ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้ค่อนข้างแปลกเพราะว่าช่วงนี้พี่สายลมกลับบ้านดึก ไม่ได้หอบงานกลับมาทำที่บ้านอีกแล้ว และทุกครั้งที่กลับมาก็จะมีท่าทางอิดโรยเหมือนเหนื่อยกับอะไรบางอย่าง ดวงตาของเขาเริ่มดำคล้ำ อีกทั้งยังดูเหมือนจะเหนื่อย ๆ เวลาที่ฉันชวนพูดคุยแต่พี่สายลมก็ยังพยายามยิ้มให้ฉันเหมือนเคยราวกับว่าไม่ได้เหนื่อยล้าอะไร
อีกสิ่งที่แปลกนอกจากอาการของเขาในช่วงเวลานี้ก็คงจะเป็นการที่เขาชวนฉันถ่ายรูปเล่นกันทุกครั้ง ราวกับหญิงสาวที่ชอบถ่ายรูป และรูปทุกรูปเขาจะเช็กเสมอว่าออกมาดูดี ดูหล่อหรือเปล่า เขามักทำอย่างนี้อยู่เสมอจนฉันอดที่จะแปลกใจไม่ได้จริง ๆ
“พี่ลมคะ ช่วงนี้แอบมีสาว ๆ หรือเปล่าคะ ทำไมถึงชอบถ่ายรูปจัง” แม้ว่ารูปที่ถ่ายส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรูปคู่ของฉันกับเขาก็ตาม
“พี่ใช้เวลาแค่กับน้องฝัน แล้วก็งานที่ทำเท่านั้นแหละครับ”
“พูดถึงเรื่องงาน ฝันว่าช่วงนี้พี่ลมทำงานหนักไปหรือเปล่าคะ ดูสิ ตาโหลหมดแล้ว” ฉันใช้สองมือประคองใบหน้าของพี่สายลมเอาไว้ แต่เขาหลบตาฉันราวกับมีเรื่องบางอย่างที่กำลังปิดบังฉันไว้ ก่อนจะจ้องตากับฉันตรง ๆ แล้วโอบกอดฉันราวกับกำลังกลัวอะไรบางอย่าง อาการของเขาทำเอาฉันชะงักไปเลยทีเดียว
“ฝันไม่ได้จะดุพี่ลมนะคะ”
“ครับ พี่เข้าใจครับ แต่ว่างานมันก็เลี่ยงไม่ได้นี่นา เราไม่ได้เป็นพนักงานบริษัทที่รับผิดชอบแค่หน้าที่ของตัวเอง แต่ว่าเราเป็นถึงเจ้าของกิจการที่ต้องแบกพนักงาน และครอบครัวของพนักงานเอาไว้บนบ่านี่ครับ”
ที่เขาพูดออกมามันก็จริงอย่างที่เขาว่านะเพราะฉันเป็นแค่พนักงานบริษัทที่รับผิดชอบแค่หน้าที่ของตัวเองตามคำสั่ง แต่พี่สายลมเป็นเจ้าของกิจการที่ต้องคอยใช้หัวสมองในการคิดแผนการ และกลยุทธ์ต่าง ๆ มากมายเพื่อให้บริษัทอยู่รอด เพราะหากบริษัทอยู่รอดแล้วพนักงานทุกคนก็จะอยู่รอดด้วย
“ฝันเข้าใจค่ะ แต่ฝันเป็นห่วงพี่ลมนี่คะ เดี๋ยวนี้ก็ไม่หอบงานกลับมาทำที่บ้านแล้วด้วย” ฉันเบ้หน้านิดหน่อยเพราะน้อยใจ แต่ก็เข้าใจด้วยที่เขางานยุ่ง
“พี่จะรีบเคลียร์งาน เคลียร์ทุกอย่างแล้วหาเวลาให้น้องฝันเหมือนเดิมนะครับ”
“น้องฝันช่วย...” เขามีท่าทีลังเลก่อนจะพูดออกมา “รอพี่ได้มั้ยครับ” โถ คงกลัวว่าฉันจะเบื่อแล้วจะทิ้งเขาไปสินะ เขาน่ารักอย่างนี้ใครจะทิ้งเขาลงกันเล่า
“ฝันต้องรอพี่ลมอยู่แล้วค่ะ จะรอจนกว่าพี่ลมจะมีเวลาให้ฝันเหมือนเดิม” พี่สายลมพิงไหล่ฉันจับประสานกับมือของฉันเอาไว้ราวกับไม่อยากห่างกัน
“งั้นเรามาถ่ายรูปกันดีมั้ยครับ”
“ถ่ายอีกแล้วเหรอคะ ก็ได้ค่ะ” ถึงจะสงสัยในพฤติกรรมแปลก ๆ ของเขา แต่ฉันก็ยินยอมที่จะทำทุกอย่างตามใจของเขาอย่างไม่ปริปากบ่น ก็นะ ฉันรักเขานี่นา และที่สำคัญเขาก็รักฉันด้วย
พี่สายลมไม่กลับบ้านมาสามวันแล้วฉันไม่รู้เลยว่าพี่เขาไปไหนมีเพียงข้อความที่ส่งมาให้ฉันว่าเขาต้องไปประชุมด่วนที่ฮ่องกงและขอโทษที่บอกฉันกะทันหัน เพราะเขาเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้เหมือนกัน แน่นอนว่าฉันไม่พอใจ แต่ฉันก็เข้าใจเขาด้วยเพราะงานของเขาไม่ได้เหมือนกับงานของฉัน การประชุมกันนั้นล้วนแล้วแต่คุณพ่อของเขากับหุ้นส่วนคนอื่นจะกำหนดมาว่าเป็นที่ไหน
ก่อนหน้านี้มีการประชุมกะทันหันมาแล้วแต่ก็เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ฉันเดาว่าที่บริษัทของเขาอาจจะกำลังมีปัญหาอะไรบางอย่างที่บอกฉันไม่ได้ ทุกอย่างเลยเป็นแบบนี้ขึ้นมา เอาเป็นว่าฉันจะพยายามใจกว้าง เข้าใจเขา และไม่ตะขิดตะขวงใจกับเขาแล้วกัน เพราะอย่างน้อย ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางให้ฉันต้องร้อนใจ
ติ๊ง~
Line
พี่ลม
ทำอะไรอยู่
น้องฝัน
กำลังกลับบ้านค่ะ
พี่ลม
เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ก็กลับแล้ว
เดี๋ยวซื้อขนมไปฝากนะ
น้องฝัน
จะรอนะคะ
ฉันตอบกลับไปแบบนั้นก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือของฉันลงใส่กระเป๋าสะพายข้าง เอาตรง ๆ ว่าข้อความแชตที่พิมพ์มาเหมือนจะเป็นข้อความปกติแต่ว่าในข้อความนั้นมันกลับเป็นข้อความที่ผิดปกติสำหรับฉัน เพราะว่าปกติแล้วพี่สายลมไม่เคยพิมพ์ข้อความแบบห้วน ๆ อย่างนี้มาให้ฉัน ฉันเดาได้แค่สองทาง นั้นก็คือ ทางแรกพี่สายลมคงจะยุ่งมากจนไม่สามารถพิมพ์คำลงท้ายอย่างสุภาพได้อย่างที่เคยทำ กับอีกทางหนึ่ง นั่นก็คือ มีคนอื่นใช้โทรศัพท์ของพี่สายลมพิมพ์กลับมาให้ฉัน
แต่ก็เอาเถอะฉันจะอดทน และรอฟังเหตุผลทุกอย่างเมื่อพี่สายลมพร้อมอย่างใจเย็น
เมื่อครบกำหนดวันนี้พี่สายลมกลับมาบ้านตามคำที่เขาได้บอกเอาไว้ ความผิดปกติแรกคืออากาศร้อนแทบตายแต่พี่สายลมกลับใส่เสื้อแขนยาว ใบหน้าของเขาซูบโทรมราวกับคนป่วยแถมเบ้าตายังดำคล้ำเหมือนคนที่อ่อนเพลีย ในตอนนี้เขาผอมลงด้วยไม่อยากเชื่อว่าห่างจากฉันเพียงแค่สามวันเขาจะผอมลงได้มากขนาดนี้ แต่สิ่งที่ยังคงเหมือนเดิมนั่นก็คือ พี่สายลมมักจะยิ้มให้ฉันอยู่เสมอ
“พี่กลับมาแล้วครับ”
น้ำเสียงของเขาแปลกไปจนฉันต้องขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมเดินไปกอดเขาเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำ ยิ่งตอนที่ฉันได้กอดเขาอย่างเต็มที่ฉันก็ได้รับรู้ว่าเขาผอมลงกว่าที่ฉันคาดคิดเอาไว้ อีกทั้งร่างกายของเขากลับไม่ได้มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เหมือนผู้ชายที่ฉันรู้จักมาตลอด แต่กลับมีแต่กลิ่นยาคลุ้งไปทั่วจนฉันต้องถามเขาด้วยความเป็นห่วง
“ทำงานหนักไปรึเปล่าคะพี่ลม พี่ดูผอมไปนะคะ”
“แหะ ๆ พี่เร่งทำงานเพื่อที่จะได้กลับมาเจอน้องฝันเลยนะครับ ตอนนี้พี่โทรมมากเลยใช่มั้ยครับ คงไม่ได้ดูดีในสายตาของน้องฝันแล้วใช่มั้ย” น้ำเสียงเจือความเป็นกังวลอย่างจริงจังของเขา ทำให้ฉันชะงักไปนิดหน่อย พี่สายลมคนที่ไม่เคยห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองเพราะตัวเองที่ดูดีอยู่ตลอดเวลาในตอนนี้กลับมีความไม่มั่นใจแฝงอยู่ในนั้น
“ต่อให้พี่แก่กว่านี้ หรือฟันหลอ พี่ก็ยังดูดีที่สุดในสายตาฝันค่ะ”
ฉันกอดเอวของเขา เงยหน้าขึ้นมองเขา วางปลายคางที่แผงอกของเขาแต่สายตาที่เขามองลงมาที่ฉันมันทำให้ฉันอธิบายไม่ถูกเลย สายตาของเขามันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และความเจ็บปวดอย่างไรก็ไม่ทราบ
“ใครป่วยหรือเปล่าคะ ทำไมตัวถึงมีแต่กลิ่นยา” ฉันเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า กลัวว่าเขาจะไม่มั่นใจในตัวเอง
“เอ่อ... พี่ไปเยี่ยมคู่ค้ามาน่ะครับ เขาป่วยเลยต้องไป...”
อ้อ นี่อาจจะเป็นสาเหตุให้เขารีบไปต่างประเทศโดยไม่ได้บอกฉันสินะ
“งั้นไปพักนะคะ เดี๋ยวฝันเก็บกระเป๋าให้ค่ะ”
“มะ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่จัดการเอง แต่พี่อยากกินซุปไก่ฝีมือน้องฝันไม่รู้ว่าน้องฝันจะทำให้กินได้มั้ยนะครับ” มาถึงก็อ้อนเลย
“เรื่องแค่นี้เองค่ะ ฝันจัดการให้เอง” ฉันรีบตรงเข้าไปที่ห้องครัวทันทีเพราะว่าที่สามียังคิดถึงซุปไก่ฝีมือฉัน