วันต่อมา…
นับดาวในชุดเรียบร้อยเดินออกมาจากในตัวบ้านด้วยใบหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด คุณแม่ของเธอบอกว่าไม่ต้องกังวลและให้อดทนอย่างถึงที่สุด ถ้าเรารักเขาจริงๆต้องทำให้คนในครอบครัวของเขารักเราให้ได้ ซึ่งเธอก็แอบกลัวมากว่าคุณแม่ของเขาจะไม่โอเคกับเธอเนื่องด้วยวัยอายุ ฐานะทางสังคม อาชีพทุกอย่าง แต่เธอมั่นใจว่าตัวเองจะสามารถยืนเคียงข้างเขาได้โดยไม่อายใคร
“สวยจังวันนี้”
“ก็ต้องสวยหน่อยสิคะจะไปเจอครอบครัวของคุณทั้งที ไหนจะคุณแม่ไหนจะพี่ชายอีกหนูกังวลไปหมด”
สารวัตรมาวินกุมมือหญิงสาวเอาไว้บีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจ เขาจะยืนเคียงข้างเธอไม่ห่างและจะปกป้องอย่างถึงที่สุด
“พี่จะอยู่ข้างหนูเอง”
“ขอบคุณนะคะ”
เธอรู้สึกใจชื่นขึ้นเยอะเลยเมื่อมีกำลังใจจากชายหนุ่มข้างกาย นับดาวขึ้นรถไปกับสารวัตรมาวินเดินทางเข้าไปในตัวเมืองเพื่อไปที่บ้านของเขา ดีนะที่เป็นคนจังหวัดเดียวกันเวลาจะเดินทางไปหาครอบครัวจะได้ดูแลกันสะดวก
“ใกล้ถึงแล้วค่ะ”
เขายิ้มกว้างออกมาก่อนจะขับรถเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ดูดีมีฐานะ ถึงจะไม่ได้ร่ำรวยถึงขั้นมีคฤหาสน์แต่เขาก็คือคนมีฐานะคนหนึ่ง
“บ้านใหญ่จังเลยค่ะ”
“บ้านแม่พี่เองแหละ มีพี่ชายอยู่ด้วยกับพี่สะใภ้ส่วนพี่ก็ทำงานไม่ค่อยได้มาค้างที่นี่เพราะมันไกล แต่อนาคตพี่จะซื้อบ้านอยู่กับคุณภรรยา”
“ปากหวานจริงนะ”
หญิงสาวยิ้มออกมาแก้มปริเธอคิดว่ายังไงการมีครอบครัวก็ต้องแยกบ้านกันอยู่ดีที่สุดเพื่อความไม่อึดอัดใจจากทั้งสองฝ่าย แต่ยังสามารถเจอกันได้แทบทุกเวลาที่ต้องการ
“ลงมาค่ะถึงแล้ว”
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเดินลงจากรถกุมมือชายหนุ่มและเดินตามเข้าไปข้างในตัวบ้าน และในห้องรับแขกมีผู้ใหญ่ทั้งสามคนนั่งอยู่ซึ่งน่าจะเป็นพี่ชาย คุณแม่ และพี่สะใภ้ของเขา
“ผมมาแล้วครับทุกคนแล้วก็พาแฟนมาด้วย คนนี้นับดาวครับแฟนผมเอง ส่วนนี่คุณแม่ของพ่ี่ พี่ธาวินพี่ชายแล้วก็พี่ส้มพี่สะใภ้”
เขาแนะนำให้ครอบครัวรู้จักหญิงสาว นับดาวยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตรยกมือไหว้ทั้งสามคนก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงอ่อนโยน
“สวัสดีค่ะคุณแม่ พี่ชาย พี่สะใภ้”
“สวัสดีจ้ะหนูนับดาว ฟังที่เล่าตอนแรกไม่คิดว่าจะเด็กขนาดนี้นะเรียนจบแล้วเหรอเราหน้าตาอย่างกับคนอายุไม่ถึงยี่สิบ”
คุณแม่เอ่ยถามอย่างสงสัย ไม่ใช่ลูกชายไปคว้าเด็กนักเรียนมาเป็นแฟนนะ ถ้าเป็นแบบนั้นเธอจะขัดขวางให้ถึงที่สุด มันไม่มีความเหมาะสมใดๆเลยและอายุของลูกชายก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว
“หนูยี่สิบกว่าแล้วค่ะคุณแม่ ตอนนี้กำลังจะฝึกงานแล้วก็ทำงานเลยค่ะ”
“งั้นเหรอ.. นั่งก่อนสิแล้วเราเรียนอะไรมาล่ะ”
นับดาวนั่งลงข้างสารวัตรมาวินเธอหันไปมองช่วยหนุ่มเขาพยักหน้าเล็กน้อยให้เธอคุยกับคุณแม่ได้เลย
“หนูเรียนนิติศาสตร์มาค่ะกำลังจะไปฝึกงานเป็นทนายความค่ะ แต่ว่าหนูต้องไปฝึกที่กรุงเทพเพราะว่าทางนั้นมาจองตัวไว้”
“ไปไกลจังแล้วจะอดทนกันไหวเหรอ คนหนึ่งอยู่ที่หนึ่งอีกคนอยู่อีกที่ ถ้าไม่รักกันมากพอมีสิทธิ์ที่จะเลิกกันได้เลยนะคิดดีแล้วเหรอ”
คุณแม่เอ่ยออกมาตามตรง เธออายุก็มากแล้วและลูกชายกับหญิงสาวอายุห่างกันมากพอสมควร คนหนึ่งควรจะมีครอบครัวได้แล้วและอีกคนเพิ่งจะมีสังคมใหม่ในการทำงาน การที่จะคบกันไปให้รอดก็ต้องเป็นคนที่เข้าใจกันมากและซื่อสัตย์ต่อกัน
“ผมให้น้องไปเองครับแม่ นับดาวกำลังจะมีอนาคตผมไม่อยากให้น้องทิ้งมันไป และถ้าวันหนึ่งเราเลิกกันไปเพราะเรื่องนั้นผมก็จะไม่เสียใจ ผมถือว่าผมพาน้องไปมีอนาคตที่ดี”
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังจนทุกคนสัมผัสได้ นับดาวมองคนรักน้ำตาคลอเธอไม่คิดว่าเขาจะมองไกลขนาดนั้นและเธอเชื่ิอได้เลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่รักเธอด้วยหัวใจจริงๆ
“ที่หนูไปก็แค่เห็นว่าเงินมันเยอะมากอาจจะต้องแลกด้วยการเดินทางไกลและงานยุ่งมาก แต่มันเป็นทางเดียวที่จะหาเงินได้มากที่สุดและเราคุยกันว่าจะช่วยกันเก็บเงินซื้อบ้านและเก็บเงินแต่งงานด้วยกันค่ะ”
“ตอนแรกผมจะซื้อเองแต่นับดาวไม่ยอมครับ บอกว่าต้องช่วยกันออกคนละครึ่ง”
ชายหนุ่มเสริมอีกแรง คุณแม่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
“ถือว่าเป็นเด็กที่มีความคิดที่ดีเลยนะ ไม่คิดเอาเปรียบฝ่ายชายและมีการวางแผนอนาคตร่วมกัน ถือว่าความคิดไม่เด็กนะ งั้นแม่ขอถามคำเดียวจะได้อุ้มหลานเมื่อไหร่”
คุณแม่ดอายถามอย่างตรงประเด็น ถ้าคนหนึ่งอยากมีอีกคนไม่อยากมีเธอคิดว่ายากมากที่จะไปด้วยกันรอด แต่ถ้าข้อนี้ผ่านก็ถือว่ารักกันจริง
“เรื่องนั้นเราคุยกันว่าผมอายุไม่เกิน35ปี ซึ่งยังพอมีเวลาอยู่ให้ทำงานและเตรียมความพร้อมอีกหลายปี ใช่มั้ยคะ”
“ใช่ค่ะ เรื่องนั้นเราคุยกันว่าอยากมีแต่ว่าอาจจะรอให้พร้อมทั้งคู่ก่อน”
“ก็ได้งั้นแม่รอก่อนก็ได้ แต่ยังไงเราควรคุยเรื่องแต่งงานกันไว้ด้วยนะแม่ว่ามันจำเป็นมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันแต่ไม่จัดงานแต่งงานใครรู้จะเอาไปนินทาได้ คนที่เสียหายก็คือหนูนับดาวเอง”
คุณแม่เอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วง จริงๆแม่หนูคนนี้ก็ดูมีอนาคตและความคิดความอ่านดูเป็นผู้ใหญ่ และเชื่อมั่นว่าลูกชายน่าจะเลือกผู้หญิงไม่ผิด
“ตกลงว่าแม่โอเคกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ใช่มั้ยครับ”
“ก็ไม่มีอะไรให้ไม่โอเคนี่นา สวย การศึกษาดี ความคิดมีการวางแผนอนาคต ก็เหมาะสมกับลูกชายแม่อยู่นะ”
ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ โดยเฉพาะนับดาวที่เป็นกังวลมากกลัวว่าคุณแม่ของเขาจะไม่ชอบเธอ แต่ถ้าท่านยอมรับได้แบบนี้เธอก็รู้สึกโล่งใจมาก
“ขอบคุณนะคะที่เอ็นดูหนู”
“แม่ก็มองตามที่คิด ขอโทษที่ถามเยอะจนเกินไป มาวินเค้าอายุมากแล้วแม่อยากให้เจอคนที่ดีจะได้สร้างครอบครัวไปด้วยกัน งั้นเราไปกินข้าวกันดีกว่าวันนี้แม่ทำของอร่อยเยอะแยะเลย”
“ไปกันน้องนับดาว ไปช่วยพี่จัดโต๊ะอาหารดีกว่า”
พี่ส้มเรียกนับดาวให้ออกไปช่วยกันจัดโต๊ะอาหารเพื่อกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวให้บรรยากาศมันน่าอยู่ เธอตอบตกลงทันทีด้วยรอยยิ้มกว้างรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าเลย
‘ในที่สุดก็ผ่านไปด้วยดี…’