ตาคู่สวยลืมขึ้นภายใต้ความมืดสลัวก่อนจะกลอกตามองยังรอบห้องที่คุ้นเคย พอเห็นคนเป็นแม่นอนอยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งอก เมื่อรับรู้ว่าเรื่องราวที่เธอพบเจอเมื่อครู่เป็นเพียงฝันเท่านั้น
ทว่าหัวใจดวงเล็ก ๆ ยังคงเต้นสั่นระรัวไม่หยุด เพราะไม่เคยฝันน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน...
น้ำพริกพยายามข่มตาหลับลงอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะฝันร้ายที่พบเจอยังติดอยู่ในใจอีกทั้งตอนนี้ยังรู้สึกปวดฉี่มากอีกต่างหาก จึงมองไปทางหน้าต่างเห็นพระจันทร์ทอแสงสว่างไสว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาเมื่อเห็นว่าใกล้ย่ำรุ่งแล้ว จึงดันตัวลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อลงไปเข้าห้องน้ำเมื่อทนกับความทรมานอีกต่อไปไม่ได้
สองขาเรียวเล็กเดินพ้นประตูห้องนอนออกมาข้างนอก สายตาก็มองเห็นไฟที่เรือนรับรองเปิดอยู่ก็ทำให้อุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย แม้จะไม่ได้เป็นคนขี้กลัวแต่ทว่าความฝันเมื่อครู่ก็ทำเอาใจหวาดหวั่นไม่น้อย
เมื่อเสียบปลั๊กไฟห้องน้ำจนสว่างจ้าแล้ว ขาเรียวเล็กก็เดินลงบันไดมุ่งไปยังห้องน้ำทันที…
ขณะกำลังเดินไปยังห้องน้ำ สายตาก็เหลือบเห็นว่าที่สามีของเธอเดินออกมาจากเรือนรับรองโดยบนบ่ามีผ้าขาวม้าพาดอยู่ กำลังมุ่งตรงไปยังห้องน้ำเช่นเดียวกัน
เห็นเช่นนั้นน้ำพริกจึงเตรียมจะวิ่งไปยังห้องน้ำเพื่อให้ถึงก่อนก้อง เพราะกลัวเขาจะเข้าก่อน
“อ๊ะ!” ทว่าลืมไปว่าข้อเท้าเธอยังเจ็บอยู่ทำให้ไม่สามารถวิ่งได้
เสียงร้องทำให้ร่างสูงที่กำลังจะเดินถึงห้องน้ำหันมองทางต้นเสียง พอเห็นน้ำพริก ก้องจึงมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะเลือกไม่สนใจละสายตาจากคนตัวเล็ก แล้วก้าวเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที...
ขณะที่มือหนากำลังจะปิดประตูห้องน้ำ ทว่าก็ถูกคนข้างนอกดันประตูไว้เสียก่อน ก้องจึงชะงักเล็กน้อยแล้วมองน้ำพริกด้วยสองคิ้วขมวดมุ่นไม่เข้าใจการกระทำของเธอ แต่ก็ยังไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไปเพราะร่างเล็กที่ยืนบิดตัวอยู่หน้าห้องน้ำพูดขึ้นก่อน
“หนูขอเข้าก่อนได้ไหม”
“ใครมาถึงก่อน?”
“แต่หนูเป็นคนเปิดไฟห้องน้ำนะ”
“ไม่เกี่ยว”
“หนูปวดฉี่มาก ๆ เลย ขอเข้าก่อนได้ไหม นะ ๆ” แม้น้ำพริกจะทำเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับตาปริบ ๆ เพื่อออดอ้อนให้คนด้านหน้าเห็นใจ แต่เขากลับยืนมองเธอนิ่ง ๆ แล้วเลือกไม่สนใจในคำขอของเธอเพราะถือว่าเขามาถึงก่อน
จึงอยากให้เธอรู้จักรอคนอื่นเสียบ้าง...
ก้องจึงเตรียมดันประตูปิดอีกครั้ง ซึ่งน้ำพริกก็รู้ดีอยู่แล้วว่าที่ทำไปทั้งหมดเขาไม่มีทางเห็นใจเธอแน่ จึงรีบแทรกตัวเข้าไปในห้องน้ำและเป็นจังหวะที่ก้องดันประตูปิดลงพอดี
ทำให้ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ภายในห้องน้ำด้วยกันสองคนเพียงลำพัง...
“พี่ล็อกประตูด้วยนะ เผื่อมีใครมาขัดจังหวะเรา” น้ำพริกพูดด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะขยับเดินเข้าไปใกล้ก้องมากขึ้น ทำเอาร่างสูงที่ยืนมองเธอนิ่ง ๆ ต้องขยับตัวออกเล็กน้อย แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น เนื่องจากหน้าตายังไม่ได้ล้างจะให้มายืนสบตากับเธอในช่วงเวลานี้ก็คงไม่ใช่
ก่อนจะถามเธอด้วยสีหน้าสงสัย ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดเมื่อครู่...
“ขัดจังหวะอะไร?”
“ก็หนูฉี่พี่แปรงฟันไง หรือพี่คิดขัดจังหวะอย่างอื่น?”
“เว้าไปทั่วทีป เป็นแม่หญิงบ่ฮู้จักอายแหน่ติ” (พูดไร้สาระ เป็นผู้หญิงไม่รู้จักอายหน่อยเหรอ)
“อ้าว! ก็มันปวดจนทนไม่ไหวแล้วอะ อีกอย่างหนูก็ขอพี่เข้าก่อนแล้วด้วย แต่พี่ไม่ยอมเอง”
น้ำพริกยังคงปั้นหน้าพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเดินไปยังชักโครกทำทีจับชายกระโปรงชุดนอนดึงขึ้นเล็กน้อยจนเห็นขาขาวเนียน คล้ายกับกำลังจะเตรียมนั่งฉี่ ขณะสายตานั้นมองร่างสูงด้านหน้าไม่กะพริบ เพื่อดูว่าคนนิ่ง ๆ อย่างเขาจะทำยังไงต่อ...
ทางด้านก้องเห็นเช่นนั้นก็มองลงไปยังขาขาวเนียนของเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเบือนหน้าไปทางอื่น ทั้งที่ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงอยู่ไม่เป็นสุข แล้วพ่นลมหายใจคล้ายเหนื่อยหน่ายกับความดื้อของเธอ
ก่อนจะเดินไปหยิบแปรงสีฟันและยาสีฟันตรงชั้นวางสบู่ ที่ห้อยตะปูอยู่ข้างผนังห้องน้ำ เมื่อได้สิ่งที่ต้องการมือหนาก็จับประตูเปิดออกแล้วก้าวเดินไปข้างนอกทันที
พอร่างสูงเดินออกไปแล้วใบหน้าสวยก็ระบายยิ้มด้วยท่าทีชอบอกชอบใจเมื่อได้แกล้งว่าที่สามีของเธอ ก่อนจะเดินไปปิดประตูห้องน้ำแล้วล็อกกลอนให้เรียบร้อย จากนั้นก็รีบทำธุระส่วนตัวกระทั่งเสร็จก็เดินออกไปข้างนอก มองไปยังหลังบ้านเห็นตะวันกำลังขึ้นพอดี
น้ำพริกจึงเดินไปหลังบ้านก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงยังขอนไม้ ขณะตาคู่สวยนั้นมองยังต้นข้าวที่มีแสงอ่อน ๆ ของตะวันทอแสงอยู่ ซึ่งดูสวยงามสบายตามาก ก่อนจะสูดดมกลิ่นอายธรรมชาติจนฉ่ำปอด แล้วนั่งมองทิวทัศน์ด้านหน้าด้วยสายตาพึงพอใจ
เมื่อตกหลุมรักกับบรรยากาศที่นี่เข้าแล้ว...
ร่างเล็กนั่งเล่นอยู่ที่ขอนไม้สักพัก กระทั่งได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากทางด้านหลังใบหน้าสวยจึงหันไปมอง ก่อนจะเห็นแม่ของเธอเดินเข้าไปในครัวกับกัญญา เธอจึงดันตัวลุกขึ้นจากขอนไม้แล้วเดินมุ่งตรงไปยังครัว เพื่อดูว่ามีอะไรพอจะช่วยได้บ้าง
แม้เธอจะทำกับข้าวไม่เป็น แต่อย่างน้อยช่วยหยิบจับอะไรบ้างก็คงจะดี...
“วันนี้ใส่บาตรด้วยกันไหมน้ำพริกลูก?” ขณะกำลังช่วยกันทำกับข้าว กัญญาก็เอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ที่กำลังนั่งเด็ดใบกะเพราด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ไปใส่ที่วัดเหรอคะ?”
“ใส่หน้าบ้านของแม่นี่แหละ”
“อ๋อ ใส่ค่ะ” เมื่อได้คำตอบ ทั้งสามก็ช่วยกันทำกับข้าวกระทั่งเสร็จ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวเพื่อรอใส่บาตร พอเห็นว่าใกล้เวลาพระมาบิณฑบาตแล้วกัญญาก็ชวนนลินญาและน้ำพริกลงไปนั่งรอพระที่หน้าบ้าน
ซึ่งใช้เวลานั่งรอไม่นาน ตาคู่สวยก็มองเห็นพระภิกษุสงฆ์และสามเณรกำลังเดินมุ่งหน้ามา ร่างเล็กจึงสำรวมกิริยาเพื่อรอใส่บาตร
ทางด้านก้องหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็รีบไปกินข้าวกินปลา เนื่องจากวันนี้ต้องไปส่งเศียรให้ลูกค้าประจำที่อยู่อีกจังหวัด เมื่อตักกับราดลงบนจานข้าวเรียบร้อย ร่างสูงก็เดินไปนั่งชันเข่ากินข้าวที่เตียงไม้สักหน้าห้องครัว
ขณะตักข้าวใส่ปากดวงตาก็มองไปยังหน้าบ้าน เห็นน้ำพริกกำลังใส่บาตรกับแม่ของเขาและแม่ของเธออยู่ ตาดำขลับจึงมองใบหน้าสวยของเธอไม่ละไปไหน ขณะในหัวนั้นเต็มไปด้วยคำถามกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนโดยไม่อาจหาคำตอบได้...
ในเวลาเดียวกันที่ก้องนั่งมองน้ำพริกอยู่นั้น ก็มีอีกหนึ่งสายตาที่กำลังเพ่งพินิจเธออยู่เช่นกัน แววตาหวั่นวิตกของผู้ทรงศีลที่ชำเลืองหญิงสาวใบหน้าสะสวย ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งอยู่เต็มอก
เมื่อเห็นคนตัวเล็กด้านหน้าไม่มีเงาหัว...
ก่อนที่พระสมพงษ์ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสของวัด จะละสายตาจากน้ำพริกไปยังก้องภพที่มองอยู่ เมื่อเห็นชายหนุ่มประนมมือไหว้ด้วยความเคารพท่านจึงพยักหน้ารับ พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ แล้วเดินนำหน้าพระลูกวัดมุ่งตรงไปยังวัดทันที...
การกระทำของพระสมพงษ์อยู่ภายใต้สายตาของร่างสูงที่นั่งมองอยู่...
ก่อนที่เขาจะเบี่ยงดวงตาไปยังร่างเล็กที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พอเธอเห็นเขามองอยู่ก็ฉีกยิ้มกว้างส่งให้ ก้องจึงเลือกไม่สนใจก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ จะได้รีบไปเตรียมเศียรขึ้นรถเพื่อไปส่งลูกค้า
ช่วงสายของวันหลังจากยกเศียรขึ้นรถกับคนงานเสร็จเรียบร้อย ร่างสูงก็เดินเข้าไปในเรือนรับรองแล้วหยิบตะกรุดที่ผ่านกระบวนการปลุกเสกมาเป็นอย่างดี เดินขึ้นไปบนบ้าน เห็นคนเป็นแม่กำลังนั่งคุยกับนลินญาอยู่หน้าโทรทัศน์ จึงเดินไปหาแล้วยื่นสิ่งที่อยู่ในมือไปให้
ทางด้านกัญญาเมื่อเห็นก้องยื่นตะกรุดมาให้ก็งุนงงไม่น้อย เพราะไม่เข้าใจว่าลูกชายจะเอาสร้อยตะกรุดมาให้ทำไมในเมื่อตัวเธอก็สวมใส่อยู่ แต่ก็ยังไม่ได้เอ่ยถามออกไป เพราะร่างสูงข้างหน้าพูดขึ้นก่อน...
“ข่อยฝากให้น้ำพริกแหน่” (ฉันฝากให้น้ำพริกหน่อย) สิ้นคำพูดของลูกชายกัญญาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแววตาดูมีความหวังขึ้นมา เมื่อเห็นลูกชายของเธอดูใส่ใจว่าที่สะใภ้ขึ้นมาบ้าง
“เป็นหยังก้องคือบ่เอาไปให้น้องเอง?” (ทำไมก้องถึงไม่เอาไปให้น้องเอง)
“บ่ แม่นั่นล่ะเอาไปให้ ข่อยฟ้าว” (ไม่ แม่นั่นแหละเอาไปให้ ฉันรีบ)
“กะได้ เดินทางปลอดภัยเด้อบักหล่า” (ก็ได้ เดินทางปลอดภัยนะลูก)
ก้องไม่ได้เอ่ยตอบเพียงพยักหน้ากลับไปเบา ๆ หลังจากยื่นตะกรุดที่มีความเชื่อว่าป้องกันอันตรายจากภูตผีปีศาจให้คนเป็นแม่แล้ว ร่างสูงก็เดินลงบันไดมุ่งตรงไปยังรถกระบะสีดำที่มีคนงานจอดรอรับอยู่...
ทางด้านน้ำพริกหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาจากห้องนอน สายตาก็เหลือบเห็นก้องกำลังเดินไปขึ้นรถพอดี เธอจึงมองเขากระทั่งรถคันดังกล่าวเคลื่อนออกจากบ้านจนพ้นสายตา...
“น้ำพริกมานี่หน่อยลูก” ขณะตาคู่สวยกำลังมองรถของว่าที่สามีเธอแล่นออกจากบ้านอยู่ พอได้ยินเสียงเรียกดังมาจากหน้าโทรทัศน์เธอจึงหันไปมอง เห็นแม่เธอนั่งอยู่ที่โซฟากับกัญญาจึงเดินไปหา
“คะแม่?” สิ้นเสียงเล็กที่เอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย นลินญาก็หันไปมองกัญญาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน จะยื่นสร้อยเชือกถักที่มีตะกรุดอยู่ตรงกลางไปให้หญิงสาวด้านหน้า
“พี่ก้องเขาฝากมาให้”
“ให้หนูเหรอคะ?”
“ใช่จ้ะ” แม้จะงุนงงไม่น้อยเมื่อจู่ ๆ อีกคนก็ให้สร้อยเธอ แต่ก็เลือกเก็บความสงสัยไว้ในใจ แล้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่ด้านหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปรับสร้อยตะกรุดมาสวมใส่รอบคอทันที
จากนั้นก็นั่งเล่นโทรศัพท์และฟังผู้ใหญ่สองคนพูดคุยกัน กระทั่งช่วงเที่ยงกัญญาก็ขอแว็บกลับไปดูยายของก้องที่บ้านพักหนึ่ง ทำให้ตอนนี้ทั้งบ้านเหลือน้ำพริกกับแม่ของเธอและคนงานในบ้านอีกสองคนเท่านั้น
หลังจากสองแม่ลูกนั่งคุยกันสักพักจนรู้สึกเบื่อจึงชวนกันไปเที่ยวห้าง...