เวลายังคงเดินไปเรื่อย ๆ กระทั่งพิธีต่าง ๆ ผ่านไปอย่างราบรื่น จนถึงช่วงเวลาส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอ ขณะที่ร่างสูงถือพานธูปเทียนแพกำลังจะเดินไปยังห้องนอนของตนที่ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นห้องหอแล้ว แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคนเป็นแม่พูดขึ้น
“ก้องจูงมือน้องเข้าห้องหอนำ” สิ้นเสียงกัญญาก้องก็หันไปมองน้ำพริกที่ยื่นมือมาให้เขาจับพร้อมกับทำตาปริบ ๆ เห็นเช่นนั้นก็อยากเอากำปั้นเขกลงยังหน้าผากด้วยความหมั่นไส้
จากนั้นก็ทำตามที่คนเป็นแม่บอกอย่างว่าง่าย เพราะอยากให้พิธีมงคลสมรสของเขากับเธอนั้นเสร็จสิ้นแล้ว คิดได้ดังนั้นมือหยาบกร้านที่ไม่เคยสัมผัสมือใครมาก่อน วัน ๆ จับแต่เศียรและโขนก็ค่อย ๆ เลื่อนไปกุมมือเล็กของอีกคน
พออุ้งมืออุ่นเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อประสานกับเธอ ความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัสเขาก็อยากคลายมือออกจากเธอทันที เพราะไม่คิดว่ามือเธอจะนุ่มนิ่มราวกับสำลีขนาดนี้ จนเกรงว่าความหยาบกร้านของมือตัวเองจะทำให้เธอนั้นเจ็บเอาได้
ขณะที่ก้องกำลังจะคลายมือออกจากน้ำพริก พอร่างเล็กรับรู้เช่นนั้นก็รีบกระชับมือเขาแน่น จากนั้นเธอก็พาเขาเดินไปยังห้องหอทันที...
หลังจากเดินจับมือกันเข้ามาในห้องเรียบร้อย ทั้งสองก็ทำพิธีขออโหสิกรรมพ่อแม่ เมื่อเสร็จก็นั่งฟังโอวาทและคำอวยพรจากผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน
“ตกแต่งเป็นผัวเมียกันแล้วหนักนิดเบาหน่อย ก็ค่อย ๆ พูดกันเด้อลูก” ก้องนั่งฟังเงียบ ๆ ก่อนจะพยักหน้าตอบกลับไปเมื่อแม่เขาพูดจบ
“เกิดอีหยังขึ้นกะให้จับมือกันไว้ ใช้ใจคุยกันอย่าใช้แต่อารมณ์” (เกิดอะไรขึ้นก็ให้จับมือกันไว้ ใช้ใจคุยกันอย่าใช้แต่อารมณ์)
“ค่ะ” ในขณะร่างสูงนั้นไม่ตอบอะไร คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ยกมือไหว้ให้กับคำสั่งสอนของพ่อก้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะได้ยินแม่ของเธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“อยู่กับพี่เขาก็อย่าดื้ออย่าซนให้มากนะพริก” นลินญาพูดพร้อมกับลูบศีรษะของลูกสาวด้วยท่าทีเอ็นดู คนตัวเล็กได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับไปอย่างฉับพลันเพราะไม่อยากให้แม่ของเธอเป็นห่วง
“ค่ะแม่ หนูจะไม่ดื้อไม่ซนเลย หนูจะเชื่อฟังพี่เขาทุกอย่าง” สิ้นเสียงเล็กใบหน้าสวยก็หันไปมองเจ้าบ่าวของเธอที่นั่งมองอยู่ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับขยิบตาให้เขา ซึ่งก้องเห็นเช่นนั้นก็อยากดีดหน้าผากของเธอแรง ๆ ด้วยความหมั่นไส้ในท่าทีระริกระรี้ที่แสดงออกมา
ส่วนนลินญาเมื่อเอ่ยบอกลูกสาวจบ เธอก็ละสายตาจากน้ำพริกไปยังชายหนุ่มที่ตอนนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเขยของเธออย่างถูกต้องตามประเพณีแล้ว ก่อนจะเอ่ยบอกก้องด้วยน้ำเสียงคล้ายขอร้อง
“น้าฝากฝังน้ำพริกด้วยนะก้อง น้ามีลูกสาวคนเดียว น้าอยากให้ลูกของน้าเจอคนดี คนที่รักลูกของน้าจริงและดูแลลูกของน้าได้” สิ้นเสียงนลินญาก้องภพก็พยักหน้ากลับไปเบา ๆ ...
หลังจากให้โอวาทเสร็จทางผู้ใหญ่ที่เคยผ่านพิธีมงคลสมรสมาก่อน ก็เอ่ยบอกให้เจ้าสาวก้มกราบลงยังตักของเจ้าบ่าวเพื่อความเคารพในสามี ซึ่งน้ำพริกได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองก้อง จากนั้นก็ทำตามที่ผู้ใหญ่บอกอย่างว่าง่าย
มือเล็กประนมขึ้นกลางหว่างอก ก่อนที่ศีรษะเล็กจะค่อย ๆ โน้มลงไปใกล้ตักอีกคน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะกะระยะผิด ทำให้ศีรษะเธอเลยหน้าตักของอีกคนไปยังกลางหว่างขา ก้องที่นั่งมองอยู่พอเห็นเช่นนั้นก็เริ่มหายใจติดขัดนั่งแทบไม่ติดเตียง ในจังหวะที่ใบหน้าของน้ำพริกกำลังจะแนบชิดกับเป้าของเขา มือหนาจึงรีบดันศีรษะเธอไว้
ทางด้านน้ำพริกที่ไม่รู้อะไรเลย พอถูกอีกคนดันศีรษะไว้ไม่ให้เธอก้มลงไปกราบจึงเงยหน้ามองเขาด้วยความสงสัย แต่พอเห็นก้องขยับถอยไปข้างหลังเล็กน้อยเธอจึงถึงบางอ้อทันที
ก่อนใบหน้าสวยจะหลุดยิ้มกับท่าทีหวงเนื้อหวงตัวของสามี พอก้องปล่อยมือจากศีรษะ น้ำพริกก็ก้มลงไปกราบยังหน้าตักแกร่ง...
“ลูบหัวน้องนำลูก” ขณะร่างสูงนั่งมองคนตัวเล็กไม่วางตา พอได้ยินคำบอกกล่าวของแม่ก็เลื่อนฝ่ามือไปลูบศีรษะเล็กทันที...
หลังจากกราบไหว้กันแล้ว ผู้ใหญ่ก็ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นไปนอนกอดกันบนเตียง ตามความเชื่อที่ว่าจะรักกันกลมเกลียว โดยให้ผู้หญิงนอนฝั่งซ้ายต่ำจากผู้ชายที่นอนทางฝั่งขวาเล็กน้อย
“กอดกันแน่น ๆ ลูก มันสิได้ฮักกันแฮง ๆ” (กอดกันแน่น ๆ ลูก มันจะได้รักกันมาก ๆ) น้ำพริกได้ยินยายของก้องเอ่ยบอกเช่นนั้น เธอก็รีบทำตามผู้ใหญ่บอกอย่างว่าง่าย รีบเลื่อนแขนไปโอบกอดรอบเอวชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นสามีของเธอแนบแน่น พร้อมกับจับมือเขามาโอบกอดรอบเอวเธอ จากนั้นก็ซุกซบใบหน้ายังแผงอกกำยำด้วยท่าทีออเซาะ
ก้องเห็นเช่นนั้นก็อยากดันหัวน้ำพริกออก เพราะเธอกอดเขาแน่นเกินไป อีกทั้งลมหายใจอุ่นร้อนยังกระทบเข้ากับผิวกายเขาอีก ทำเอาขนลุกชูชันทั้งตัว แต่ก็ทำได้เพียงข่มความรู้สึกภายในกายเอาไว้ แล้วกระซิบข้างหูขาวเนียนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพื่อให้ได้ยินกันสองคน
“แน่นไป หายใจไม่ออก”
“แน่น ๆ สิดีมันจะได้อบอุ่น” ไม่พูดเปล่าใบหน้าสวยก็เงยขึ้นวางคางยังแผงอกอีกคน ขณะตาคู่สวยนั้นจ้องมองชายหนุ่มที่เธอกอดอยู่พร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง...
ทางด้านกัญญาพอเห็นลูกชายเธอนอนแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ จึงเอ่ยบอกน้ำพริกออกไป...
“น้ำพริกยกขาก่ายพี่เขาด้วยลูก”
“ค่า” น้ำพริกได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รอช้า ถกผ้าซิ่นขึ้นเล็กน้อยแล้วยกขาก่ายก้องทันที ส่วนแขนเรียวเล็กก็กระชับกอดรอบเอวเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม
ในขณะร่างเล็กกำลังชอบอกชอบใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ พอช้อนตาขึ้นเห็นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาจ้องหน้าเธอด้วยสายตาดุ ๆ จึงรีบตอบบ่ายเบี่ยงเพื่อหนีความผิดทันที...
“ก็แม่พี่บอกให้หนูทำอะ”
“ก็ไม่เห็นต้องกอดแน่นขนาดนี้”
“ก็เดี๋ยวมันไม่อบอุ่นไง”
“แบบนี้มันเกินอบอุ่นแล้ว”
“วู้ คนแก่เรื่องเยอะจัง” ขณะที่ทั้งสองกำลังนอนเถียงกันอยู่บนเตียง ก็ไม่รู้เลยว่าผู้ใหญ่ต่างพากันเดินออกไปจากห้องเงียบ ๆ แล้ว ทำให้ตอนนี้ก้องและน้ำพริกอยู่ภายในห้องสองคนเพียงลำพัง
“เมื่อกี้ว่าใครแก่?”
“ใครล่ะที่ชอบบ่น”
“...” ปากเล็กบ่นอุบอิบโดยไม่มองหน้า แต่พออีกคนเงียบไปเธอจึงค่อย ๆ เงยหน้ามอง ทำให้สบตากับคนที่อยู่ในระยะประชิด อีกทั้งใบหน้าที่ยังห่างกันแค่คืบจนรับรู้ถึงลมหายใจของเขา ทำเอาน้ำพริกถึงกับหายใจติดขัด อีกทั้งหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะกับใบหน้าหล่อเหลาของอีกคน
จึงหลุดพูดคำในใจออกมาอย่างเปิดเผย...
“หล่อจัง”
ทางด้านก้องมองปากอวบอิ่มที่เอ่ยชมตนต่อหน้า พร้อมกับขยับหน้าเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ เห็นเช่นนั้นก็หมั่นไส้ไม่น้อย
จึงดีดหน้าผากมนของเธอไปเบา ๆ หนึ่งครั้ง...
“อ๊ะ! พี่ดีดหน้าผากหนูทำไม”
“คิดเอง โตแล้ว”
พูดจบก้องก็จับขาเรียวเล็กที่ก่ายเขาอยู่ออก ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นจากเตียงเมื่อเห็นว่าทุกคนออกไปกันหมดแล้ว จากนั้นก็รีบปลดกระดุมเสื้อผ้าฝ้ายโทเรสีขาวออกจากร่างกำยำที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและรอยสัก
การกระทำของร่างสูงทำเอาคนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงใจเต้นสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะอีกทั้งมือไม้ยังสั่นไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะใจร้อนและวู่วามเรื่องบนเตียงขนาดนี้
จึงเอ่ยถามออกไปตรง ๆ เพื่อจะได้เตรียมตัวถูก...
“พี่จะเอาเลยเหรอ? แต่หนูยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ” สิ้นประโยคคำถามของคนที่นอนอยู่บนเตียง มือหนาที่กำลังปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายก็ชะงัก ก่อนจะหันไปถามร่างเล็กที่ยังนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับคิ้วสองข้างขมวดมุ่น ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด จึงเอ่ยถามออกไป
“เอาอะไร?” เมื่อเห็นก้องโยนเสื้อทิ้งลงตะกร้า แล้วเดินไปคว้าเสื้อยืดที่แขวนอยู่บนราวมาสวมใส่ น้ำพริกก็หน้าแตกไม่น้อยเพราะเมื่อกี้คิดไปไกล คิดว่าเขาจะทำเรื่องอย่างว่า แต่ที่ไหนได้เขาแค่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น
พอได้สติก็ดันตัวลุกขึ้นจากที่นอนก่อนจะตอบออกไปด้วยท่าทีมั่น ๆ แก้เขินอายในคำพูดของตัวเองเมื่อสักครู่
“เปล่าไม่มีอะไร หนูแค่พูดไปเรื่อย”
พอก้องได้ยินเช่นนั้นก็เลือกไม่ตอบอะไรกลับไป นอกจากรีบสวมใส่เสื้อให้เสร็จสรรพ จะได้ลงไปหาพ่อครูพายุที่รออยู่ข้างล่าง เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยก้องก็หันไปเอ่ยบอกน้ำพริกด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเช่นทุกครั้งแต่จริงจังกว่าครั้งไหน ๆ
“ยังไม่ต้องเปลี่ยนชุด ตามลงไปข้างล่างก่อน” พูดจบก็เดินมุ่งตรงไปยังประตูห้องนอนแล้วผลักออกไป ก่อนจะก้าวเดินไปข้างนอกทันที พอน้ำพริกเห็นเช่นนั้นก็รีบดันตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งตามเขาไป...