บทที่ 2
แม่บ้านวัยชราหรี่ตามองไอ้ผู้ชายหน้าหวานด้วยสายตาประหลาดใจ “เอ็งพูดเหมือนว่าตัวเองไม่ชอบพวกมาเฟียยังงั้นแหละ อย่าลืมสิเมซซี่ เอ็งน่ะก็เป็นพวกมาเฟียเหมือนกัน หรือว่าไม่ใช่ล่ะ”
เมลิน่าไม่มีทางเลือกต้องรับคำเสียงอ่อย “ผม... ผมไม่ปฏิเสธหรอกฮะว่าตัวเองก็รับใช้พวกมาเฟียอยู่ แต่นายควรจะมีน้ำใจกับคนอื่นบ้าง ไม่น่าจะฆ่าเขาแบบนั้น บ้านเมืองมีกฎหมายนะฮะ”
“บางครั้งกฎหมายก็สู้กฎมาเฟียไม่ได้หรอกนะเมซซี่ เอ็งคงไม่รู้สินะว่าไอ้คนที่ถูกนายเป่าหัวดับไปนั่นน่ะ มันทำอะไรเอาไว้บ้าง”
“ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะฮะ ก็ผู้ชายคนนั้นปลอมตัวเข้ามาอยู่ในเซอร์คอฟไง” น้ำเสียงของเมลิน่ายังขุ่นเคืองและรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของดินิย่าร์ไม่เปลี่ยนแปลง
หล่อนไม่ชอบผู้ชายป่าเถื่อน และก็ไม่ชอบมาเฟียร้ายกาจอย่างดินิย่าร์ เซอร์คอฟด้วย แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะทำให้การเต้นของหัวใจหล่อนผิดจังหวะเสียทุกครั้งที่สบตาก็ตาม
“มันไม่ได้มีแค่นั้นหรอกเจ้าเมซซี่”
“ไม่ได้มีแค่นี้ แล้วมันแค่ไหนกันล่ะป้า ผมงงไปหมดแล้วนะฮะ”
ดวงตาของป้าเกรทเริ่มน่ากลัวขึ้นจนเมลิน่าอดหวาดกลัวไม่ได้
“มันข่มขืนลูกสาวของลุงไบรอันจนยับเยิน แถมยังตั้งใจจะฆ่าปิดปากด้วย แต่ยังโชคดีที่แกรนด์ผ่านไปเห็นซะก่อนเลยช่วยเอาไว้ได้ทัน”
“ข่มขืน...?!”
หญิงสาวอุทานด้วยความตื่นตกใจ นี่คือสิ่งที่หล่อนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
“ใช่ แล้วอย่างนี้เอ็งยังคิดว่ามันไม่สมควรตายอยู่อีกหรือเปล่าล่ะ”
เมลิน่าก้มหน้าอย่างยอมรับความจริง แต่กระนั้นก็ยังอดพูดอีกไม่ได้
“แต่นายก็น่าจะให้กฎหมายจัดการ ไม่น่าฆ่าคนเองเลย”
“ก็อย่างที่ข้าบอกนั่นแหละ กฎหมายมันช้าเกินไป คนเลวๆ อย่างไอ้หมอนี่มันต้องกฎมาเฟียนี่แหละถึงจะสาสม”
ป้าเกรทพูดจบก็จ้องหน้าหล่อนนิ่งและพูดต่อ
“ที่ข้าเล่าให้เอ็งฟังก็เพราะว่าข้าไม่อยากให้ใครมองนายในทางที่ไม่ดี นายคือชีวิตของพวกเราในเซอร์คอฟ และหากเอ็งรับไม่ได้กับกฎของมาเฟียก็ควรจะรีบเดินออกไปซะ ก่อนที่เอ็งจะไม่มีโอกาสเดินออกไปเอง”
“คือผมก็แค่... แค่รู้สึกไม่ชินกับความเหี้ยมโหดเท่านั้นฮะป้า แต่ต่อไปผมจะพยายามปรับตัวฮะ”
แม่ป้าวัยกลางคนระบายยิ้มบางๆ ออกมา
“ที่นี่เราอยู่กันอย่างพี่น้อง โดยมีนายกับคุณแพทเป็นผู้ปกครอง ดังนั้นหากเอ็งเคารพกฎของเซอร์คอฟ ภัยใดๆ ก็ไม่สามารถกล้ำกรายเข้ามาหาเอ็งได้ เชื่อข้าสิเมซซี่”
เมลิน่ายิ้มเจื่อนๆ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองกำลังทำผิดใหญ่หลวงอยู่
“ฮะป้า ผมจะเชื่อป้าฮะ”
ป้าเกรทระบายยิ้มอีกครั้งก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้เมลิน่ามองตามไปด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเป็นที่สุด นี่หากหล่อนถูกจับได้ว่าปลอมตัวเข้ามาเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง มีหวังถูกเป่าสมองดับอย่างแน่นอน คนคิดตัวสั่น ก่อนจะเดินคอตกตามป้าเกรทไปอีกคน
พาเวลระบายยิ้มบางๆ เมื่อเดินเข้ามาในห้องทำงานของดินิย่าร์แล้วพบว่าพี่ชายของตัวเองกำลังก้มหน้าก้มตาจัดการกับงานตรงหน้าอย่างขะมักเขม้น
“สวัสดีครับพี่ชาย”
คนถูกรบกวนเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะกระแทกลมหายใจออกมา
“ไม่มีมารยาทอีกแล้วนะแพท พี่บอกกี่ครั้งแล้วให้เคาะประตูก่อนเข้ามา”
พาเวลอมยิ้มไม่สะทกสะท้านกับคำต่อว่าไม่จริงจังของพี่ชาย เขากับดินิย่าร์เป็นพี่น้องที่มีอายุห่างกันแค่ปีเดียวเท่านั้นจึงทำให้เขาทั้งสองคนสนิทกันมากเป็นพิเศษ
“นิสัยนี้ของผมคงแก้ไม่หายแล้วละครับพี่ชาย”
ดินิย่าร์ปิดแฟ้มเอกสารพร้อมๆ กับระบายลมหายใจออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ขณะจ้องหน้าน้องชายที่มีใบหน้าเหมือนกับตัวเองเสียทุกอย่าง จะมีก็แค่ทรงผมเท่านั้นแหละที่แตกต่างกันออกไป เขาไว้ผมรองทรงในขณะที่พาเวลเป็นแบบสกินเฮดเสียทั้งหัว
“มีอะไรก็ว่ามา”
พาเวลทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานไม้ของพี่ชายก่อนจะพูดขึ้น
“อาวุธสงครามจะส่งมาถึงมือของเราภายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ครับ”
นัยน์ตาสีเขียวมรกตของดินิย่าร์เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
“นี่จะเป็นล็อตสุดท้ายที่พี่จะยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายพวกนี้นะแพท”
“แต่พวกมันไม่มีทางยอมให้เราเลิกง่ายๆ หรอกครับ”
พาเวลพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล การค้าอาวุธสงครามของเซอร์คอฟเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่บรรพบุรุษจวบจนถึงรุ่นพ่อแม่ของพวกเขา เซอร์คอฟก็ยังค้าอาวุธสงครามผิดกฎหมายอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง จะมีก็แต่รุ่นของดินิย่าร์ พี่ชายของเขาเท่านั้นที่พยายามจะหยุดทุกอย่างที่ผิดกฎหมายลง แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะวางมือจากธุรกิจมืดพวกนี้
“แต่พี่จะเลิก ใครก็ห้ามพี่ไม่ได้”
“พี่ดีนอาจจะถูกปองร้ายได้นะครับ”
ดินิย่าร์หรี่ตามองน้องชายรูปหล่อของตัวเองก่อนจะระบายยิ้มหยันออกมา
“ต่อให้พี่ต้องตาย แต่พี่ก็ต้องยุติเรื่องพวกนี้ให้ได้ พี่จะไม่เจริญรอยตามพ่อ พี่จะลบคำว่ามาเฟียออกจากเซอร์คอฟให้ได้ ไม่เชื่อนายคอยดูสิแพท”
“ผมรู้ครับว่าพี่ดีนมุ่งมั่นแค่ไหน แต่ทุกอย่างมันคงต้องใช้เวลา และพยายามอย่างที่สุด”
“ถ้านายยืนข้างๆ พี่ ทุกอย่างจะต้องสำเร็จ” ดินิย่าร์จ้องหน้าพาเวลอย่างต้องการคำตอบ
“ผมรักพี่ดีน ผมไม่มีทางปล่อยให้พี่ดีนยืนอยู่กลางพายุตามลำพังแน่นอนครับ”
ผู้เป็นพี่ชายระบายยิ้มบางๆ ออกมา “พี่ขอบใจนายมาก เอาละ ถ้าหมดธุระแล้วก็ออกไปเถอะ พี่จะรีบเคลียร์งานให้เสร็จ เพราะอีกสามวันพี่จะต้องเดินทางไปปารีสแล้ว”
“ครับ งั้นผมขอตัวก่อนครับ”
พาเวลยิ้มให้กับพี่ชายอีกครั้งก่อนหมุนตัวเดินออกจากห้องทำงาน แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนเลย เสียงอุทานที่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจของใครคนหนึ่งก็ลอยมาเข้าหู พร้อมๆ ความรู้สึกเหมือนถูกราดรดกับของเหลวบางอย่างที่ร้อนระอุ
“เอ่อ... ขะ ขอโทษค่ะ...”
สุ้มเสียงที่สั่นเทาจนน่าเวทนาที่เล็ดลอดออกมาจากกลีบปากสีสดของแม่สาวใช้ตรงหน้าทำให้พาเวลหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ แม่นี่เห็นเขาเป็นอะไร หรือว่าเขามีเขี้ยวหรือไง เจ้าหล่อนถึงได้ทำท่าทำทางหวาดกลัวเขาขนาดนี้
“บ้าชะมัด”
ชายหนุ่มบ่นอุบในลำคอก่อนจะตวาดออกไป
“เวลาเดินไม่มองทางเลยหรือไงฮะแม่คุณ”
พาเวลเค้นเสียงออกจากลำคออย่างหัวเสียสุดๆ ขณะก้มมองเสื้อบริเวณหน้าท้องของตัวเองที่ชุ่มไปด้วยคราบของกาแฟ
“ดิฉันขอโทษ... ขะ ขอโทษ...”
คนพูดร่ำไห้น้ำตานองหน้า
“ขอโทษแล้วมันหายหรือเปล่าล่ะ เห็นไหมว่าฉันเปื้อนไปทั้งตัวน่ะ”
หญิงสาวที่หน้าซีดเผือดไร้สีเลือด กำลังจะเอื้อมมือมาเช็ดเสื้อที่เปรอะเปื้อนให้ แต่พาเวลขยับกายหนีเสียก่อน
“ไปให้พ้นหน้าเลยไป แล้วถ้าทีหลังซุ่มซ่ามแบบนี้อีกละก็ ฉันฆ่าเธอทิ้งแน่ ไปสิ”
แล้วมะปรางก็ไม่คิดจะรอให้พ่อมาเฟียรูปงามไล่ซ้ำสองอีก หล่อนรีบจากไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่พาเวลมองตามไปด้วยสายตาที่อ่านความรู้สึกไม่ออก