เถียนซูหลินมาถึงจวนก็เย็นมาก จึงเป็นสาเหตุให้นางต้องเผชิญหน้ากับซูเหมยอิงผู้เป็นมารดาและเป็นใหญ่รองจากเถียนต้านบิดาของนางหลังจากที่ตนพยายามจะหลีกเลี่ยงอยู่เสมอ
"กลับมาถึงจวนเสียหลายวัน วันนี้ข้าคงจะโชคดีที่ได้เจอบุตรสาวตัวดีเสียที" น้ำเสียงเหน็บแนม ทั้งดวงตาที่จับจ้องที่ร่าง
เถียนซูหลิน นางจำต้องหยุดฝีเท้าเพื่อคารวะและหาเหตุผลชี้แจง
"ท่านแม่ ข้าไม่ใช่ไม่อยากไปหานะเจ้าคะ เพียงแต่ข้าเห็นท่านแม่เหน็ดเหนื่อยจากการตรวจสอบบัญชี เกรงว่าถ้าข้าเข้าไปจะทำให้ท่านแม่หงุดหงิดเอาได้เจ้าค่ะ"
นางแค่นเสียงเย็นใสในลำคอ "หึ! ข้าผ่านร้อนผ่านหน้าวมาครึ่งชีวิตจะดูไม่ออกหรือว่าที่เจ้าสื่อออกมาคืออะไร อบรมสั่งสอนไม่จำใส่ใจ อย่าให้ข้ารู้ว่าทำตัวเหลวไหล ช้าสอนบุตรไม่เหมือนมารดาสกุลอื่น" พูดจบนางก็สืบเท้าเดินตรงไปเบื้องหน้าแต่หางตายังชำเลืองหาคนด้านหลังเห็นว่าเถียนซูหลินไม่เดินตามตนมาก็ดุใส่ทันที
"เจ้าจะไปไหน?"
"กลับเรือนเจ้าค่ะ"
"เหลวไหล ในจวนนี้ยังไร้ซึ่งกฎระเบียบสำหรับเจ้าอีกหรือ ตามข้ามาทานมื้อเย็น และข้าก็ไม่อนุญาตให้ใครนำอาหารไปส่งให้เจ้าถึงเรือนอีก" นางแอบลอบถอนหายใจแต่ก็อดคิดไม่ได้ 'ทีพี่รองกับพี่ใหญ่อยากทานอะไรยังให้บ่าวนำไปส่งได้เลย' แม้จะเอ่ยในใจแต่ปากก็รับคำ
"เจ้าค่ะ" นางจำต้องเดินตามมารดาไปยังเรือนใหญ่ที่มีสำรับตั้งไว้พร้อมแล้ว และมื้อเย็นนี้ไม่ใช่มีเพียงนางกับมารดาเท่านั้นหากแต่มีพี่ใหญ่ พี่รองและสะใภ้ทั้งสองอยู่ด้วย
"คารวะพี่ใหญ่ พี่รอง พี่สะใภ้ทั้งสองเจ้าค่ะ" นางย่อกายคารวะและไปนั่งยังเก้าอี้ที่ถูกเพิ่มเข้ามาอีกตัว จื่อหยวนเมื่อพบเถียนซูหลินนางกลับไม่กล้าที่จะตักอาหารเข้าปาก เอาแต่คีบข้าวเพียงไม่กี่เม็ดเข้าปาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมาทำเพียงทานอาหารเงียบๆ
หลังทานอาหารเรียบร้อยแทนที่เถียนซูหลินจะได้กลับเรือน นางถูกมารดารั้งให้อยู่ก่อน
"วันนั้นที่เกิดเหตุเป็นเพราะเจ้าสร้างเรื่องใช่ไหม?" หากนางไม่ได้ยินคำถามนี้ก็คงไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อคำถามนี้หลุดออกมา ไม่รู้ทำไมนางรู้สึกลำคอตีบตัน ไม่ใช่เพราะเสียใจกับการกระทำแต่เป็นเพราะระหว่างที่นางรักษาตัวอยู่ ไม่มีคนสกุลเถียนมาเยี่ยมนางเลยสักครั้งแม้แต่จะส่งบ่าวไพร่มาสอบถามถึงอาการนางก็ไม่ได้ยินแม้แต่น้อย
"เจ้าค่ะ เป็นเพราะข้าเอง" นางตอบอย่างมาดมั่นแต่ในใจกลับกริ่งเกรงมารดา
"แล้วเป็นไงเล่า เกือบจะเอาชีวิตไปทิ้ง นึกว่าตนเองฉลาดนักหรือยังไง คงคิดแผนตื้นๆ ออกมาอีกล่ะสิท่า" พี่รองที่นั่งฟังอยู่นานพอสมควร พอได้ยินคำตอบก็พูดโพล่งขึ้นมาโดยไม่สนใจว่าเจ้าตัวจะรู้สึกอย่างไร
"ข้าฉลาดหรือไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย ฉลาดอย่างเจ้าก็หาได้แค่บ่าวของข้าไปเป็นภรรยา" นางพูดจบก็หันไปมองที่จื่อหยวนที่นั่งด้านข้าง เขาเผลอมองไปที่ภรรยาที่ถูกดึงมาพาดพิงกับหัวข้อสนทนาครั้งนี้ เห็นนางเม้มปากหลุบตาต่ำ เขาฟังคำพูดน้องสาวที่เหน็บแนมเอื้อมมือของตนไปจับมือนางไว้และเอ่ยปากปกป้อง
"เจ้าหุบปากไปเลย"
"ข้าไม่หุบ ใครใช้ให้เจ้าเสนอความคิดกันเล่า"
"หยุดทั้งสองคนนั้นแหละ ข้าไม่ได้ให้พวกเจ้าสองคนมาทะเลาะกัน ส่วนเจ้า! ซูหลิน เถียนซินฟู่เป็นพี่รองของเจ้า เจ้าต้องให้เกียรติและรักเขาเยี่ยงบิดา"
"แล้วเขาเคยรักข้าไหมเล่าท่านแม่" นางเป็นสตรีเผ็ดร้อนยามใครพูดอันใดที่ผิดใจนางก็จะสวนกลับทันที
"เจ้า! พูดกับเจ้ามีแต่เหนื่อยเปล่า คงมีแต่บิดาเจ้าที่สั่งสอนเจ้าได้คนเดียวกระมัง" นางรีบหุบปากทันที ดวงตายังแฝงความดื้อรั้นและความจองหองอยู่ประปรายมองเถียนซินฟู่ไม่ลดละ
"เถียนซูหลิน!" เสียงตักเตือนดังปรามสายตาที่ใช้มองบุตรชายคนรอง "เจ้าค่ะ ท่านแม่" นางเอ่ยรับคำอย่างตัดพ้อ
"ข้าบอกแล้วว่าไม่ควรแสดงกิริยาอย่างนี้ ไม่ว่าจะกับผู้ใดก็ตาม ส่วนเจ้านะเจ้ารอง ข้าไม่ได้ให้เจ้าเสนอความคิดเห็นใดๆออกมา"
"ขอรับท่านแม่" เถียนซินฟู่ก้มหน้ารับผิด ซูเหมยอิงเห็นบุตรชายเชื่อฟังคำจึงหันมากล่าวกับเถียนซูหลินต่ออีก
"เมื่อเจ้ากลับมาแล้วก็เลิกทำตัวเหลวไหลได้แล้ว ฝึกปักผ้า เขียนอักษรหรือศาสตร์ของสตรีเหมือนสตรีอื่นๆได้แล้ว"
"ข้าไม่ชอบนี่เจ้าคะ ให้ข้าช่วยทำบัญชีของร้านก็ได้เจ้าค่ะ"
"เจ้าฝึกบัญชีที่จวนได้แต่ทำบัญชีที่ร้านไม่ได้ เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของพี่ใหญ่และสะใภ้ใหญ่ อย่างไรเจ้าก็ต้องแต่งออก เจ้าค่อยไปดูแลทรัพย์สินของสามีเจ้าเถอะ"
"แต่ข้าก็ควรมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการของตระกูล พี่สะใภ้ใหญ่ทำคนเดียวไม่ไหวหรอกเจ้าค่ะ บางครั้งท่านแม่ยังเข้าไปดูแลและตรวจสอบอีกครั้งไม่ใช่หรือเจ้าคะ"
"นางต้องทำให้เป็นและต้องคล่องด้วยเพื่อจะได้ไม่ผิดพลาด เพราะนั่นคือกิจการของตระกูล แต่เจ้า...ไม่เหมือนกัน"
"แล้วถ้า...แล้วถ้าข้าไม่แต่งออก ข้าจะมีส่วนเป็นเจ้าของกิจการในตระกูลเหมือนพี่ใหญ่และพี่รองไหมเจ้าคะ?"
"เจ้าอย่าพูดเหลวไหล สตรีทุกคนอย่างไรก็ต้องแต่งออก และเจ้าอย่าสร้างเรื่องเดือดร้อนให้มากความนัก เรื่องแต่งเข้าตระกูลนั้น รอให้บิดาเจ้ากลับมาจัดการ เจ้าไปได้แล้วข้าจะไปพักผ่อน" นางกล่าวจบก็ไม่ฟังคำใดๆ ที่ออกจากปากของเถียนซูหลินอีก นางทำเพียงมองมารดาอย่างน้อยใจ ทำไมนางถึงไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการในตระกูลได้เลย หากจะพูดถึงเรื่องบัญชีมีเพียงเงินในจวนที่ให้นางฝึกปรือ แต่ก็ต้องให้มารดาตรวจสอบอยู่ดี