บทที่1.ความทรงจำสีเทา......

1649 Words
เป็นคำถามแสนซื่อ แต่ในความเป็นจริงคือความรันทด ใช่ว่าเธออยากจะออกไปท่องราตรีทำงานหามรุ่งหามค่ำเมื่อไร แต่เพราะอนาคตของเด็กผู้หญิงตรงหน้านี่ต่างหาก ทำให้ปูชิดาต้องพากเพียร เธอยิ้มอ่อนๆ ยืนมือไปสวมกอดบุตรสาว พร้อมกับเอ่ยเสียงเครือ “สักวันแม่จ๋าคงมีเวลากอดนางฟ้าตอนนอน...แต่วันนี้แม่จ๋าจำเป็นจริงๆ จ้ะ มันไม่ได้หมายถึงแค่ชุด ไหนจะกระเป๋า รองเท้า ขนมที่หนูจะต้องมีกิน เข้าใจแม่ไหมจ้ะ”                คำอธิบายของมารดา อัปสราไม่ใคร่จะเข้าใจ แต่เพราะเธอเองก็รู้ มารดารักเธอยิ่งกว่าสิ่งใด เพราะฉะนั้นท่านคงจำเป็นจริงๆ ใบหน้าเล็กๆ พยักหงึกหงัก แม้จะสลดลง แต่ก็พยายามไม่ให้ตัวเองเป็นตัวถ่วง                “แม่คุ๊ณ...”                มือเหี่ยวย่นยกชายผ้าขึ้นซับน้ำตา มันน่าสงสารจนสุดซึ้ง อนาถใจในชะตาชีวิตของสองแม่ลูก แต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งที่ดีกว่านี้ชดเชยให้ได้ นางมีแค่ความภักดี แต่ไม่มีสตางค์...                “กินข้าวกันดีกว่า กินเยอะๆ นะจ้ะ หนูจะได้แข็งแรง เรียนเก่งๆ มีเพื่อนเยอะๆ”                ปูชิดาทำเสียงร่าเริง เธอสลัดความเศร้าทิ้งแบบรวดเร็ว เมื่อความรู้สึกเหล่านี้อาจจะทำให้ตัวเองหมดกำลังใจ ในเมื่อเธอเองเลือกเดินทางนี้...ก็ต้องจำทนด้วยความเข้มแข็ง เธอเป็นเสาหลักของบ้าน...เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตตัวเอง เธอต้องแกร่ง...เป็นหญิงเหล็ก ไม่หวั่นไหวกับความทุกข์ตรมที่รุมเร้า...                มือเล็กๆ โบกไหวไปมา เด็กหญิงเกาะขอบรั้วโบกมือส่งมารดา แม้จะปรารถนาอยากให้ท่านอยู่ใกล้ๆ แต่ความจำเป็นบางอย่างเจ้าตัวเลยได้แต่จำยอม... “ยายจ๋า พ่อนางฟ้าไปไหน?”                ครอบครัวอื่นๆ ในละแวกบ้านเท่าที่เจ้าตัวน้อยเห็น มักจะประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูก แต่ทำไมเล่า ทำไมครอบครัวของเธอถึงขาด? ไม่มีบุคคลสำคัญเช่นคนอื่นๆ                นมแผ้วน้ำตาตก นางอยากจะเปิดปากเล่าความจริงให้คุณหนูตัวน้อยฟังเหลือเกิน แต่เพราะปูชิดาสั่งห้ามเด็ดขาด!! เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับ ‘พ่อของลูก’ ไม่ใช่เพราะเกลียดชัง แต่เพราะเธอกลัวเขาไม่เชื่อ เมื่อเธอเป็นแค่คนเคยรัก ถึงจะเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน แต่มันก็เนิ่นนานจนเขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ อีกอย่างสถานภาพของปูชิดาเวลานี้ไม่เหมือนเดิม เธอไม่ใช่บุตรสาวของเศรษฐีใหญ่ เธอถูกอับเปหิออกมาจากบ้าน ถูกเสือกไสออกมาแบบไร้ความปราณี ไม่มีสายสัมพันธ์ใดใดหลงเหลืออยู่กับครอบครัว ไวศยปรานนท์  เป็นแค่เด็กสาวใจแตกที่มีลูกเป็นเรือพ่วง ด้วยวัยที่ยังไม่เต็มสาวดี แล้วชายหนุ่มที่เป็น ‘พ่อของลูก’ เขาจะสนใจอะไรกับอดีตอย่างปูชิดา เมื่อเวลานี้ ‘เขาผู้นั้น’ อยู่ท่ามกลางวงล้อมของสาวๆ มีอนาคตสดใส กับเป้าหมายชีวิตที่ตัวเองวาดไว้...                “แม่จ๋าบอกนางฟ้าว่าอย่างไรบ้างล่ะลูก” นางย้อนถามเสียงแผ่ว ก้อนสะอื้นวิ่งมาจุกอยู่ที่อก ลดสายตาเศร้าสลดมองใบหน้าเล็กๆ ที่แหงนเงยขึ้นมอง                เด็กหญิงเม้มปาก ก่อนจะค่อยๆ ตอบเสียงอ่อย “ยายสวรรค์อยู่ที่ไหนคะ? นางฟ้าอยากไป แม่จ๋าบอกว่าปะป๊าทำงานอยู่ที่นั่น” คำตอบที่นางฟังมาจนชิน เพราะปูชิดาจงใจปิดบัง หล่อนไม่ต้องการให้ลูกน้อยมีความทรงจำไม่ดีกับบิดา หญิงสาวจึงเลี่ยงที่จะพูดความจริง                “รอให้โตก่อนดีไหมลูก เวลานั้นรับรองได้ นางฟ้าได้ไปหาปะป๊าแน่ๆ” นางกลั้นใจตอบ พร้อมกับชักชวนเด็กหญิงเข้าไปในบ้าน “เข้าบ้านกันดีกว่า ป่านนี้น้องหมีนอนรอนางฟ้าบนเตียงแล้วมั้งคะ” เด็กบ้านแตก ขาดความอบอุ่นมักจะมีสิ่งยึดเหนี่ยว และอัปสราก็เช่นกันเธอมีตุ๊กตาหมีเก่าแสนเก่า แต่เจ้าตัวหวงแหนยิ่งกว่าสิ่งใด เธอมักจะนอนกอดตุ๊กตาตัวนั้นก่อนจะหลับใหลไปในห้วงนิทรา                “อีกกี่ปีคะ อีกี่ปีนางฟ้าถึงจะโต” เจ้าตัวยังไม่วายถาม เมื่อยอดปรารถนาของเธอ คือการได้พบเจอบิดาสักครั้ง เด็กหญิงอยากมีบิดาเหมือนแฉกเช่นเพื่อนๆ                “กินเยอะๆ นอนเยอะ เดี๋ยวก็โตเองแหละค่ะ”                มือเหี่ยวย่นคลี่ผ้าห่มผืนบางห่มคลุมให้เจ้าตัวเล็ก เปิดพัดลมปัดเป่าความอบอ้าวให้เด็กหญิงก่อนจะเดินถอยหลังกลับห้องพักตัวเอง นางยังมีงานเล็กๆ น้อยรอให้ไปจัดการ ก่อนจะได้พักผ่อนในราตรีอันแสนเงียบสงบ                “แพนด้า...ปะป๊านางฟ้าหน้าตาเป็นไงนะ?”                เพื่อนคุยยามความมืดเข้าครอบคลุมก็คงไม่พ้นตุ๊กตาตัวโปรด มันมีชื่อเสียเลิศหรู ‘แพนด้า’                “ยายชอบพูดบ่อยๆ นางฟ้าตาสวยเหมือนปะป๊า” ลูกเสี้ยวมักจะได้รับยีนส์บางตัวมาจากผู้ให้กำเนิด และอัปสราได้รับมาเธอมีดวงตาถอดมาจากออสติน ดวงตาของเธอสีคาราเมล ไม่ได้ดำสนิท แต่ออกเหลือบๆ สีน้ำตาล หวานซึ้งเหมือนมีน้ำเชื่อมลอยฟ่อง ส่วนโครงร่างอย่างอื่นถอดมารดามาทั้งกะบิ!!                “ปะป๊าของนางฟ้าต้องหล่อแน่ๆ เลย ใช่ไหม?” หางเสียงเริ่มอ่อย เมื่อเจ้าตัวเองก็ไม่แน่ใจ ไม่มีรูปถ่ายบิดาสักใบ และเธอก็ไม่กล้าถามหาเพราะมารดามักจะดูเศร้าๆ อัปสราเลยไม่กล้าซักไซ้ มีบางครั้งเท่านั้นที่เผลอตัวหลุดปากพูด                “เห้อ!! ทำไมปะป๊าถึงเห็นงานดีกว่านางฟ้า ปะป๊าไม่คิดถึงนางฟ้าบ้างเหรอ”                เป็นคำพูดซื่อๆ ที่มันฝังอยู่ก้นบึ้งหัวใจ จะปริปากพูดแจ้วๆ ก็ต่อเมื่อได้อยู่กับเพื่อนสนิทที่ไม่มีปาก เพราะเจ้าตัวรู้ดี หากพูดเรื่องบิดา มารดามักจะมีแต่ความเศร้า และเธอไม่อยากให้มารดาเศร้าเสียใจอีก เลยเก็บงำไว้ในใจ                 ร้านสะดวกซื้อริมถนนใหญ่มีผู้ใช้บริการเดินเข้าเดินออกไม่ขาดสาย เพราะฉะนั้นพนักงานในร้านจึงทำงานกันเป็นมือระวิง รวมทั้งปูชิดาด้วย                “รับขนมปังเพิ่มไหมคะ?” รอยยิ้มหวานจ๋อยกับคำถามติดปาก เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าตัวเอง                กรุ้งกริ้ง!! เสียงลูกกระพรวนเหนือประตูสั่นกราว มันถูกผลักให้เปิดด้วยฝีมือดรุณีนางหนึ่ง หล่อนสวยจนคนที่เห็นแอบอิจฉา ใบหน้าหวานสวยเด่น โดยเฉพาะริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสด!! ใบหน้านั้นดูคุ้นตาจนปูชิดาต้องยอมเสียมารยาทเพ่งมอง ก่อนจะครางในลำคอเบาๆ เพราะไม่ใช่ใครที่ไหน สาวสวยนางนี้คือคนดังของสังคม หล่อนกำลังดังเปรี้ยง!! ในฐานะนักแสดงหน้าใหม่ที่บังเอิญภาพยนตร์ที่หล่อนเล่นกำลังฮอตในหมู่วัยรุ่น ‘ยานิสา แบลล์’ สาวน้อยยะหยา ดาราสาวสวยที่กำลังมาแรง!!                “เธอๆ ใช่ไหม?”                มีเสียงกระซิบดังเบาๆ พอให้ได้ยินกับอาการตื่นเต้นเมื่อตัวเป็นๆ ของดาราในฝันมายืนอยู่ในที่ที่เดียวกัน                หล่อนเดินมาหยุดหน้าเค้าน์เตอร์พร้อมกับเปิดปากถาม “มีบุหรี่...ไหม?” เป็นคำถามที่ผิดกับภาพลักษณ์ที่เจ้าหล่อนสร้างไว้ลวงตาผู้คน กับความใสซื่ออินโนเซ้นต์                “มีค่ะเอากี่ซองดีคะ” ปูชิดาตอบ หล่อนคลี่ยิ้มนิดๆ แอบชื่นชมหล่อนในใจ หล่อนสวยสมกับเป็นนักแสดง                “ซองเดียว เท่าไรล่ะ” คำพูดฟังดูห้วนๆ แต่ปูชิดาไม่เก็บมาใส่ใจเมื่อเธอเป็นแค่พนักงานขาย นักแสดงใหญ่แบบยานิสาคงไม่เห็นความสำคัญ                หญิงสาวบอกราคาก่อนจะรับธนบัตรที่ดาราดังส่งให้มาใส่เก๊ะ ทอนสตางค์ตามหน้าที่ มันคงจบแค่นั้น ถ้า....                เธอมัวแต่ตื่นตะลึงเลยไม่ได้สนใจความวุ่นวายที่เกิดขึ้น                แฟนคลับของยานิสารีบแสดงตัว พวกเขากรี๊ดเสียงดังๆ เพราะได้เจอะเจอนักแสดงที่ตัวเองชื่นชอบตัวเป็นๆ เสียงดังกระหึม แต่ดูเหมือนจะไม่เข้าหูของปูชิดา เธอตื่นตกใจกับใครบางคนมากกว่า ใครบางคนที่เธอจำได้แบบไม่มีวันลืม แม้จะท่องจำไว้ในใจ เขาเป็นแค่ความทรงจำ ที่ไม่มีทางหวนคืนกลับมา เธอคือก้อนกรวด ในขณะที่เขาเป็นดาวจรัสฟ้า                “คุณยะหยาใช่ไหมคะ? พวกพี่เป็นแฟนคลับ ติดตามผลงานของน้องมาตลอด ตั้งแต่ยังเป็นแค่เอ็กตร้า!!”                สาวใหญ่สองนาง กับสาวน้อยวัยรุ่นอีกหนึ่ง พวกเขาดาหน้าเขาไปรุมล้อม พร้อมกับแสดงความชื่นชม                สาวสะคราญแอบเบ้ปาก เบื่อกับการโอบล้อมของคนที่ไม่มีความสำคัญ แต่อาชีพของเธอต้องอาศัยคนพวกนี้ และที่สำคัญเลย เธอไม่ชอบให้ใครพูดถึงอดีต อดีตที่ต้องกระเสือกกระสนแทบตายกว่าจะมายืนตรงจุดนี้ได้                “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” หล่อนตอบแบบเสียไม่ได้ พยายามปั้นหน้าให้ดูดีที่สุด ทั้งๆ ที่หงุดหงิดจนอยากอาละวาด                “มีผลงานใหม่ๆ อีกไหมคะ พวกเราชมอยู่”                พวกเขายังไม่หยุดความพยายาม นานๆ จะมีโอกาสได้ชิดใกล้นักแสดงดังตัวเป็นๆ สักที                ยานิสาเผลอไหวไหล่...ช่วงนี้เธอไม่มีเวลาหรอก คิวงานทั้งหมดถูกยกเลิก เพราะเธอทุมเทเวลาทั้งหมดของตัวเองตามติดหนุ่มมหาเศรษฐี บุคคลผู้นี้เธอตั้งใจมั่น ไม่มีทางปล่อยให้เขาหลุดมือเป็นเด็ดขาด เมื่อโปรไฟล์พ่อคุณล้นเหลือ ไม่ว่าจะนามสกุลดัง กับสมบัติที่พ่วงท้ายมาด้วย ที่สำคัญเขา ‘โสด’ ถึงเขาจะเป็นคาสโนว่าตัวพ่อมาก่อน แต่หล่อนมั่นใจว่าสามารถจับเขาอยู่มือในเมื่อเขาคือ...ออสติน อัศวิน เทรย์เวอร์               
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD