bc

นางร้ายกลายพันธุ์

book_age12+
323
FOLLOW
1.9K
READ
HE
time-travel
drama
detective
like
intro-logo
Blurb

คนดียังได้กลับมาแล้วเหตุใดคนชั่วเยี่ยงข้า จะกลับมาไม่ได้ สวรรค์มีตาและฟ้าเริ่มมีใจส่งมอบความหวังที่แสนจะริบหรี่นี้ให้แก่นาง นางได้รับโอกาสกลับมาแก้ไข แต่สิทธิพิเศษมีหรือจะมอบให้แค่กลับไปก็นับว่าเป็น

chap-preview
Free preview
บทนำ
“ตำรวจ ตำรวจช่วยด้วย!” เสียงกรีดร้องด้วยความตื่นกลัววิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ผู้รักษาสันติราษฎร์ ทว่าเสียงที่หล่อนตะโกนกลับมิได้แทรกซึมเข้าไปยังโสตรประสาทของเหล่าเจ้าที่หน้าที่ที่กำลังลงจากรถเพื่อมาตรวจสอบ ณ สถานที่ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทำเพียงยืนดูการชันสูตรพลิกศพเพื่อดูสภาพศพของสตรีที่ถูกฆาตกรรม “ทำไม? ทำไมพวกเขาไม่เห็นฉันเล่า” หล่อนทำได้เพียงเดินเข้าไปและใช้มือไขว่คว้าหวังสัมผัสกายของตำรวจนายหนึ่ง ทว่าฝ่ามือกลับคว้าได้เพียงอากาศ ยิ่งทำให้หล่อนตกตะลึงพรึงเพริดไปอีก “ทำไมเป็นอย่างนี้เล่า เกิดอะไรขึ้น” เสียงตำรวจนายหนึ่งหยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมาและกดบันทึกเสียงเกี่ยวกับรูปคดีที่เกิดขึ้น พร้อมกับหญิงสูงวัยที่ยังตื่นกลัวกับภาพที่เกิดขึ้น “จากรูปคดีและพยานบุคคลที่พบเห็นเหตุการณ์ หญิงคนนี้ถูกโจรทำร้ายเนื่องจากขัดขืนจากโจรที่พยายามลักทรัพย์…” “ไม่! ฉันยังไม่ตาย” เสียงหญิงสาวโอดครวญเว้าวอนหวังว่าจะมีใครสักคนได้ยิน แต่แสงแห่งความหวังกลับมิอาทร “ฉันยังไม่ตาย ฉันอยู่ตรงนี้ คุณยาย! คุณยายเห็นฉันใช่ไหม ฉันที่ช่วยยายจากโจรคนนั้น ยายเห็นฉันไหม?” หล่อนใช้ความพยายามอย่างสูงในการตะโกนเรียกทั้งมือก็ไขว่คว้าหวังจะเขย่าตัวอีกฝ่ายให้หันมาทางตนทว่าหล่อนทำได้เพียงคว้าน้ำเหลว “พวกนั้นไม่เห็นเจ้าหรอก” เสียงทุ้มต่ำกังวานดังมาแต่ไกล ทำให้หญิงผู้นั้นหันหลังมองตามเสียง และหล่อนก็ต้องตกตะลึงพร้อมเส้นขนทั่วสรรพางค์ลุกชันและยังไม่ทันเอ่ยปากถามก็ถูกเจ้าของเสียงนั้นขัดเอ่ยขึ้นเสียก่อน “หนีจากขุมนรกมานั้นไม่ง่าย แต่ไม่ยากนักหรอกที่พวกข้าจะไม่พบ ไป๊!” จบเสียงก็มีห่วงเชือกเข้าไปคล้องคอ เปลวไฟลุกไหม้บริเวณลำคอแต่มิลุกลามไปทั่วตัว นิรยภูมิที่ร้อนไปด้วยเปลวเพลิง แสงดาวแสงเดือนและแสงตะวันมิอาจสาดส่องไปถึงสถานที่อันมืดมน เคว้งคว้างและสิ้นหวัง “แมงมุมน้อยเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เสียงแหบแห้งเอ่ยปากถามพร้อมกับมือที่ผิวหนังติดกระดูกเปื้อนไปด้วยเลือดที่แห้งกรัง ใบหน้าไร้สีเลือด ดวงตาลึกโบ๋ แววตาเต็มไปด้วยความหวังที่จะให้ดวงวิญญาณนี้ดับสูญ เพราะได้รับความทุกขเวทนาจากขุมนรกอย่างสุดแสนสาหัสเกินจะหาคำใดพรรณาได้ มือที่ไร้แรงชีวิตพยายามเอื้อมมือไปประคองเดรัจฉานตัวเล็กแปดขาพลัดหลงลงมายังนรกภูมิ “โอ๊ย!” เสียงร้องโหยหวนจากการโดนแส้สีแดงที่ลุกด้วยเปลวเพลิงกระทบเข้าที่แผ่นหลัง ทำให้เสียงแหบแห้งโอดโอยมาพร้อมหยาดน้ำตาที่แม้จะแห้งเหือดแต่ก็เรียกมันกลับมาได้ยามที่ผิวต้องกับความแสบร้อนยากจะทานทน “ร้องรึ? ตอนทำชั่วไม่คิดจะร้อง ไป๊!” แส้นั้นกลับกลายเป็นห่วงดึงดวงวิญญาณเตร็ดเตร่ที่ถูกลงทัณฑ์ให้ไปอยู่ในที่ที่สมควรอยู่ แต่สตรีนางนั้นพยายามรั้งตัวไม่ไปตามแรงดึงเพียงเพื่อจะเอื้อมแขนให้สุดหวังปล่อยแมงมุมตัวนั้นไม่ให้ต้องตายไปพร้อมกับความร้อนของเพลิง เพราะต่อให้ไม่ต้องลงไปยังเปลวเพลิงแค่ตัวมันแตะพื้นก็อย่าหวังว่าจะยื้อชีวิตน้อยๆ นั้นได้เลย และในที่สุดความพยายามของนางก็ประสบผล แมงมุมตัวน้อยแตะใยของมันเองเพื่อรอดพ้นกับเงื้อมมือมัจจุราชได้ที่อาจเผาผลาญตัวมัน แต่วิญญาณนางกลับไม่พ้นเงื้อมมือ แรงกระชากเพียงนิดก็ทำให้วิญญาณกระเด็นไปไกลยังจุดแห่งความทุกขเวทนาอีกครั้ง “โอ๊ย...ไม่ไหวแล้ว ทรมานเหลือเกิน...ทำลายดวงจิตฉันเถิด” เสียงโอดโอยร้องครวญครางโหยหวนออกมา วอนขอให้พญามัจจุราชผู้เป็นใหญ่ในแผ่นพื้นโลกันตนรกปรานีสักครา แม้นางจะพร่ำอ้อนวอนอย่างไรก็มิมีเสียงใดตอบรับ ภาพเมื่อครั้งยังมีกายเนื้อ มีลมหายใจและชีพจรหลั่งไหลเข้ามาในมโนภาพ กี่ภพกี่ชาติที่นางได้พยายามหลบหนี หนีได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ความพยายามที่จะหลุดพ้นจากขุมนรกไม่ว่ายามที่มัจจุราชพลั้งเผลอ หรือนำตัวสัตว์นรกที่ได้รับทุกขเวทนาจากขุมนี้ไปนรกอีกขุมเส้นทางแต่ละสายจะมีจุดเชื่อมไปยังสะพานเส้นทางแห่งการจุติใหม่ นางพยายามที่จะทำความดีเพื่อชะล้างรอยกรรมที่ก่อในอดีต แต่ถึงกระนั้นก็มิอาจลบล้างอดีตนั้นได้ ทว่าความคิดก็สะดุดเมื่อจู่ๆ ท้องฟ้าที่มืดมิดกลับผุดแสงสว่างวาบขึ้นเป็นประกายเรืองรองยากที่เบนสายตา เพราะแสงสว่างนั่นทำให้นางเห็นสรรพสิ่งบนโลกนี้ สัตว์นรกทุกตัวต่างมีรูปร่างประหลาด ตัวใหญ่ผิวกายหยาบกร้านหรือไม่ก็มีสิ่งใดยื่นออกมาจากผิว ใบหน้าและดูอัปลักษณ์ ไม่แม้แต่ตัวนางที่มีรูปกายที่ผิดเพี้ยนเปลี่ยนไปเช่นกัน เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้ว่านางมิอาจหนีพ้นอีก ด้วยรูปร่างที่แปรเปลี่ยน ต่อให้หลบหนีสักเพียงใดก็ต้องถูกจับได้อยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นร่างกายใหญ่โต รูปขาที่เปลี่ยนรูป หูที่ยื่นยาว รูปลักษณ์ที่ดูอย่างไรก็หาใช่รูปดวงจิตที่นางคุ้นตาราวกับถูกนำอวัยวะแต่ละส่วนของอสูรกายมาประติดประต่อเป็นรูปร่างครบสามสิบ ยิ่งทำให้นางอยากทำลายดวงจิตของตนเองให้ดับสูญ “ทรมานเช่นนั้นหรือ?” เสียงใหญ่ก้องกังวานดังกัมปนาท แม้พื้นปฐพีที่นางเหยียบยังสั่นไหวสร้างแรงกดดันจนนางอยากจะหาที่หลบซ่อนแต่นั่นก็เป็นความคิดที่โง่เขลา นางรูปกายเป็นเช่นนี้มีหรือจะซ่อนได้ นางจึงได้เงยหน้าแต่ก็หาเจ้าของเสียงไม่พบ “ใบหน้าข้ามิมีผู้ใดจะได้พบเห็นโดยง่าย อย่าคิดพยายามเพ่งหาเลย” “ท่านพญามัจจุราช ข้าน้อยทรมาน ทรมานเหลือเกิน ขอท่านเมตตาช่วยปรานีมดปลวกเช่นข้าน้อยผู้ต่ำต้อย ช่วยทำลายดวงจิตนี้เสียเถิด ข้าน้อยมิอาจทนรับทุกขเวทนาได้อีกแล้ว ข้าน้อยไม่อยากตายและฟื้นขึ้นมารับความเจ็บปวดเหลือคณานับที่ไม่รู้จักจบสิ้นนี้อีก ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ” “เจ้ากำลังร้องขอต่อสิ่งที่มิอาจให้ได้” “พุทธองค์ทรงเมตตา ข้าน้อยรู้ว่าการร้องขอครั้งนี้มากเกินไป แต่นั่นเป็นสิ่งเดียวที่สตรีโง่งม ดวงตามืดบอด ไร้ซึ่งปัญญาเช่นข้าน้อยจะคิดได้ ดวงจิตที่ดับสูญมิอาจเกิด แก่ เจ็บ ตายอีกต่อไป จะไม่มีการสร้างความดีและความชั่วอีได้อีกได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ” นางอ้อนวอนแต่ไร้เสียงตอบกลับ นางรู้ว่าสิ่งที่นางร้องขอมิมีโอกาสจะได้รับ แต่ไม่รู้ทำไมนางเกิดความรู้สึกแห่งความหวังริบหรี่ค่อยสว่างเป็นจุดเล็กๆ ในมโนความรู้สึก “ท่านพญามัจจุราช แม้ข้าน้อยจะผิดจิตวิปลาสแต่ทุกครั้งที่ข้าน้อยได้เกิดบนโลกมนุษย์ ข้าน้อยพยายามกระทำแต่ความดี ความชั่วต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม มโนกรรมหรือวจีกรรมข้าน้อยก็มิเคยจะกระทำเพียงเพราะหวังว่าความดีนั้นจะพอชะรอยบาปที่ได้ก่อกรรมขึ้นในภพภูมิอดีต ความหวังราวแสงหิ่งห้อยนี้ได้โปรดท่านพญามัจจุราชผู้เป็นใหญ่ในนรกภูมินี้ช่วยให้ข้าน้อยพ้นทุกขเวทนาที่ไม่มีวันดับสูญนี้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ” “อันตัวข้ามิอาจให้ตามที่เจ้าร้องขอได้” เพียงประโยคนี้แสงแห่งความหวังของนางก็ดับมอด ขาที่มิได้รูปที่แต่เดิมก็อ่อนแรงทำให้ร่างใหญ่เกินสตรีลงไปนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง ได้แต่ปลอบประโลมตนเองในใจว่ามีเพียงก้มหน้ารับผลกรรมที่ตนเองก่อเท่านั้น “แต่เพราะเจ้าช่วยข้าที่ลงมาเยือนนิรยภูมิ...โอกาสที่เจ้าพร่ำร้องขอต่อหน้ารูปปั้นพระโพธิสัตว์ยามเป็นมนุษย์ แต่หากให้เจ้าทุกอย่างย่อมไม่ยุติธรรม” เสียงอ่อนโยนดังแทรกเข้ามาหว่างกลางความรู้สึก นางเงยหน้าขึ้นเห็นพระโพธิสัตว์กวนอิม ยืนอยู่กลางดอกบัว ทั่วร่างเปล่งประกายไปด้วยลำแสงสีทองอร่าม นั่นเป็นแสงแห่งความหวัง พระโพธิสัตว์กวนอิมใบหน้าเปี่ยมเมตตาจ้องมองสตรีเบื้องล่าง จู่ๆ หยาดน้ำหนึ่งก็กระเซ็นต้องกายทำให้ผิวกายของนางคลายร้อนและรู้สึกถึงความเย็นไปทั่วสรรพางค์ นางไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นนี้มานานเท่าไหร่แล้ว “ใช่ เพราะเจ้าช่วยองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมโดยมิรั้งรอ ข้าจึงให้โอกาสเจ้าเพียงชั่วหนึ่งในการให้เจ้ากลับไปแก้ไขในสิ่งที่เจ้าเคยก่อไว้ มนุษย์ตนใดที่ได้ย้อนกาล ...เอาเป็นว่าข้าให้เจ้าไป” นางฟังน้ำเสียงที่ดุดัน แม้จะไม่เชื่อหูแต่เพราะใบหน้าของโพธิสัตว์กวนอิมที่พยักหน้าเพื่อยืนยันถ้อยคำเมื่อครู่นางถึงกลับหลั่งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้ม “เจ้ามีเวลาแค่ชั่วหนึ่งเท่านั้น ดวงจิตของเจ้าอยู่ในกำมือข้า เจ้าไม่ได้มีเวลาจวบจนสิ้นอายุขัย เมื่อถึงเวลาข้าจะดึงเจ้าลงมาเพื่อรับผลกรรมของเจ้า” สิ้นคำลมหอบใหญ่ก็โอบอุ้มดวงจิตที่ผิดรูปไปไกลลิบ ไม่นานร่างกายกำยำ สีนิลกาฬที่หาจุดสิ้นสุดของความสูงมิได้ก็ปรากฏกายเบื้องหน้าขององค์พระโพธิสัตว์ แม้พญามัจจุราชจะคุกเข่าก็มิอาจปิดบังความยิ่งใหญ่ อำนาจที่ทำให้คนหวั่นเกรงแม้เพียงแรกเห็นนี้ได้ “ขอบใจในมหากรุณาแก่สัตว์นรกตนนั้น” “หามิได้ แต่นางจะทำสำเร็จหรือ? ยามเป็นมนุษย์มีจิตใจคับแคบ อำมหิตผิดมนุษย์ลงมือกับมนุษย์และสัตว์ได้หน้าตาเฉย แม้แต่มารดายังประหักประหาร บิดาถูกประทุษร้าย หากไม่เพราะ...” “แรงอธิษฐานของมนุษย์ตัวเล็กแม้จะน้อยนิดกับความผิดที่วิญญาณนั้นสร้างขึ้นจะลบล้างกันไม่ได้ก็ตาม หยาดน้ำได้ชำระจิตมนุษย์ หากสำเร็จจะได้เดินตามครรลองที่ควรเป็น” องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมมองเบื้องหน้าไปไกลมิได้กล่าวคำใดออกมาอีก เพียงแต่แสงเรืองรองค่อยๆ เลือนหายไป ทิ้งไว้ซึ่งความมืดเหมือนเช่นเคย นรกขุมนี้ก็มิมีทางเปิดอีกจนกว่าจะมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

หยีกับเพชร

read
1K
bc

ข้ามเวลามาอยู่ในร่างนางสนมร้ายกาจ

read
4.6K
bc

พันธนาการรักใต้แสงจันทร์ : สายใยรัก

read
1K
bc

Rescue สื่อรักกั๊กหัวใจยัยนางฟ้า

read
1.4K
bc

พ่าย

read
2.1K
bc

ปรมาจารย์จิตวิญญาณสะท้านภพ2

read
1K
bc

เจ้าสาวแวมไพร์ (NC Adult Only)

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook