หลังจากรับประทานอาหารค่ำกันเรียบร้อยแล้ว ญานิดาก็พากานต์พิชาไปนั่งดูดาวกันที่ลานหน้าตัวบ้าน จนกระทั่งน้ำค้างเริ่มลง จึงพากันกลับเข้าไปในห้องนอน
“พิชา แกไปอาบน้ำก่อนเลย ชุดนอนก็เลือกเอาเลยนะว่าชอบตัวไหน ในตู้น่ะ”
“ขอบใจมากจ้ะนิด”
กานต์พิชากล่าวขอบคุณเพื่อนแล้วก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดนอนสีฟ้าของญานิดาติดมือเข้าไปในห้องน้ำ
ญานิดานั่งไถหน้าจอโทรศัพท์มือถืออยู่สักพักก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของกานต์พิชาดังขึ้น หล่อนหยิบโทรศัพท์มือถือของเพื่อนมาดูก็พบว่าสายเรียกเข้าคือพิริยะ
“คุณหมอพีท...”
ญานิดาลังเลระหว่างจะรับสายแล้วบอกว่ากานต์พิชาอาบน้ำอยู่ หรือทำในสิ่งตรงกันข้าม คือไม่รับสาย
ในที่สุดหญิงสาวก็เลือกที่จะทำอย่างหลัง หล่อนไม่รับสาย และปล่อยให้สายถูกตัดไปเองโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็เข้าไปในประวัติการโทรเข้าออก และกดลบเบอร์ของพิริยะที่โทรเข้ามาทิ้งทันที
“ขอโทษนะคะคุณหมอพีท แต่นิดต้องการให้เพื่อนนิดหลุดพ้นจากคุณหมอสักทีค่ะ”
ญานิดาวางโทรศัพท์มือถือของเพื่อนรักเอาไว้ที่เดิม ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่กานต์พิชาอาบน้ำเสร็จพอดี
“เมื่อกี้เหมือนฉันได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังเลย มีคนโทรมาหาฉันเหรอนิด”
“ไม่มีนี่นา ไม่เชื่อก็เอาไปดูสิ”
ญานิดาส่งโทรศัพท์มือถือส่งให้กับเพื่อน จากนั้นก็แกล้งก้มหน้าก้มตาไถเฟซบุ๊คต่อ
กานต์พิชาที่หวังเอาไว้ลึกๆ ว่าพิริยะจะโทรมาหา หน้าเศร้าลงทันที เมื่อพบว่าพิริยะไม่ได้โทรเข้ามาหา
“นิดไปอาบน้ำสิ เราจะได้นอนกัน พรุ่งนี้ต้องไปทำงานที่โรงพยาบาลแต่เช้านะ”
กานต์พิชาพูดขึ้นลงจากก้าวขึ้นมาบนเตียงนอนแล้ว
“กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละ แกนอนไปก่อนเลยนะ ฉันอาบน้ำนานน่ะ”
ญานิดาบอกเพื่อน ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
เมื่ออยู่ตามลำพัง น้ำตาที่พยายามซ่อนเอาไว้ก็ไหลรินออกมาอีกครั้งจนได้
เช้าวันต่อมา... กานต์พิชาก็มาทำงานที่โรงพยาบาลพร้อมกับญานิดาเหมือนเช่นทุกวัน
ญานิดานั้นเป็นนางพยาบาลวิชาชีพ ในขณะที่หล่อนเป็นเพียงผู้ช่วยพยาบาลเท่านั้น
กานต์พิชาพยายามที่จะซ่อนความทุกข์ใจเอาไว้แต่ภายในอก แต่กระนั้นใบหน้าของหล่อนก็สะท้อนความเศร้าหมองออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ทำไมวันนี้ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลยล่ะน้องพิชา เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย”
ผู้ช่วยพยาบาลรุ่นพี่เอ่ยถามด้วยความแปลกใจและก็คงเป็นห่วงด้วยนั่นแหละ
“เอ่อ... พิชาสบายดีค่ะพี่นก”
หล่อนฝืนยิ้ม และตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่ปั้นแต่งจนเป็นปกติ
“สบายดีก็ดีแล้วล่ะ พี่ก็นึกว่าป่วย”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงพิชาค่ะพี่นก”
“อืม.. งั้นพี่ขอตัวไปเช็ดตัวให้คนไข้ก่อนนะ”
“จ้ะพี่นก”
ลับหลังร่างของคู่สนทนา ใบหน้าของกานต์พิชาก็กลับมาอมทุกข์เหมือนเดิม
หล่อนอยากจะยิ้มแย้มเหมือนเช่นทุกวัน แต่กลับทำไม่ได้เลย
“พี่พิชาคะ คุณหมอพีทเรียกพบน่ะค่ะ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ซึ่งก็เป็นนางพยาบาลที่ทำงานอยู่วอร์ดเดียวกันนั่นเอง
“เอ่อ... คุณหมอพีทน่ะเหรอคะเรียกพี่ไปพบ”
กานต์พิชาอดแปลกใจไม่ได้ ตั้งแต่หล่อนกับพิริยะลักลอบคบหากันมาหกเดือนเศษ เขากับหล่อนแทบจะไม่คุยกันเลยเมื่ออยู่ในโรงพยาบาล เพราะเกรงว่าคนอื่นจะรู้ความลับเข้า แต่ทำไมวันนี้เขาถึงกล้าพอที่จะเรียกหล่อนเข้าไปพบนะ
“ใช่ค่ะพี่พิชา คุณหมอพีทบอกว่าต้องการพบพี่พิชาด่วนด้วยค่ะ”
เขาคงจะมีธุระหรืองานอะไรสำคัญมากๆ นั่นแหละถึงกล้าแหกกฎเช่นนี้
“แล้วตอนนี้คุณหมอพีทอยู่ที่ไหนเหรอคะ”
“อยู่ที่ห้องทำงานค่ะ”
กานต์พิชาผงกศีรษะขึ้นลงเล็กน้อย และก็ยืนรอจนคู่สนทนาเดินจากไป หล่อนจึงได้มุ่งหน้าตรงไปยังห้องทำงานของพิริยะ
ก๊อก ก๊อก...
“เข้ามาได้ครับ”
เสียงห้าวที่หล่อนคุ้นเคยเอ่ยอนุญาตดังขึ้นหลังจากที่หล่อนเคาะประตู
มือเล็กจับลูกบิดประตูเอาไว้ ก่อนจะตัดสินใจดันบานประตูให้เปิดออก
หล่อนยืนอยู่ที่หน้าประตู ดวงตาจ้องมองไปยังร่างสูงใหญ่ของพิริยะที่นั่งอยู่ด้านหลังของโต๊ะทำงานอย่างลังเล
“เข้ามาสิครับกานต์พิชา แล้วปิดประตูด้วยครับ”
น้ำเสียงเป็นทางการของพิริยะ ทำให้หล่อนเดาว่าเขาคงเรียกหล่อนมาพบเพราะเรื่องงานอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ นั่นแหละ
“ค่ะ”
หล่อนก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามาภายในห้องทำงานกว้างของคุณหมอหนุ่ม ซึ่งพ่วงตำแหน่ง CEO ของโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วยความรู้สึกประหม่าไม่น้อย
กายสาวสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่น เมื่อถูกสายตาคมเข้มจ้องมองมา
หล่อนกัดฟันเดินไปหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา และเอ่ยถามเสียงเรียบ
“คุณหมอ... มีงานอะไรจะให้พิชาทำเหรอคะ”
เขาไม่ได้ตอบคำถามของหล่อนในทันที แต่กลับลุกขึ้นจากเก้าอี้หนังสีดำตัวใหญ่ และเดินอ้อมโต๊ะออกมาหยุดใกล้ๆ กับร่างของหล่อนแทน
หล่อนขยับตัวหนีเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะห่าง แววตามืดลึกของเขาทำให้หล่อนรู้สึกกลัวจนต้องก้มหน้างุด
“ไหนว่าไม่โกรธไง พิชา”
“คะ?”
หล่อนจำต้องเงยหน้าขึ้นมองเขาโดยอัตโนมัติเพราะแปลกใจกับคำถามที่ได้ยิน
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ผมรู้นะว่าคุณโกรธผมเรื่องเมื่อวาน”
“เอ่อ... คุณหมอไม่ได้เรียกพิชามาเพราะเรื่องงานหรอกเหรอคะ”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง คุณโกรธผม ก็เลยไม่รับสายของผม”
ท่าทางหงุดหงิดของพิริยะทำให้หล่อนรู้สึกแปลกใจไม่น้อย
ตั้งแต่ที่หล่อนเข้าไปอยู่ในฐานะนางบำเรอของเขา หล่อนไม่เคยเห็นพิริยะแสดงความหงุดหงิดแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
หรือว่าเขาแคร์หล่อนกันนะ...
หัวใจที่ห่อเหี่ยวตอนนี้ค่อยๆ อิ่มฟูขึ้นมาทีละนิด เมื่อคิดไปว่าพิริยะอาจจะแคร์ตัวเองบ้าง แม้จะแค่เล็กน้อยก็ยังดี
“เอ่อ... พิชาไม่เห็นสายเรียกเข้าของคุณหมอจริงๆ นะคะ”
“จะไม่เห็นได้ยังไง ในเมื่อผมโทรหาคุณตอนสามทุ่ม”
“ตอนสามทุ่มเหรอคะ”
กานต์พิชาพยายามจะนึกถึงช่วงเวลานั้นเมื่อคืนนี้ ก่อนจะพูดออกมา
“ช่วงนั้นพิชาน่าจะอาบน้ำอยู่ค่ะ แต่ตอนที่พิชาออกมาจากห้องน้ำ ก็ไม่เห็นมีสายที่ไม่ได้รับเลยนะคะ”
“ผมไม่เคยโกหก และไม่คิดจะโกหกกับไอ้แค่เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ด้วย”
“แต่มันไม่มีสายเรียกเข้าจริงๆ นะคะ ถ้าคุณหมอไม่เชื่อ ดูมือถือของพิชาก็ได้ค่ะ”
หล่อนยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้กับเขา แต่ชายหนุ่มไม่รับ
“ช่างมันเถอะ ผมไม่ได้สนใจหรอกว่าคุณจะรับสายหรือไม่รับสาย”
หัวใจที่อิ่มฟูตอนนี้ค่อยๆ แฟบลงกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของผู้ชายรูปงามตรงหน้า
“และที่ผมต้องแหกกฎเรียกคุณมาพบในครั้งนี้ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ”
“ค่ะ”
กานต์พิชาก้มหน้าเศร้าๆ ของตัวเองลงมองปลายเท้าของตน