รถม้าวิ่งไปตามทางเพื่อตรงกลับจวนสกุลเจิ้ง ผู้ที่อยู่ด้านในเอาแต่ปาดน้ำตา ที่ยังคงไหลมาเป็นระยะ ไม่มีเสียงสะอื้นไห้ ไม่มีคำกล่าวต่อว่าหรือแม้แต่คำผรุสวาท มีเพียงน้ำตาและสายตาเหม่อมองไปตามทางที่รถม้าพาไป เมื่อได้ยินเสียงสาวใช้คุยกันเบาๆ นางจึงหันมามอง ทำให้พวกนางสงบปากลงได้
‘จริงสินะ ในฝันนั้นก็ไม่เคยมีเขา หากฝันนั้นคือความจริงในภพหน้า แสดงว่าภพนี้เขาก็ไม่เคยมีข้าในใจ ไม่ต้องการให้มีข้าเคียงคู่ ไม่เห็นจะสนุกเลย ข้าไม่สนแล้ว ข้าจะไม่สนเขาแล้ว ใครง้อก่อนเป็นลูกสุนัข!' ความคิดหยุดลงเมื่อรถม้ามาจอดเทียบประตูจวน แต่นางก็ยังไม่ลงจากรถม้าแม้สาวใช้จะลงมานานแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงค่อยก้าวเท้าลงมา
นางเงยหน้ามองป้ายชื่อสกุลเจิ้ง ก่อนที่จะมองทางเข้าประตู 'เชอะ! ไม่อยู่ก็ได้ ใครสนกัน ข้ามาเก็บของต่างหาก' นางก้าวเท้าและเดินก้าวข้ามประตูเดินตรงไปยังเรือนที่คนสกุลเจิ้งจัดให้นางอยู่
"ได้ข่าวว่าไปก่อเรื่องมาอีกแล้วสิ" เจิ้งชิวยี่เอ่ยดังเมื่อเห็น
เถียนซูหลินเดินเข้ามาพอดี นางฟังแล้วยิ้มเย็นให้ "สงสัยจวนสกุลเจิ้งเลี้ยงสุนัขหรือไม่คุณหนูเจิ้งก็คงเป็นหนูสินะ" นางกล่าวจบก็เดินสวนเจิ้งชิวยี่ไป
"เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" นางมีหรือจะยอมเมื่ออีกฝ่ายต่อว่ามา นางจึงรีบเอ่ยและกระชากแขนอีกฝ่ายให้หยุดเพื่ออธิบาย
"เจ้าก็ดูไม่ใช่คนโง่นี่ ในเมื่อเลี้ยงสุนัขไว้มันย่อมต้องคาบข่าวมาบอก แต่ถ้าไม่..."
"เจ้าว่าข้าไปหนูหรือ?"
"ใช่! สกปรกด้วย" นางยกคิ้วเป็นเชิงท้าท้าย เห็นอีกฝ่ายไม่โต้เถียงจึงแสยะยิ้ม ทว่าจังหวะที่นางกำลังจะก้าวขา ฝ่ายตรงข้ามกลับง้างมือลงมา ดีที่นางไหวตัวทันมือจึงคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้ได้
"เจิ้งชิวยี่ วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี อีกอย่าง...ข้าเป็นคนแค้นแรง แม้แต่พี่สะใภ้รอง... อยากลองบ้างไหม?" เสียงแข็งเปล่งคำพูดออกมาทั้งส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายจนทำให้อีกฝ่ายกลัวขึ้นมา
"ที่ผ่านมาถือว่าข้าไม่เคยได้ยินคำนินทาเรื่องของข้าจากปากเจ้า" นางปล่อยมือและเดินชนร่างอีกฝ่ายจนเซไปข้างหลัง
เมื่อเข้ามาถึงเรือน นางก็เอนตัวลงนอนในสมองว่างเปล่าดวงตาเหม่อมอง จู่ๆ นักบวชหญิงรูปนั้นกล่าวออกมาก็กระแทกเข้าในใจนางอย่างแรงอีกครั้ง หัวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกอึดอัด หายใจติดขัดจนนางจำต้องลุกขึ้นนั่ง เพื่อหวังโกยอากาศที่เมื่อครู่ขาดหายไป
นางสูดลมหายใจเข้าไปได้จนรู้สึกโล่งแต่ไม่คิดว่าการหายใจเมื่อครู่จะดึงโลหิตจากโพรงจมูกออกมาด้วย
นางรีบเงยหน้าพร้อมหยิบผ้าเช็ดหน้าอุดจมูก ระงับการไหลของเลือดกำเดาเพียงไม่นานเลือดที่จู่ๆ ก็ไหลออกมาจึงเหือดแห้งลง พร้อมๆ กับที่อาม่านและจิวลู่เดินเข้ามาพอดี
"พวกเจ้าเข้ามาก็ดีเลย เก็บของทั้งหมดของข้ากลับจวน"
"กะ...กลับเลยหรือเจ้าคะ" จิวลู่เอ่ยถามเสียไม่ได้ เมื่อเห็นผู้เป็นนายพยักหน้ายืนยัน นางจึงเข้ามาจัดการเก็บข้าวของทันที ส่วนเถียนซูหลินทำเพียงมองสาวใช้ทั้งสองที่กำลังเก็บของอย่างกุลีกุจอ
"เจ้าจะกลับจวนแล้วหรือ ไหนว่าจะรอให้บิดาเจ้ามารับ" เสียงเรียบเอ่ยถามอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก
"เจ้าค่ะ อีกไม่นานท่านพ่อก็กลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว อีกประการ...ข้าอยู่ที่จวนนี้ก็ไม่ทำประโยชน์อะไรกลับสร้างความเดือดร้อนให้กับเจิ้งฮูหยิน" เจิ้งฮูหยิน? คำนี้ทำให้จูลี่ถิงขมวดคิ้วน้อยๆ นางใช้คำเรียกขานเปลี่ยนไปปกติจะเรียกท่านป้า แต่ช่างเถอะ นางจะเรียกว่าอะไรก็ปล่อยไป
"ไม่เป็นไรหรอก บิดาเจ้าฝากฝังข้าดูแลเจ้ายามที่เขาต้องไปทำธุระต่างเมือง ข้าย่อมดูแลเจ้าอย่างดี ส่วนเรื่องที่เจ้าจะสร้างความเดือดร้อนนั้นครั้งหน้าก็อย่าคิดที่จะทำอีก ดีแค่ไหนที่ครั้งนั้นไม่ถึงชีวิต เฮ้อ...ว่าก็ว่าเถอะนะ ข้าเห็นเจ้ามาตั้งแต่ยังเยาว์จนเติบใหญ่ ไม่มีอะไรที่จะสมหวังไปเสียทุกอย่าง ดื้อรั้นมากไปก็รังแต่จะเกิดผลเสียแก่ตัวเอง"
"เจ้าค่ะ ขอบคุณเจิ้งฮูหยินที่ชี้แนะ พรุ่งนี้ข้าขอกลับจวน เกรงว่าจะเสียมารยาทที่เดินทางกลับโดยไม่มาลาบอกก่อน หวังว่าท่านจะไม่ถือสา" จูลี่ถิงพยักหน้าน้อยๆ หลุบตาต่ำยกชาขึ้นดื่มและวางลงพร้อมเอ่ยวาจาคล้ายจะถามความคิดเห็นแต่หากฟังดีๆ กลับเป็นคำบอกเล่าเสียมากว่า
"พรุ่งนี้ข้าจะให้คนไปส่งเจ้าที่จวน แต่โหย่งเฉียน..อ๊ะ!...พูดถึงก็มาพอดี เจ้าสาม...พรุ่งนี้คุณหนูเถียนจะกลับจวน เจ้าพอมีเวลาไปส่งนางหรือไม่แต่แม่เห็นพักนี้เจ้างานยุ่งหากไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร แม่จะสั่งคนให้ไปส่งนางเอง" เจิ้งโหย่งเฉียนเดินตรงเข้ามา คราแรกที่เขาได้ยินว่าเถียนซูหลินมาพบมารดาตน เขาคาดเดาไปว่านางคงจะมาฟ้องเรื่องของเขาเป็นแน่ อีกประการเขาก็ไม่ต้องการให้มารดาเรียกตนมาถามภายหลัง หากเขามายืนฟังคำของนางเสียเองคาดว่านางคงไม่กล้าเอ่ยคำเท็จแน่
"นางจะกลับจวน?" มารดาพยักหน้ารับ แต่เขามองไปที่
เถียนซูหลินเห็นสายตาที่ไม่ได้คาดหวังเขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
"ข้ามีงานเยอะ เกรงว่าจะไม่สะดวก" แม้เถียนซูหลินจะเตรียมใจไว้อยู่แล้วว่าเขาต้องปฏิเสธนางการไปส่งโดยหาข้ออ้างนานัปการออกมา แต่เมื่อได้ยินคำนั้นเข้าจริงๆ จมูกก็พลันแสบร้อน ลำคอตีบ นางรีบก้มหน้าเพื่อเรียกน้ำตาที่เริ่มคลอให้ไหลเข้าไปยังที่เดิม นางกัดริมฝีปากของตนอย่างแรงเเพื่อฝืนไม่ให้หลั่งน้ำตา
"ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว" นางย่อกายแล้วหมุนตัวเดินออกไป เมื่อพ้นประตูนางได้ยินเสียงจูลี่ถิงเอ่ยถามเรื่องของเขากับบุตรสาวผู้ตรวจการหลิว นางอดที่ใจคิดคำพูดเมื่อครู่ไม่ได้ 'ไม่มีอะไรสมหวังทุกอย่าง คงหมายถึงข้าสินะที่ไม่สมควรสมหวังกับเขา'