บทที่ 3
“ว้าย!”
เมลิน่าที่ถูกพุ่งชนเอาเต็มแรงเผลอตัวอุทานแบบผู้หญิงออกมา แต่พอได้สติก็รีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว และโชคดีมากที่คนที่วิ่งชนหล่อนคือมะปราง สาวใช้นัยน์ตาโศกไม่ใช่คนอื่นๆ ที่จ้องจะจับผิดหล่อนในทุกๆ ฝีก้าว
“มะปรางเป็นอะไรไปเหรอ ทำไมร้องไห้แบบนี้ล่ะ”
เจ้าของชื่อส่ายหน้า และก็โผเข้ากอดร่างของเมลิน่าเอาไว้แน่น
“ฉัน... ฉันไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะพี่เมซซี่ ฉันแค่... แค่ทำกาแฟหก...”
เมลิน่าที่ถูกโอบกอดยืนนิ่ง สมองเต็มไปด้วยความสงสัย “แค่กาแฟหก ทำไมถึงร้องไห้แบบนี้ล่ะ เอาน่า เดี๋ยวพี่ไม่ช่วยทำความสะอาดก็ได้”
มะปรางขยับตัวออกห่างจากเมลิน่าในคราบของเมซซี่และจ้องหน้าทั้งน้ำตา
“ฉันทำกาแฟ... หกรดคุณแพท...”
เมลิน่าไหวไหล่น้อยๆ และพูดออกไปตามความจริงที่ตัวเองได้สัมผัสมา
“คุณแพทใจดีจะตายไป ไม่ต้องกังวลน่ามะปราง”
ใจดีเหรอ กับคนอื่นน่ะสิ เขาถึงจะใจดี แต่กับหล่อน กับสาวใช้ต่ำต้อยอย่างหล่อนพาเวลไม่เคยแสดงท่าทางเป็นมิตรด้วยเลยสักครั้งเดียว ในสายตาของเขาไม่เคยมองมีหล่อน
แต่ก็ว่าเขาไม่ได้หรอกในเมื่อหล่อนมันต่ำต้อยยิ่งกว่าเม็ดกรวดเม็ดทรายเสียอีก ไม่ใช่ดอกฟ้าอย่างลูมินา ผู้หญิงที่เขากำลังคบหาอยู่ด้วยในขณะนี้
มะปรางคิดอย่างเจ็บปวด รวดร้าวนักที่ห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้ เมื่อมันดันไปตกหลุมรักผู้ชายที่สูงส่งเกินเอื้อมอย่างพาเวล เซอร์คอฟจนโงหัวไม่ขึ้น พยายามแล้ว พยายามที่จะหักห้ามใจ แต่ไม่ว่าจะใช้แรงกายแรงใจสักเท่าไหร่ บทสรุปสุดท้ายก็คือหล่อนทำไม่สำเร็จเสียทุกทีไป พาเวล เซอร์คอฟยังคงมีอิทธิพลต่อหัวใจของหล่อนไม่เปลี่ยนแปลง
“ฉะ ฉัน... ฉันคงคิดไปเอง งั้นฉันขอตัวก่อนนะจ๊ะพี่เมซซี่...”
“เดี๋ยวก่อนสิมะปราง...” เมลิน่าดึงมือของมะปรางเอาไว้ เมื่อเจ้าหล่อนจะเดินจากไป
มะปรางยกมือขึ้นป้ายน้ำตาจากใบหน้าของตัวเองทิ้ง ก่อนจะฝืนยิ้ม “พี่เมซซี่มีอะไรกับฉันหรือจ๊ะ”
“เอ่อ...” คราวนี้เป็นเมลิน่าบ้างที่อึกอัก แต่ไม่นานหล่อนก็พูดออกมา “พี่อยากรู้ว่านาย... พี่หมายถึงคุณดีนน่ะ... ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“อยู่ในห้องทำงานจ้ะพี่เมซซี่ เห็นว่าจะรีบเคลียร์งานเพราะอีกสามวันจะบินไปทำธุระที่ปารีส”
“งั้นก็แสดงว่านายจะอยู่ในห้องทำงานอีกนานเลยใช่ไหม มะปราง” รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจของเมลิน่าผุดพรายขึ้นเต็มดวงหน้าหวาน
“ฉันว่าน่าจะถึงเย็นเลยละพี่เมซซี่ ว่าแต่พี่เมซซี่ถามทำไมเหรอจ๊ะ”
“ปละ เปล่า... ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากรู้เฉยๆ”
มะปรางระบายยิ้มออกมา ไม่ได้เอะใจกับคำแก้ตัวตะกุกตะกักของเมลิน่าแม้แต่น้อย
“งั้นฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะพี่เมซซี่”
เมลิน่าโบกมือและยิ้มหวานให้ “ตามสบายเถอะ พี่ก็จะไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเองเหมือนกัน”
แม้ว่าคำว่า ‘หน้าที่’ ในประโยคที่คู่สนทนาพูดขึ้นจะฟังดูหนักแน่นจนน่าแปลกใจ แต่มะปรางก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจและเดินจากไปในทันที ทิ้งให้เมลิน่ายืนยิ้มอยู่เพียงลำพัง
“งั้นวันนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีของเราสินะ”
หญิงสาวระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในตึก มุ่งหน้าขึ้นไปยังห้องนอนของดินิย่าร์อย่างเงียบเชียบที่สุด
มะปรางเดินเข้ามาภายในครัวก็เจอกับป้าเกรทที่หน้าประตูเข้าพอดี ป้าเกรทแสดงท่าทางยินดีที่เจอหน้าหล่อนนักหนา
“เอ็งมาก็ดีแล้วมะปราง นี่เอาเสื้อขึ้นไปให้คุณแพทเธอแทนป้าหน่อย”
หัวใจสาวเต้นแรงเมื่อได้ยินชื่อของผู้ชายที่ตัวเองแอบรักนักหนาจากปากของคู่สนทนา
“ฉัน... ฉันไม่สะดวกหรอกจ้ะป้า”
“ไม่สะดวก เอ็งหมายความว่ายังไงของเอ็งวะมะปราง” คำถามที่เต็มไปด้วยความแปลกใจของป้าเกรททำให้มะปรางอึกอัก นี่จะให้หล่อนบอกออกไปได้ยังไงล่ะว่าหล่อนไม่อยากเจอหน้าพาเวลน่ะ เพราะเจอทีไร หล่อนถูกไล่ไม่ไว้หน้าเสียทุกทีไป
“คือฉัน...”
“ไม่ต้องพูดมาก ข้าต้องรีบทำมื้อเที่ยง เอ็งเอาเสื้อไปให้คุณแพทแทนข้าเร็วเข้า”
แล้วหล่อนก็หมดทางปฏิเสธใดๆ อีกเมื่อป้าเกรทยัดเสื้อราคาแพงที่ถูกห่อเอาไว้ในซองพลาสติกอย่างดีมาใส่มือของหล่อน จากนั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องครัว มะปรางมองตามไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นกังวล
“แต่ป้าคะ...”
“รีบเอาไปให้คุณแพทเร็วๆ เข้า เธอรออยู่...”
“ค่ะ”
เมื่อไม่มีทางเลือกใดอีก หญิงสาวจึงต้องก้มหน้าทำตามคำสั่งของแม่บ้านวัยกลางคน แม้ว่าจะหวาดกลัวต่อพายุอารมณ์ของพาเวลแค่ไหนก็ตามที