ตอนที่ 10

1355 Words
รุ่งเช้ารถม้าได้เคลื่อนตัวออกจากหน้าสกุลเจิ้งมุ่งตรงไปยังสกุลเถียน จวนคหบดีมีชื่อแห่งหนึ่งในเมืองหลวง เมื่อถึงจวนเถียนซูหลินก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในเรือนไม่ออกมาพบปะผู้คนแม้แต่มารดานางก็ไม่อยากจะพบ กระทั่งตะวันขึ้นสาดส่องทั่วผืนฟ้าของวันที่สามนางจึงตัดสินใจออกเดินเล่นนอกจวนทั้งอาม่านและจิวลู่สาวใช้ข้างกายที่ต้องคอยปรนนิบัติ เมื่อรู้ว่านายสาวจะออกไปนอกจวน พวกนางก็จะต้องติดตามไปด้วยเช่นกัน จวบจนสาวใช้ทั้งสองเห็นว่าเถียนซูหลินเดินมาไกลและไม่มีจุดหมายว่าจะไปที่ใด คราแรกพวกนางไม่กล้าไต่ถามยิ่งนานความอยากรู้จึงก่อตัวขึ้น "คุณหนูจะไปไหนหรือเจ้าคะ" จิวลู่จึงตัดสินใจเอ่ยถามแต่ไม่มีคำตอบจากนางที่เดินนำไปข้างหน้า นางทำเพียงเดิน เดินและเดิน สาวใช้ได้แต่หันหน้ามาสบตากันแต่ก็ไม่พูดอะไรเพราะรู้ว่าหากตนยังขืนถามอีก ผู้เป็นนายที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอาจจะเอาโทสะมาลงที่พวกตนได้ นางได้ยินคำถามของบ่าวชัดเจนแต่ก็ให้คำตอบไม่ได้ว่านางเดินมาทำไม รู้เพียงแค่นางอยากจะเดิน ยิ่งเดินก็ยิ่งไกลออกไปจังหวะนั้นเองสายตาเหลือบไปเห็นสุนัขนางจึงเดินตรงเข้าไปอุ้มมันขึ้นมา เห็นมันดูตื่นคนและแววตาดูหวาดผวา "สุนัขจิงปา [1] ซะด้วย เจ้าหมาน้อย...เจ้ามาอยู่นี่ได้ยังไงเนี่ย" นางอุ้มสุนัขน้อยชูขึ้น เห็นสายตามันจ้องมาที่ตน รอยยิ้มผลิบานใจก็ปรากฏบนใบหน้า เพียงไม่นานก็จางหายไปเมื่อจู่ๆ มีเสียงของชายสองสามคนวิ่งตรงมายังนาง "แม่นางต้องขออภัยด้วย นี่เป็นสุนัขของจวนเรา แม่นางโปรดปล่อยมันลง ข้าน้อยจะอุ้มมันกลับจวน" ชายแต่งกายชุดบ่าวเอ่ยปากพูดด้วยท่วงทีนบนอบ "สุนัขของจวนเจ้า?" นางเอ่ยถามและพิจารณาชายสองคนที่ยืนหอบทั้งที่เก็บอาการอยู่เห็นผู้พูดเมื่อครู่พยักหน้ายืนยัน นางอุ้มสุนัขชูขึ้นพินิจพิจารณาสักพักจึงเปิดปากอีกครั้ง "ข้าไม่เชื่อ สุนัขตัวนี้ข้าเก็บได้และอีกอย่างพวกเจ้าไม่มีหลักฐานว่าสุนัขนี้เป็นของจวนพวกเจ้า ไม่แน่ว่าพวกเจ้าอาจจะนำสุนัขตัวนี้ไปขายที่ไหนสักที่เพื่อโก่งราคา พวกเจ้านี่มันน่าไม่อายเสียจริง" สองคนนี้ทำหน้าไม่ถูก เมื่อจู่ๆ เจอสาวงามแต่งตัวดีอุ้มลูกสุนัขของคุณชายน้อย เอ่ยอย่างหน้าไม่อายว่านางเก็บได้ทั้งยังกล่าวหาว่าพวกเขาไม่มีหลักฐานและจะนำสุนัขตัวนี้ไปขายอีก นางคือโจร! ขโมยซึ่งๆหน้า "แม่นางสุนัขตัวนี้เป็นสุนัขของตัวพวกเราจริงๆ ได้โปรดแม่นางปล่อยมันลงเถิด" ชายคนเดิมเอ่ยอย่างว้าวุ่นใจ "เชอะ! พวกเจ้าว่าสุนัขตัวนี้เป็นของจวนเจ้าข้าก็ต้องเชื่อเช่นนั้นรึ แล้วถ้าข้าพูดว่าข้าเก็บสุนัขตัวนี้ได้มันก็ต้องเป็นของข้าเหตุใดเจ้าถึงไม่เชื่อบ้างล่ะ" มีหรือที่คนอย่างเถียนซูหลินจะยอม จู่ๆ สุนัขที่ตนเองชอบก็เกิดมีเจ้าของขึ้นมา หากพวกนี้โกหกแล้วเจ้าของที่แท้จริงมาเจอเล่า ใช่ว่าสุนัขพันธุ์นี้ ใครๆจะเลี้ยงได้ หากไม่ใช่คนที่มีฐานะสูงส่ง การโต้เถียงยังคงดำเนินต่อไป อีกด้านหนึ่งที่มีรถม้าคันงามจอดดูเหตุการณ์อยู่นานเห็นว่าบ่าวของตนกำลังโต้เถียงเรื่องสุนัขอยู่ และดูท่าจะไม่ได้กลับมาง่ายๆ เสียแล้ว เจ้าของสุนัขที่อยู่ด้านในรถม้าสองจิตสองใจ ฝ่ามือกำแน่นจนขึ้นข้อขาวทั้งยังมีเหงื่อไหลซึม จนเขาเริ่มตัดสินใจเด็ดขาด เปิดผ้าม่านแล้วก้าวเท้ายาวมายืนตรงที่สองฝ่ายทะเลาะกัน "สุนัขตัวนี้เป็นของข้า" เสียงสั่นเอ่ยดังขึ้นด้วยความประหม่าจนทำให้บ่าวชายทั้งสองรวมถึงเถียนซูหลินหันมามอง 'ตื่นกลัวล่ะสิ เจ้าทำหน้าเช่นนั้นแสดงว่ากลัวข้าแล้ว' ชายอายุสิบห้าปี พยายามทำหน้าขึงขังตวาดลั่นแต่น้ำเสียงสั่นเครือแฝงไปด้วยความตื่นกลัว "อ๊ะ... สุนัขตัวนี้เป็นของเจ้า พิสูจน์สิ!" เถียนซูหลินหันไปมองแล้วโต้เถียงทันควัน หาได้สังเกตรูปลักษณ์ของชายสูงผอม เหงื่อซึมข้างขมับ เขา -- 'หวังโสว่เหริน' เมื่อเห็นสตรีตรงหน้าดูท่าทางดุดันกว่าตนหันมาย้อนถาม ทั้งไม่มีท่าทีจะหวาดกลัวเขาเอาเสียเลย "จะ...เจ้าไม่กลัวข้าหรือ?" เขาถามเสียงประหม่าระคนสงสัย แทนที่เขาจะสนใจสุนัขตัวนั้นกลับหันเหความสนใจมาเป็นตัวเขาเสียเอง "กลัว? มีอะไรน่ากลัวเชียว เอ๊ะ..." นางพิจารณาผู้มาใหม่ที่พยายามจะยื้อแย่งของชอบในมืออีกครั้ง ผู้ชายที่แสดงสีหน้าให้ดุดันเมื่อครู่ เขามีผิวที่ซีด เส้นผมสีขาวประกาย ดวงตากลมโตแต่มิใช่ดวงตาสีดำแต่กลับเป็นดวงตาสีฟ้าครามยามต้องแสงแดด ดวงตากลับค่อยประกายแสงสีแดง จู่ๆ เถียนซูหลินก็รู้สึกใจเต้นแรงไม่เป็นสับ ก่อนจะสงบอารมณ์ได้สักพักก็เอ่ยขึ้น "ก็ไม่เห็นน่ากลัวนี่ ทำไมหรอเจ้าคิดว่าข้าสมควรจะกลัวเจ้าหรือยังไง เชอะ! ฝันไปเถอะ หากเจ้าเป็นภูติผีปีศาจ สำแดงฤทธิ์เดชได้ล่ะก็ ค่อยมาบอกข้านะเจ้าลูกเต่า" นางพูดจบก็อุ้มสุนัขหมายจะเดินกลับ เพราะดูแล้วเขาคงเป็นเจ้าของสุนัขตัวนี้เพราะนางสังเกตจากอาการของสุนัขที่ดิ้นไปดิ้นมา หมายจะหลุดพ้นพันธนาการของนาง "เจ้า! เจ้าจะเอาสุนัขของข้าไปไม่ได้นะ นั่นมันเป็นของข้า" เขาพูดจบคำก็ประจวบเหมาะกับที่สุนัขตัวนั้นหลุดจากอ้อมกอดนาง และตะเกียกตะกายหมายให้เจ้าของอุ้มมันขึ้นกระโดด "อ๊ะ! เจ้าสุนัขข้าช่วยชีวิตเจ้านะ ถึงกับต้องข่วนแขนข้าเป็นรอยเลยหรอ?" นางกล่าวน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียด "เจ้าเป็นอะไรไหม?" เด็กชายที่อุ้มสุนัขตัวโปรดเอ่ยถามน้ำเสียงสลด ทั้งที่รู้ว่านางไม่พอใจอนึ่งหญิงตรงหน้าก็เป็นผู้หาเรื่องเองแต่เขาก็อดที่จะถามไม่ได้ เถียนซูหลินเงยหน้ามาหัวคิ้วขมวดมุ่นเอ่ยเสียงแข็ง "นี่ไงเล่า ข้าเสียโฉมขนาดนี้ จะไม่เป็นอะไรได้อย่างไร หากเจ้าเป็นเจ้าของสุนัข เจ้าต้องชดใช้!" นางตะเบงเสียงจนทำให้ชายตรงหน้าอย่างหวังโสว่เหรินมีสีหน้าไม่สู้ดี "ชดใช้หรอ ข้าไม่มีสิ่งใดชดใช้ คงมีแต่...เพียงแต่ว่าข้ายังเด็กและอาจจะเด็กกว่าเจ้า เจ้าคง...ไม่คิดแต่ง" เขาเคยได้ยินมาว่าหากสตรีเสียโฉมคงแต่งออกลำบาก ชดเชยเงินทองคงไม่เหมาะกับหญิงตรงหน้านี้แน่เพราะดูจากการแต่งกายแล้วนางคงไม่ขัดสน ยิ่งเขาคิดแล้วเปิดปากพูดออกมา ลำคอที่ตั้งตรงก็ค่อยๆ ตกลงจนเกือบจะทำให้ใบหน้าทิ่มลงพื้น "หุบปากเจ้าเลยนะ ใครให้เจ้าชดใช้ด้วยสิ่งนั้นกัน" นางตวาดเสียงลั่น จนเขาตกใจเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นแววตาเกรี้ยวกราดแปรเปลี่ยนเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ นางรีบจูงแขนของหวังโสว่เหรินแล้วเอ่ยเสียงเบาให้ได้ยินเพียงแค่เขาเท่านั้น ตอนแรกเขาก็พูดเบาพลางพยักหน้า ไม่นานก็ร้องเสียงหลงพร้อมใบหน้าที่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ทว่าสีหน้าอีกฝ่ายกลับทำให้เขากลืนน้ำลายอย่างลำบาก [1] สุนัขพันธุ์จิงปา คือสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD