เสียงนกร้องในตอนเช้าบ่งบอกให้รู้ว่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ควรจะตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตได้แล้ว ส่วนชีวิตของฉันช่วงนี้ปกติสุขดีเว้นแต่เพียงว่าคนรักของฉันค่อนข้างป่วยบ่อย บ้างก็เป็นไข้ บ้างก็ไร้เรี่ยวแรง ที่ร้ายแรงที่สุดเห็นทีจะเป็นอาการนั่งเหม่อลอย ทุกครั้งที่มองหน้าฉันรอบดวงตาของเขามักจะแดงก่ำราวกับกำลังกลั้นความเสียใจเอาไว้ ฉันคะยั้นคะยอให้ไปหาหมอ แต่เขาก็มักจะบอกว่าเดี๋ยวเขาไปเองไม่ต้องเป็นห่วง
“พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ ร่างกายพี่ พี่รู้ตัวเองดี” ฉันคิดว่าฉันเองก็บำรุงเขาอย่างดีแล้วนะ แต่ทำไมเขาถึงไม่อวบอ้วนขึ้นเลยล่ะ ฉันคิดว่าวันหยุดนี้คงต้องดื้อแพ่งพาเขาไปหาหมอให้ได้เลยล่ะ
“เดี๋ยวพี่ให้ไอ้เคนไปส่งนะครับ” หืม? ทำไมอยู่ ๆ ถึงจะให้เพื่อนไปส่งฉันล่ะ ปกติแล้วเขาหวงฉันราวกับจงอางหวงไข่เลยนะ
“น้องฝันไปคนเดียวพี่ไม่สบายใจน่ะครับ” สายตาของพี่สายลมเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และความเศร้า แต่ฉันกลับไม่รู้เลยว่าทำไมสายตาที่ร้าวรานแบบนั้นถึงทอดมองมาที่ฉันก็ฉันไม่ได้นอกใจนอกกายเขาเสียหน่อย
“เดี๋ยวพี่จะนอนพักสักหน่อย แล้วจะไปหาหมอครับ ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมากพี่ก็จะไปทำงานนะครับ พี่หยุดงานมาหลายวันแล้วเดี๋ยวงานจะท่วมเอา”
“แต่ฝันไม่อยากให้พี่ลมไปทำงานเลยค่ะ พี่ลมยังดูไม่ค่อยดีขึ้นเลยนะคะ” เพราะอาการของเขาเดี๋ยวดีขึ้น เดี๋ยวแย่ลง ส่วนใหญ่จะเป็นอาการปวดหัว มีครั้งหนึ่งฉันตกใจมากเราสองคนนอนกอดกันอยู่แท้ ๆ แต่อยู่ ๆ เขาก็เด้งตัวลุกขึ้นมาแล้วใช้สองมือบีบศีรษะของคตัวเองอย่างรุนแรงจากนั้นก็ปล่อยน้ำตาออกมาเพราะเจ็บปวดเกินทน แต่สิ่งที่ทำให้ฉันตกใจหนักกว่าเดิมก็คือเลือดกำเดาที่ไหลลงมา
กว่าจะสงบลงได้ใช้เวลานานมาก ฉันพยายามจะพาเขาไปหาหมอ แต่เขายืนยันว่าจะไม่ไป ฉันเซ้าซี้เขาจนเราเริ่มเสียงดังใส่กัน สุดท้ายฉันต้องพูดว่าถ้าเห็นเขาเป็นอีก ฉันจะไม่สนใจแล้วว่าเขาจะดื้อรั้นยังไง ฉันจะต้องพาเขาไปหาหมอให้ได้แต่แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าเขาดีขึ้นจริง ๆ หรือเขาแค่อดทนกันแน่ เพราะจากวันนั้นมาพี่สายลมก็ไม่มีอาการปวดหัวให้ฉันได้เห็นเลย แต่เขากลับชอบหายไปแทน หายไปทีก็สามวัน ห้าวัน โดยทุกครั้งก็จะบอกแค่เพียงว่าเขาต้องไปประชุมในที่ไกล ๆ และกลับมาด้วยสภาพซูบผอม อาเจียน ไร้เรี่ยวแรง ร่างกายคลุ้งไปด้วยกลิ่นยาเสมอทุกครั้ง
“เดี๋ยวพี่คอยโทรบอกเป็นระยะนะครับ”
“ฝันไปเองไม่ได้เหรอคะ ไม่อยากรบกวนพี่เคนเลยค่ะ”
ฉันเดินไปนั่งคุกเข่าลงที่พื้นโอบกอดเอวของเขาที่นั่งพิงหลังอยู่ที่เตียงนอน ใบหน้าขาวซีด ริมฝีปากแตกแห้ง สายตาดูเหน็ดเหนื่อยและปวดร้าว กำลังจ้องมองฉัน มือหนาที่อบอุ่นสั่นเทาลูบบนผมของฉันอย่างอ่อนโยน
“ไอ้เคนมันนิสัยดีมาก พี่ไว้ใจมันมากแถมบ้านมันก็ฐานะดีรวยกว่าบ้านพี่มาก” ฉันไม่เข้าใจที่เขาพูดเลย นี่เขากำลังเพ้อเจ้ออะไร
“พี่พูดไปงั้น อย่าคิดมากนะครับ”
“ไม่คิดมากก็ได้ค่ะ งั้นพี่ลมจุ๊บ ๆ ฝันหน่อยได้มั้ยคะ” ฉันยังกอด และออดอ้อนเขา ส่วนเขาก็ระบายยิ้มออกมาเหมือนกำลังฝืน พี่สายลมโน้มตัวมาหาฉันก่อนที่ริมฝีปากของเราจะสัมผัสกันพี่เขาก็ชะงักแล้วเปลี่ยนเป็นหอมที่แก้มของฉันแทน
“ไปทำงานได้แล้ว ไอ้เคนมารอแล้วล่ะ”
“ก็ได้ค่ะ ฝันจะรีบกลับมานะคะ พี่ลมอย่าลืมทักบอกฝันบ้างนะคะ” ฉันรู้สึกกังวลใจแปลก ๆ กับสายตาที่พี่สายลมมองมาที่ฉัน
“พี่รักน้องฝันครับ รักที่สุดในชีวิตของพี่เลย”
“ฝันก็รักพี่ลมค่ะ” ฉันเดินออกมาจากห้องนอน จากนั้นก็เดินออกมาจากห้องพักของคอนโด ลงลิฟต์มาจนถึงชั้นล็อบบี้ก็เจอเข้ากับพี่เคนจริง ๆ ที่กำลังยืนรอฉันอยู่ สายตาของพี่เคนในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างจากพี่สายลมเลย แต่สายตาของพี่เคนกลับมองมาที่ฉันด้วยความว่างเปล่า ฉันเห็นเขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ห้องของฉันสายตานั้นกลับคล้ายกับสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเหมือนกับที่พี่สายลมมองมาที่ฉัน
“พี่เคนคะ”
“อ่า... มาแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ พี่เคนไม่สบายหรือเปล่าคะ”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร น้องฝันเชิญขึ้นรถเลยครับ” พี่เคนเปิดประตูรถหรูให้ฉัน ส่วนฉันก็เข้าไปนั่งด้านในก่อนที่พี่เคนจะเดินอ้อมหน้ารถแล้วเข้ามาประจำที่ตำแหน่งคนขับ
“ช่วงนี้อาจจะต้องเจอพี่บ่อยหน่อยนะครับ”
ฉันชั่งใจนิดหน่อยก่อนจะตัดสินใจถามออกไป “พี่เคนคะ ฝันมีเรื่องอยากจะถามค่ะ”
“ครับ ถามมาได้เลย” พี่เคนตอบฉันแต่ไม่ได้มองมาทางฉัน เขามองไปที่ถนนเบื้องหน้าแทนการมองมาที่ฉัน
“พี่ลมมีอะไรปิดบังฝันอยู่มั้ยคะ คือฝันถามหลายครั้งแล้ว แต่พี่ลมก็ไม่ได้บอกอะไรฝันเลยค่ะ แล้วเดี๋ยวนี้เขาไม่สบายบ่อย ด้วยให้ไปหาหมอก็ไม่ไปนะคะ”
“...ไม่มีอะไรหรอกครับ ส่วนเรื่องหาหมอมันหาอยู่ตลอดตั้งแต่ที่รู้ว่าป่วยเลยครับ” อ้อ งั้นเองสินะ
“ถ้าไม่มีอะไรปิดบัง ฝันก็สบายใจขึ้นมาหน่อยค่ะ”
“ครับ ไม่ต้องกังวลนะ” ฉันชะงักนิดหน่อยเมื่อพี่เคนยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของฉันแม้จะเต็มไปด้วยความเอ็นดูแต่ฉันคิดว่าเพื่อนของแฟนไม่ควรทำกับแฟนของเพื่อนอย่างนี้หรือเปล่า
“พี่เคนทำอะไรน่ะคะ”
“เราอาจจะต้องสนิทกันมากขึ้นนะครับ” พี่เคนถอนหายใจไปช่วงหนึ่งแล้วตอบฉันกลับมา ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งเกร็งอยู่อย่างนั้นจนถึงที่ทำงาน
ฉันทำงานจนลืมเวลาไปเลยกระทั่งถึงตอนที่ฉันเลิกงานแล้วฉันก็รีบปรี่ออกมาเลย โดยปกติแล้วคนที่จะมารอรับฉันต้องเป็นพี่สายลมเท่านั้น แต่ว่าในวันนี้กลับเป็นพี่เคนที่มาจอดรถแทนที่ของพี่สายลม ยืนในที่ของพี่สายลม และส่งยิ้มมาให้ฉันเหมือนตอนที่พี่สายลมยิ้มมา ฉันรีบส่ายหัวไล่ความคิดไม่ดีออกไป เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่เคนไม่เคยทำอะไรล้ำเส้นเลยสักครั้ง เว้นแต่เพียงครั้งนี้ที่เขาทำอย่างนั้น
“ไอ้ลมสั่งให้พี่มารับน้องฝันน่ะครับ” อ้อ เพราะพี่สายลมสั่งมานี่เอง
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“งั้นก็เชิญขึ้นรถนะครับ เดี๋ยวแวะกินข้าวกันก่อนมั้ยพี่หิวมากเลย”
“แต่พี่ลมรออยู่นะคะ”
“งั้นเราซื้อไปกินด้วยกันสามคนดีมั้ยครับ”
“ก็ได้ค่ะ กวยจั๊บดีมั้ยคะ พี่ลมชอบกิน”
“ได้ครับ”