บทที่ 9
เสียงอึกทึกครึกโครมที่ดังมาเข้าหูทำให้พาเวลที่กำลังจะก้าวขึ้นรถสปอร์ตคันงามต้องชะงัก
“มันเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ” ด้วยความสงสัยทำให้ชายหนุ่มต้องเดินไปยังต้นเสียง และก็พบว่าต้นเสียงนั้นเกิดขึ้นที่บ้านพักของเมซซี่ บอดีการ์ดร่างเล็กที่เขาเป็นคนรับเข้ามาเองกับมือ
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับพี่ดีน” พาเวลเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นพี่ชายยืนอยู่ในเหตุการณ์อยู่ก่อนหน้าแล้ว
“อ้าว พี่นึกว่านายไปทำงานแล้วเสียอีก”
“ผมก็กำลังจะไปนั่นแหละครับ แต่ได้ยินเสียงโหวกเหวกเสียก่อน ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
คำถามซ้ำสองของพาเวลทำให้ดินิย่าร์ต้องพยักหน้าให้น้องชายมองเข้าไปในบ้านพักของเมซซี่เพื่อดูด้วยตาของตัวเองแทน
“คนของนายก่อเรื่องอีกแล้ว”
“เรื่องอะไรหรือครับพี่ดีน” ถึงแม้จะมองเข้าไปภายในบ้านพักหลังตรงหน้าแล้ว แต่พาเวลก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ดินิย่าร์จึงต้องกระแทกลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด หงุดหงิดหัวเสียขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุซ้ำอีกครั้งในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา
“ไอ้เมซซี่มันเอาผู้หญิงมากกในบ้าน”
พาเวลหัวเราะ แถมยังเข้าข้างคนของตัวเองอีกต่างหาก “มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือครับพี่ดีน อย่างน้อยๆ ไอ้เมซซี่มันก็แสดงให้พวกเราเห็นแล้วว่ามันไม่ใช่กะเทย...”
ใช่... เขาควรจะรู้สึกดี รู้สึกพอใจที่ไอ้บอดีการ์ดหน้าหวานมันแสดงความสามารถในแบบฉบับของผู้ชายออกมาให้เห็นแบบนี้ แต่ไหงเขาถึงได้รู้สึกตรงกันข้ามกับสิ่งที่ควรจะรู้สึกแบบนี้นะ ทำไมต้องรู้สึกโมโห ทำไมจะต้องรู้สึกหงุดหงิด และทำไมจะต้องรู้สึกหัวเสียสุดๆ แบบนี้ด้วย ไอ้เมซซี่มันนอนกับผู้หญิงเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ ดีกว่าการที่ปล่อยให้มันมาจ้องมองเนื้อตัวของเขาแบบจะกลืนกินดั่งเช่นที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
ใช่... เขาต้องดีใจ ไม่ควรจะเสียดายแบบนี้
ดินิย่าร์ข่มความคิดน่าสะอิดสะเอียนของตัวเองให้ลึกลงไปในซอกอก ก่อนจะพูดออกมาเสียงไร้ความรู้สึก
“ถ้านายคิดว่ามันคือเรื่องตลก งั้นพี่ให้นายตัดสินใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็แล้วกัน พี่ไปละ” แล้วดินิย่าร์ก็เดินลิ่วๆ จากไป พาเวลมองตามไปด้วยความขบขันระคนกังขา
“พี่ดีนทำเหมือนหึงใครสักคนอย่างนั้นแหละ”
ผู้เป็นน้องหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปพูดกับคนงานผู้ชายคนหนึ่งที่เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นพ่อของแม่สาวใช้มะปรางนั่นเอง
“แล้วนายมายืนตรงนี้ทำไมกัน ไม่มีงานทำหรือไง”
“มีครับคุณแพท แต่ว่า...”
“แต่อะไร ไป... ไปทำงานได้แล้ว...”
พาเวลหรี่ตามองคนงานไทยตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ
“คำสั่งของฉันไม่มีความหมายกับนายหรือไง บอกให้ไปทำงานไงล่ะ ไม่ต้องไปยุ่งกับไอ้เมซซี่มันแล้ว มันจะมีเมีย จะกกกับเมียมันก็ช่างมันเถอะ ปล่อยให้มันสำลักความสุขไปสักวันหนึ่งก็ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่... ลูกสาวของผมอยู่กับมันนะครับ”
คนที่กำลังยิ้มร่าอยู่หุบยิ้มด้วยฉับพลัน “ว่าไงนะ?!”
“มะปรางอยู่กับไอ้เมซซี่ในห้องทั้งคืนเลยครับ”
จากที่เคยยิ้ม จากที่เคยรู้สึกขบขัน ตอนนี้พาเวลกำลังถูกคลื่นลาวาร้อนๆ ไหลทะลักเข้าถล่มร่างกายอย่างไม่ปรานี กรามแกร่งขบกันแน่น ดวงตาสีเขียวมรกตเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามน่าสะพรึงกลัว
“ไหนนายลองบอกฉันอีกครั้งสิว่า... ใครอยู่ข้างในกับไอ้เมซซี่...”
“เอ่อ... มะปราง ลูกสาวของผมครับ...”
คู่สนทนายังไม่ทันจะเอ่ยจบ พาเวลก็กระโดดขึ้นไปหยุดที่หน้าห้องนอนของเมลิน่าในคราบของเมซซี่เสียแล้ว จากนั้นอึดใจต่อมา ประตูทั้งบานก็ถูกกระแทกจนพังยับเยินด้วยฝีมือของมัจจุราชอย่างพาเวล เซอร์คอฟ
“คุณ... แพท...”
เมลิน่าที่งัวเงียตื่นขึ้นมาอุทานเบาๆ สมองยังไม่ทำงานเท่าไหร่นัก แต่คนที่ตกใจสุดขีดก็เห็นจะเป็นมะปรางนั่นเอง เพราะไม่ใช่แค่สายตาเหยียดหยามชิงชังของพาเวลเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองมาที่หล่อน แต่ด้านหลังของเขายังมีพ่อบังเกิดเกล้าของหล่อนยืนมองอยู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง หล่อนรีบลุกขึ้น และลนลานลงจากเตียง
“คือ... มันไม่ใช่... อย่างที่เห็นนะคะ...”
“ใช่ฮะ พวกเราแค่นอนหลับด้วยกันเฉยๆ”
เมลิน่ารีบสนับสนุนคำพูดของมะปรางเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจผิดของพาเวลและบิดาของมะปรางเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“อมพระมาทั้งโบสถ์ฉันก็เชื่อแกไม่ลงหรอกไอ้เมซซี่”
พาเวลกำหมัดแน่น ละสายตาจากใบหน้าของเมลิน่าในคราบของเมซซี่ไปยังดวงหน้าขาวซีดของมะปรางด้วยความขยะแขยงชิงชัง
“เห็นเงียบๆ ขี้อาย ที่แท้ก็ร้อนไม่เบา ลุงสมศักดิ์ ผมให้ลุงจัดการเรื่องนี้ก็แล้วกัน จะตกจะแต่งกันให้เป็นเรื่องเป็นราวหรือว่าจะแค่อยู่กันเฉยๆ ก็แล้วแต่ลุง ผมไปละ”
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะคุณแพท...”
มะปรางกระโดดลงจากเตียงและวิ่งไปขวางหน้าชายหนุ่มเอาไว้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ได้สนใจไยดีอะไร แต่หล่อนก็ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดแบบนี้
“หลีกไป...”
“คุณแพทคะ ได้โปรดฟังมะปรางก่อน”
หญิงสาวร่ำไห้ และพยายามวิงวอนเขาทั้งสายตาและคำพูด แต่พาเวลไม่หยิบยื่นความเมตตาให้เลยแม้แต่น้อย
“ทำไมฉันต้องฟังคำพูดของเธอด้วย สาวใช้อย่างเธอจะนอนกับใคร จะสมสู่กับใคร มันก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว ตามสบายนะ ตามสบายกับความสนุกแบบสุดเหวี่ยงของเธอกับไอ้เมซซี่ ฉันสนับสนุนเต็มที่ หลีกไป”
แล้วเขาก็ผลักหล่อนจนพ้นทาง จากนั้นก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก หญิงสาวทรุดฮวบลงกองกับพื้น น้ำตาทะลักออกมาด้วยความเจ็บปวด เจ็บปวดจนไม่รู้สึกรู้สากับฝ่ามือของบิดาที่ฟาดลงบนแก้มนวลของหล่อนหลายครั้งติด หล่อนยังนั่งนิ่งเฉย มีแต่เมลิน่าเท่านั้นที่เข้ามาห้ามปราม
“ลุง... ผมขอร้องละ อย่าทำอะไรมะปรางเลย ผมขอร้อง”
“เงียบไปเลยไอ้เมซซี่ เงียบไปเลย!”
“ลุง ผมขอร้องละฮะ จะตีก็ตีผมเนี่ย อย่าไปทำอะไรมะปรางเลย แค่นี้มะปรางก็เจ็บจนแทบตายแล้ว ตีผมนี่ ตีผม...”
สมศักดิ์จะตีเมลิน่า แต่สุดท้ายก็ยั้งมือเอาไว้ได้ และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
“ถึงแม้ว่าฉันกับลูกจะมาใช้ชีวิตอยู่ในรัสเซีย แต่พวกเราก็ยังไม่ลืมความเป็นคนไทย ฉันสั่งสอนลูกสาวเสมอให้รู้สึกวางตัวและประพฤติตัวยังไง แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างวันนี้ขึ้นได้ ฉันเสียใจจริงๆ เสียใจที่สุด...”
“พ่อจ๋า... มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันกับพี่เมซซี่ไม่ได้...” มะปรางพยายามจะอธิบายแต่บิดาหาได้หยุดฟังไม่
“แต่งงานกันซะ อยู่เป็นคู่ผัวตัวเมียกันซะ ทุกอย่างจะได้จบ”
“ไม่ได้นะ...!”
เมลิน่าร้องลั่น ก็หล่อนจะอยู่กับมะปรางแบบผัวเมียได้ยังไงล่ะ ในเมื่อหล่อนเป็นผู้หญิง เป็นผู้หญิงแท้ๆ เสียด้วย
“แกจะไม่รับผิดชอบหรือไงไอ้เมซซี่...”
แต่พอถูกสมศักดิ์กระชากเสียงขึงขึงใส่ เมลิน่าก็จำต้องรับคำอย่างไม่มีทางเลือก
“ปละ เปล่าฮะ...”
“พ่อจ๊ะ... ฉันแต่งงานกับพี่เมซซี่ไม่ได้หรอก ฉันไม่ได้รักพี่เมซซี่” มะปรางพยายามอธิบายอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม เพราะสมศักดิ์ไม่ฟังอีกเช่นเคย
“จะรักหรือไม่รัก มันก็ไม่มีประโยชน์แล้วละ ในเมื่อแกเสียท่ามันไปแล้วนี่ เดี๋ยวหากเกิดท้องเกิดไส้ขึ้นมามันจะยุ่ง”
สมศักดิ์พูดจบก็เดินจากไป ทิ้งให้เมลิน่ากับมะปรางมองหน้ากันด้วยความลำบากใจไม่แพ้กัน
“ฉันขอโทษนะพี่เมซซี่ เพราะฉันพี่ถึงต้องวุ่นวายแบบนี้”
เมลิน่าส่ายน้อยๆ แม้ว่าในอกจะรู้สึกกังวลไม่ต่างกันก็ตาม
“เพราะพี่ต่างหากมะปราง ถ้าพี่ไม่เผลอหลับไปเสียก่อน ทุกอย่างก็คงไม่ลงเอ่ยแบบนี้หรอก”
มะปรางยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง “แล้วเราจะทำยังไงกันดีจ๊ะพี่เมซซี่ จะทำยังไงดีไอ้เรื่องยุ่งๆ นี้ถึงจะผ่านพ้นไปได้”
เมลิน่าส่ายหน้าน้อยๆ เพราะคิดไม่ออก “พี่ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้ทุกคนเข้าใจผิดกันไปใหญ่โตเสียแล้วละ โดยเฉพาะคุณแพท”
คำพูดของคู่สนทนาทำให้มะปรางน้ำตาทะลักออกมาอีก เมลิน่าเห็นมะปรางร่ำไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนก็อดเวทนาไม่ได้
“เธอไม่เป็นอะไรนะมะปราง”
เจ้าของชื่อส่ายหน้าน้อยๆ ปฏิเสธแต่เมลิน่ารู้ดีว่ามะปรางกำลังโกหก
“พี่จะไปอธิบายให้คุณแพทเข้าใจเอง เธอไม่ต้องกังวลมะปราง” เมลิน่าในคราบของเมซซี่ลุกขึ้น แต่มะปรางดึงแขนเอาไว้เสียก่อน พลางพูดทั้งน้ำตา
“อย่าเลยพี่เมซซี่ คุณแพทไม่สนใจมะปรางหรอก เพราะไม่ว่าจะเกิดเรื่องวันนี้ขึ้นหรือไม่ มะปรางก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณแพทจะชายตามอง”
“แต่เท่าที่พี่เห็น คุณแพทมีท่าทางตกใจมากนะ”
เมลิน่าค้านตามสิ่งที่ตัวเองเห็น แต่มะปรางก็ไม่มีความคิดจะเชื่อเลยแม้แต่นิดเดียว
“อย่าไปยุ่งกับคุณแพทเลยจ้ะพี่เมซซี่ ปล่อยให้เขาคิดไปแบบนั้นนั่นแหละดีแล้ว”
“แล้วเธอไม่เสียใจเหรอ”
คนถูกถามยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา
“แม้ฉันจะเสียใจมากแค่ไหน แต่ฉันก็รู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครองหัวใจของคุณแพท ไม่มีวันนั้นสำหรับฉันหรอก”
เมลิน่าไม่รู้จะพูดอะไรออกมาอีก หล่อนทำได้แค่เพียงปลอบประโลมเด็กสาวในอ้อมแขนให้คลายโศกเศร้าลงเท่านั้น