บทที่ 8
เมลิน่าพยายามจะหาทางติดต่อกับบิดาของตัวเอง แต่ทุกครั้งที่พยายามก็ถูกขัดจังหวะเสียทุกทีไป และครั้งนี้ก็เช่นกัน
“พี่เมซซี่ เปิดประตูให้ฉันหน่อย” เสียงของมะปรางทำให้เมลิน่าต้องรีบหยิบวิกผมซอยสั้นมาสวมใส่อย่างรีบร้อน
“แป๊บนะ แป๊บเดียว...”
และเมื่อสำรวจหน้ากระจกว่าตัวเองอยู่ในคราบของเมซซี่เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็เดินไปเปิดประตูและก็ได้เห็นมะปรางยืนหน้าเศร้าอยู่ และด้วยที่เป็นผู้หญิงด้วยกันทำให้เมลิน่าดึงมือของมะปรางให้เข้ามาในห้องของตัวเอง ตอนแรกมะปรางก็ขัดขืนแต่พอเห็นสายตาหวังดีของคู่สนทนาจึงยอมตกลงอย่างง่ายดาย
“มะปรางมีอะไรกับพี่เหรอ”
เจ้าของชื่อส่ายหน้าน้อยๆ น้ำตาซึม “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ฉันก็แค่รู้สึกเศร้าๆ”
เมลิน่ารั้งร่างของมะปรางให้มานั่งลงบนเตียงของตัวเอง “มานั่งข้างๆ พี่เถอะ รับรองว่าพี่ไว้ใจได้และปรึกษาได้ทุกเรื่อง”
มะปรางระบายยิ้มบางๆ ออกมา มองคู่สนทนาด้วยความไว้วางใจเป็นที่สุด ทำไมนะ ทำไมหล่อนถึงรู้สึกสนิทใจกับเมซซี่แบบนี้นะ ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ
หญิงสาวพยายามคิดหาเหตุผลแต่ก็คิดไม่ออก รู้เพียงแต่ว่าเมซซี่เป็นเพียงคนเดียวที่มองหล่อนอย่างเข้าใจเท่านั้น
“ฉันขอบคุณพี่เมซซี่มากนะจ๊ะ”
“ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอก ว่าแต่เรามีเรื่องอะไรไม่สบายใจล่ะ” คำถามของเมลิน่าทำให้คนถูกถามต้องก้มหน้าหลบตา
“คือฉัน...”
“บอกแล้วไงว่าพี่ปรึกษาได้ทุกเรื่อง บอกพี่มาเถอะ”
ไม่รู้ว่าเมซซี่มีมนต์วิเศษหรือเปล่า เพราะแค่เขาพูดเพียงไม่กี่คำ หล่อนก็ยอมเปิดเผยทุกความรู้สึกออกมาอย่างไร้การปิดบังใดๆ อีก
“ฉัน... ฉันรักนาย...”
“รักนาย?!” เมลิน่าอุทานเสียงแหลมเล็กออกมาอย่างลืมตัว และก็ต้องรีบกลบเกลื่อนเมื่อถูกมะปรางมองอย่างแปลกใจ
“คือ พี่หมายถึง... นาย... นายคนไหน...”
“คุณ... คุณแพทค่ะ”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหล่อนถึงรู้สึกโล่งใจกับสิ่งที่ได้ยินนัก “คุณแพทเหรอ...”
“จ้ะพี่เมซซี่... แต่ฉัน... ฉันรู้ตัวดีว่าไม่คู่ควรกับคุณแพท แต่ฉันก็ตัดใจจากเขาไม่ได้สักที ฉันพยายามแล้วนะ พยายามตลอดเวลา แต่ฉันก็ทำไม่สำเร็จ...” ยิ่งพูดมะปรางก็ยิ่งร่ำไห้ หัวใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ใจเย็นๆ น่า เดี๋ยวพี่จะคิดหาทางช่วยเธอเอง”
“มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกพี่เมซซี่ ก็อย่างที่พวกเรารู้... คุณแพทมีคนรักอยู่แล้ว”
เมลิน่ามองหญิงตรงหน้าด้วยความเข้าใจในความรู้สึก การแอบรักคนที่เขามีเจ้าของผู้แล้วมันทรมานเป็นที่สุด หล่อนรู้ดี ซาบซึ้งกับมันดีเช่นกัน และสิ่งที่ควรทำก็คือการยิ้มแล้วก็แสดงความยินดีกับพวกเขาเพียงเท่านั้น เหมือนกับที่หล่อนยินดีกับคอร์เนลและยาหยียังไงล่ะ
“งั้นสิ่งที่พวกเราทำได้ ก็มีเพียงแค่แสดงความยินดีกับเขาทั้งสองคนเท่านั้น”
“จ้ะ ฉันรู้พี่เมซซี่ ฉันรู้ว่าฉันควรทำแบบนั้น...”
เมลิน่ายกมือขึ้นลูบศีรษะของมะปรางอย่างปลอบประโลม
“ร้องไห้เถอะ เก็บไว้มันก็อึดอัด ร้องไห้กับบ่าพี่นี่แหละ ร้องซะ แล้วพรุ่งนี้เธอก็จะเข้มแข็งขึ้นมะปราง...”
“ขอบคุณจ้ะพี่เมซซี่ ขอบคุณมาก...”
แล้วมะปรางก็ทำตามคำแนะนำของเมลิน่าอย่างเคร่งครัดนั่นก็คือการสะอึกสะอื้นร่ำไห้ปานจะขาดใจอย่างเต็มที่ หล่อนจะร้อง จะร้องจนไม่สามารถร้องได้แล้วนั่นแหละ เพราะบางทีการปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาก็ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ภายในหัวใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ร้องไห้จนหลับไปซะแล้ว มะปรางเอ๋ย...”
เมลิน่าพึมพำออกมาเบาๆ มองเด็กสาวที่น่าจะมีอายุอ่อนวัยกว่าหล่อนประมาณปีสองปีด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ความรักทำให้คนอ่อนแอได้ถึงขนาดนี้หรือ ทั้งๆ ที่หล่อนคิดว่าตัวเองเคยอกหักมาก่อนแล้วนะ แต่หล่อนก็ไม่ได้รู้สึกย่ำแย่แทบตายเหมือนกับมะปราง หรือว่าหล่อนไม่ได้รักคอร์เนลอย่างที่ตัวเองพยายามคิดว่ารักกันนะ
หญิงสาวถามตัวเองแต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ ทำได้แค่เพียงขยับตัวลุกขึ้นและดึงร่างบอบบางของมะปรางให้นอนในท่าที่สบายที่สุดบนเตียงของตัวเอง
“นอนไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อนแล้วจะมานอนด้วย”
เมลิน่าบอกกับเด็กสาวที่นอนหลับไปทั้งน้ำตาเบาๆ จากนั้นก็กระโดดลงจากเตียง มุ่งหน้าหายเข้าไปในห้องน้ำ ราวครึ่งชั่วโมงกว่าๆ หญิงสาวก็ก้าวออกมาและเดินขึ้นไปนั่งบนเตียง มือบางทำท่าจะดึงวิกผมออก แต่พอเหลือบแลไปเห็นคนข้างกาย ก็จำต้องใส่มันไว้แบบเดิม แม้จะอึดอัดก็ตามที จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนและหลับใหลไปในที่สุด