห็นหวังโสว่เหรินส่ายหน้าก็เริ่มหงุดหงิด "ข้าแค่ไม่แน่ใจแต่ต้องลองดู" นางแค่ยิ้มรับเพราะนั่นไม่ได้ชี้ชัดว่าจะทำได้