ตอนที่2 ชื่อตอน ดวงจันทร์บนผืนฟ้า

1595 Words
“เจ้าต้องช่วยข้านะซาจิ” “ช่วย ช่วยหรือเพคะ หม่อมฉันจะช่วยอันใดองค์หญิงได้กันเพคะ” นางกำนัลน้อยเร่งไต่ถามออกมาด้วยความตื่นตกใจ และก็ต้องตกใจขึ้นมาจริงๆยามฟังคำเอ่ยตรัส ของพระองค์หญิงน้อยๆของนางอีกครั้ง “ข้าจะหนี!!!!" "ข้าจะหนีไปหาท่านตาที่ทางเหนือ ท่านแม่เคยสั่งเสียเอาไว้ก่อนที่จะทรงสิ้นพระชนม์ ว่าถ้ามีสิ่งใดเกิดขึ้นมาให้ไปไปหาท่านตาที่คาราซัก ท่านจะปกป้องและคุ้มครองข้าได้” ร่างน้อยหวนคิดถึงความทรงจำในครั้งที่เยาว์วัย ทรงยังจำได้ติดตานักถึงวันที่งดงาม ในวันที่หิมะโปรยปรายในฤดูหนาว ท่านแม่ผู้งดงาม ท่านแม่ผู้มิอาจสู้แสงตะวันและลมหนาว ท่านแม่ผู้เป็นดั่งดวงหทัยของท่านพ่อ ท่านได้โอบกอดนางเหมือนทุกวัน และท่านมักจะกล่าวอย่างมีความสุขในทุกๆครา ”ท่านพ่อนั้น เปรียบดั่งแสงตะวันของแม่ แม้จับต้องนานมิได้แต่ก็นำความอบอุ่นมาให้อย่างยิ่งนักฮิมาวาริ ส่วนเจ้าเป็นดั่งดอกไม้น้อยๆของแม่ ที่มักคอยหาแสงตะวันให้แม่เสมอ แม้มิอาจสาดแสงร้อนแรง แต่ดอกไม้ดอกน้อยที่สดใสร่าเริงก็คือดวงใจของแม่ “ เพียงแค่คดำริขึ้นมาสายอสุชลก็หยาดหยด ลงมาตามใบหน้าขาวนวลในทันที “องค์หญิง!! ทรงกรรแสงขึ้นมา เพราะเหตุอันใดกันหรือเพคะ” หยาดอสุชลที่หยาดหยดลงอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย สร้างความตกใจให้พระพี่เลี้ยงยิ่งนัก ต้องเร่งปลอบประโลม พร้อมกับขยับมือไม้ หาผ้าซับพระเนตรให้อย่างวุ่นวาย ด้วยองค์หญิงของนางนั้น มิเคยกรรแสงเบาๆเช่นนี้มาก่อนเลย “ข้าคิดถึงท่านแม่ซาจิข้าอยากเป็นดั่งท่านแม่ อยากมีความรักและได้อยู่ไกล้ๆกับคนรัก ไปจวบจนตราบสิ้นลมหายใจ” “โถ่ องค์หญิงของซาจิ อย่าคิดสิ่งใดอีกเลยเพคะ หม่อมฉันยังคงอยู่เคียงข้างองค์หญิงที่นี่นะเพคะ” และนับจากวันนั้น ร่างน้อยก็พยายามขบคิดแผนการต่างๆนาๆ เพื่อหาทางหลบหนีออกไปจากพระราชฐานชั้นในให้ได้ แต่ด้วยเป็นเขตห้วงห้าม แม้แต่นางกำนัลก็มิอาจได้ออกไปโดยง่าย ถ้ามิมีพระบรมราชโองการหรือผู้มียศมาทำหน้าที่ประทับตรา คนในก็มิอาจออกคนนอกก็มิอาจเข้ามาได้โดยง่าย เพื่อเป็นการป้องกันเหตุร้ายต่างๆ มิให้บังเกิดขึ้นได้ และเมื่อมิอาจทำสิ่งใดได้การหลบหนีจึงถูกพักไว้ชั่วคราว จนกระทั่งฤดูหนาวได้ผ่านไป และเมื่อผ่านพ้นฤดูหนาวจนย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ หมายกำหนดการงานพระราชพิธี ที่ถูกกำหนดไว้ ก็ถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ องค์หญิงต่างๆ ถูกกำหนดให้มีคู่หมั้นหมาย และสมรสพระราชทาน โดยจะมีพระคู่หมั้น และคู่สมรสเดินทางมายลโฉมและรับคู่สมรสกลับไปยังเมืองของตน โดยกำหนดการต่างๆมิได้ตรงกัน เพื่อป้องกันปัญหาระหว่างประเทศ และสิ่งที่องค์หญิงฮิมาวาริ ทรงหวาดกลัวนั้น ก็ถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ พร้อมกับกำหนดการมาเยือนขององค์รัชทายาทเทโย คู่หมายของพระองค์ ซึ่งมาถึงที่แถบเมืองเขตชายแดนแล้วมและมีข่าวส่งมาว่า พระองค์ได้ร่วมกับแม่ทัพภาคตะวันออก สังหารกลุ่มกบฎและกองโจรให้ด้วย สร้างความหวาดกลัว ในสายตาองค์หญิงน้อยขึ้นไปอีก “ข้าจะทำเช่นไรดีนะ ซาจิ เจ้าคนโฉดนั่น กำลังจะมาถึงแล้ว ข้ากลัวเหลือเกินถ้าต้องตกเป็นสมบัติ ของคนเช่นนั้น ข้าขอยอมตายไปเสียจะยังดีกว่า “ ร่างน้อยที่ซึ่งคิดมากจนน่าสงสาร จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ จนนางกำนัลพระพี่เลี้ยงทนทานไม่ได้ ต้องหาทางช่วยขบคิดร่วมด้วยอีกแรง จนนึกได้ถึงกำหนดการเดินทางไปชายแดนภาคตะวันตกขององค์หญิงใหญ่ จึงรีบกราบทูลองค์หญิงของตนให้ไปขอความช่วยเหลือ จากองค์หญิงผู้มีศักดิ์เป็นพระพี่นางร่วมบิดากัน “ท่านพี่หญิงต้องช่วยน้องนะเพคะ ถ้าน้องอยู่ถึงยามจวบจนองค์รัชทายาทเสด็จมา น้องคงมิอาจหลบพระพักตร์ได้อีก” ร่างน้อยเขย่าแขนพระพี่นางร่วมสายโลหิตแรงๆ และทำดวงตาหวั่นวิตกขึ้นมา “เฮ้อ..ช่างน่าสงสารจังน้องพี่ แต่เอาเถอะนะเพื่อน้องของพี่ พี่จะช่วยเจ้าเอง ให้เจ้าหลบออกไป ในขบวนเจ้าสาวของพี่ก็แล้วกัน แล้วพวกเจ้าค่อยแยกออกไปตรงเขตชายแดน เพราะพี่กับเจ้าต้องไปคนล่ะทางกัน " ร่างงดงามแสร้งถอนหายใจเบาๆ พร้อมบอกจุดหมายของตน ที่เตรียมจะกำจัดมารความสุขของพระองค์ออกไปให้สิ้น “ขอบพระทัยเพคะ น้องรักท่านพี่หญิงมากเหลือเกินเพคะ” ร่างน้อยโอบกอดร่างบางของพระพี่นางอย่างยินดี แล้วจึงรีบเร่งกลับตำหนักของตนเอง เก็บข้าวของเตรียมย่างพระบาทก้าวออกจากฝ่ายในเป็นครั้งแรกในชีวิต แม้ในใจทรงหวาดหวั่นแต่อย่างไรนั้น การรอคอยคู่หมั้นแสนโหดเหี้ยม ให้มาพบเจอ ก็คงไม่ดีแน่ “ซาจิ เจ้าว่าองค์ชายเทโย จะมีหน้าตาเป็นเช่นไรกันหรือ" เสียงหวาน ถามนางกำนัลคู่กาย ในยามราตรีขึ้นมา ดวงตาวาววับในความมืด “ถ้าทรงอยากรู้ องค์หญิงก็รอพบพักตร์สิเพคะ” “ไม่!!!!” “เช่นนั้นก็ทรงบรรทมเถิดเพคะ ต่อไปจะเกิดสิ่งใดขึ้นมาบ้าง หม่อมฉันก็มิอาจรู้ได้เลย “ ซาจิถอนหายใจเบาๆ พลางคิดขึ้นมาในใจ ว่าผู้เป็นนายของตนนั้นยังอ่อนต่อโลกนัก แต่ชีวิตนี้นางก็อุทิศตัวเพื่อเจ้านายตัวน้อยพระองค์นี้ ไปเสียแล้ว “เจ้าอย่าทิ้งเราไปนะ ซาจิ” เสียงหวานดังขึ้นมาเบาๆในความมืด เอ่ยอย่างกังวลในพระทัยขึ้นมา “หม่อมฉันสัญญาด้วยชีวิตของหม่อมฉันเพคะ หม่อมฉัน จะติดตามองค์หญิง ไปทุกหนทุกแห่งเลยเพคะ ” “อา ฟังเช่นนี้แล้วเราย่อมสบายใจแล้ว รีบนอนกันเถอะซาจิ เราก็ง่วงแล้ว” แล้วความเงียบ ก็เข้ามาแทนที่ ร้อมกับสายลมโชยพริ้วมาเบาๆ กล่อมเจ้าของร่างน้อยเข้าสู่นิทรารมณ์ ทางด้านองค์ชายเทโยที่พักแรมอยู่ห่างออกไปนอกเมืองนั้น หลังจากที่ทรงเหน็ดเหนื่อย จากการปราบโจร และกลุ่มกบฎ เพื่อช่วยเหลือบ้านเมืองของพระคู่หมั้นตน ราตรีนี้รัชทายาทหนุ่ม กลับไม่อาจหลับพระเนตรบรรทมลงได้อีกจะบรรทมก็รู้สึกกระสับกระส่าย พลิกซ้ายพลิกขวาอยู่หลายครา จนอดรนทนไม่ไหวพรวดพราดออกมาจากกระโจม จนองครักษ์ที่นั่งผิงไฟอยู่เวรยามนั้นก้มลงคำนับแทบไม่ทัน “องค์ชายไม่ทรงบรรทมแล้วหรือพะยะค่ะ” โทริองครักษ์คู่กาย ถามขึ้นด้วยความสงสัยเล็กน้อย ด้วยเกรงว่าจะทรงประสงค์สิ่งใด เพราะเพิ่งทรงเข้าไปบรรทมได้ไม่นานนักมิทันไรพระองค์ก็พรวดพราดเสด็จออกมาซะแล้ว “ข้านอนไม่หลับ อีกนานหรือไม่กว่าจะถึงเมืองหลวง” "ถ้ามิเร่งรีบ เราก็ถึงก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน พะยะค่ะ" โทริองครักษ์คู่ใจกล่าวรายงาน ด้วยการเดินทางนั้นใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว เวลานี้จึงมิใคร่รีบเร่งกันเท่าใดนัก "แสดงว่าใกล้จะถึงวังหลวงแล้วซินะ" วรองค์สูงโปร่งตรัสออกมา พร้อมกับทอดพระเนตรไปทั่วผืนฟ้า ที่ดวงดารานั้นพร่างพราวระยิบระยับ งดงามนักพลางดำริถึงว่าที่พระคู่หมั้นออกมาอย่างมิรู้ตน "หน้าตาของนาง จะเป็นเช่นไรกันหนอ จะนวลเนียนเหมือนดั่งแสงจันทร์ ในคืนนี้หรือไม่นะ " ยิ่งดำริก็ยิ่งร้อนพระทัย พาเลือดลมในกายนั้นเดือดพล่าน จนไม่อาจดำริสิ่งใดได้อีกเลย " นี่มันเกิดอะไรขึ้น กับพระองค์กันแน่นะ แค่เพียงทรงทอดพระเนตรเห็นนางในภาพวาดเท่านั้นเอง ยังมิทรงทันได้ทอดพระเนตร โฉมหน้าแท้ๆของนาง พระองค์ก็เป็นได้ถึงเพียงนี้แล้ว แต่ไหนแต่ไรมามิว่าท้องฟ้านั้นจะถล่ม แผ่นดินจะทลาย พระองค์ก็มิเคยใส่ในหทัยตน โลกต้องหมุนรอบพระองค์แต่เพียงผู้เดียว แต่เหตุใดนะ เพียงแค่รูปวาดใบเดียว จึงทำให้พระทัยร้อนรุ่ม จนแทบคลั่งเฉกเช่นนี้ ได้ “ ในพระทัยขององค์ชายหนุ่มนั้น ดำริขึ้นมาเพียงว่า "แม้นางอัปลักษณ์ มิเหมือนในรูปวาดก็ช่างเป็นไร เดี๋ยวค่อยหาทางถอนหมั้นนางทีหลังก็ย่อมได้ อย่างไรแล้ว นางก็ยังเป็นแค่พระคู่หมั้น ขอเพียงได้ยลโฉมนางซักครั้งหนึ่งพอให้หายครุ่นคิดได้ก็เพียงพอแล้ว จะได้ไม่ค้างพระทัยอยู่เช่นนี้" ทรงดำริได้เพียงเท่านี้เอง พลัน..พุ่มไม้ข้างพระองค์ก็สั่นไหว ทำให้พระองค์ต้องรีบเรียกสติกลับคืนมาอย่างเร่งด่วน พระหัตถ์ขวากระชับแน่นที่อาวุธประจำองค์ พร้อมหันไปให้สันญาณเหล่าองครักษ์ให้เตรียมพร้อม พุ่มไม้สั่นไหวรุนแรง แต่ก็มิมีสิ่งใดออกมา ดังเช่นที่ทรงตื่นตกพระทัย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD