4.เพื่อนใหม่

4037 Words
“เสร็จแล้วในที่สุด ใช้เวลาแปปเดี๋ยวเองเนอะ” ปี้ๆๆ สกับบี้ขานรับด้วยท่าทางอารมณ์ดีตามไปด้วย ก่อนที่ทั้งคู่จะนอนลงที่เปลอย่างสบายพร้อมเงยหน้ามองท้องฟ้าในยามบ่ายก็พบว่าอาหารในวันนี้ทั้งคู่จะทานอะไรดีเพราะเงินแม้แต่บาทเดียวก็ไม่มีติดกระเป๋าเลยแม้แต่น้อย ถ้าเราปลูกต้นไม้ที่ได้มาจากในป่าแล้วใช้ธาตุของเรากระตุ้นให้โตเร็วๆ พอโตเร็วก็เอาไปขายแค่นี้ก็ได้เงินแล้ว สบายๆ เรานี้ฉลาดจริงๆเลย ภูมิใจตัวเองจัง “บ่ายนี้กินอะไรดี” เด็กชายพูดพร้อมมองไปที่สกับบี้ตัวน้อยที่กำลังนอนอาบแดดอย่างมีความสุข ‘เจ้าจะกังวลเรื่องพวกนี้ทำไมในเมื่อป่าก็อยู่แค่นี้ แค่เจ้าเข้าไปขอผลของพวกบรรดาต้นไม้ในป่าแค่นี้ก็หายหิวแล้วไม่ใช้รึไงกัน’ จิ้งจอกดำทำท่าเซ็งๆเมื่อนึกถึงตอนที่เดินทางมากับเด็กน้อยที่พอไปบริเวณไหนแค่ขอผลของต้นไม้แต่ละต้นพวกบรรดาต้นไม้ทั้งหลายต่างก็ให้อย่างไม่หวงเลย แต่พอมนุษย์คนอื่นอยากจะได้กลับต้องเลือดตกยางออกทุกที่แบบนี้เขาเรียกว่าเก่งหรืออะไรนะ “จริงด้วยเนอะ ลืมคิดไปได้ยังไงกันนะ” พูดจบจิมก็ยิ้มตาปิดอย่างมีความสุขแล้วล้มตัวลงนอนต่ออย่างไม่กังวลอะไรเลยแม้แต่น้อย “พรุ่งนี้ค่อยเพาะเมล็ดลงดินกันเนอะสกับบี้” ปี้ๆๆ หลังจากนอนอาบแดดแบบไม่ต้องกลัวว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้จะกินอะไรทั้งสามคนจึงเลือกที่จะเดินเข้าป่าอีกครั้งแต่ครั้งนี้จิ้งจอกดำจะไม่ลบมาด้วยเพราะที่อยู่ของมันคือในป่าชั้นกลางเพราะที่ากับจิมก็แค่นำทางมาให้เท่านั้นแตก็ไม่ถึงกับว่าจะไม่มาหาเลย แค่จะกลับไปอยู่ในที่ๆควรอยู่ก็เท่านั้นพอวันไหนที่คิดถึงก็จะมาเยือม จิมกับสกับบี้ก็ไม่ติดขัดอะไรแค่เจ้าหนูน้อยบอกว่าเวลามาเยือมให้อาของติดไม้ติดมือมาด้วยก็เท่านั้น เห็นแก่กินจริงๆเลยเด็กคนนี้ “ขอบคุณทุกคนมากเลยนะฮะที่ให้ของกินผมมาเยอะเลยแบบนี้ผมก็ไม่ต้องอดตายแล้ว เย้...” จิมที่เดินเข้ามาไม่ไกลมากนักบอกกับบรรดาต้นไม้ทั้งหลายในบริเวณนี้ที่ให้ผลจากต้นของพวกขาอย่างไม่คิดหวงเลย ‘ไ่ม่ต้องขอบคุณพวกข้านักหรอก เจ้านี้ช่างหน้าเอ็นดูเสียจริง’ “ฮะ ผมน่ารักเนอะ” เด็กชายที่ถูกชมไม่แม้แต่จะคิดถ่อมตัวแต่กลับเอ่ยปากพูดกับต้นไม้ที่ชมตัวเองอย่างหน้าตาเฉย ‘ดูเจ้าเด็กนี้สิ ไม่คิดว่าจะมีคนที่มีธาตุแบบเราถึงขนาดสื่อสารกับพวกเราได้แบบนี้นะ’ ต้นไม้ต้นใหญ่พูดขึ้น ‘ใช้ ยังไงเจ้าก็มาหาพวกเราได้ตลอดเลยนะ หรือว่าจะเอาเมล็ดของเราไปปลูกก็ได้ถ้าเป็นเจ้าล่ะก็พวกมันจะต้องเติบโตอย่างดีแน่นอน’ ‘อย่าลืมเอาของข้าไปด้วยนะ’ “ฮะ ผมจะปลูกให้เยอะๆเลย” ปี้ๆ เด็กชายที่พอพูดจบก็ขอลากลับที่พักแต่ก็ไม่ลืมที่จะโบกมือลาอย่างร่าเริงตามฉบับของเจ้าตัว พอมาถึงเด็กน้อยกลับต้องแปลกใจอีกครั้งเพราะดินบริเวณด้านหลังบ้านที่อยู่ใกล้กับป่าวาเท็นด้าตอนนี้กลับเหมือนถูกคนเตรียมดินให้พร้อมที่จะเพาะปลูก ต่างจากตอนแรกที่มาที่ตอนแรกดินยังคงเป็นแนวระนาบเดียวกันแต่พอมาตอนนี้ดินในบริเวณนี้หรือทั่วบริเวณบ้านนั้นดินกลับมีการพลิกให้เหมือนกับมีคนมาขุดเตรียมให้อย่างไรอย่างนั้นเลย ว้าว มีธาตุแบบเราก็ไม่ถึงกับแย่เหมือนที่คนอื่นดูถูกเลยนะ พูดกับต้นไม้ก็ได้ ทำให้ต้นไม้โตเร็วๆก็ได้ ทั้งยังไม่ต้องอดตายอีกไม่เหมือนคนอื่นที่ต้องไปฝึกทั้งยังพอเรียนจบก็ต้องไปทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองเป็นแบบเรานี้มันดีอย่างนี่นี้เอง ตัวเราจงเจริญ “ปะ เข้าบ้านกันดีกว่า” เด็กชายมองหน้าบ้านอย่างพอใจก่อนจะเอ่ยชวนใบไม้ที่กำลังนอนที่ศรีษะของตนอย่างมีความสุขเข้าไปในบ้าน ปึก เสียงแรงจากน้ำหนักตัวของเด็กน้อยกระเเทกเข้ากับฟูกที่นอนอย่างแรงจากการล้มตัวลงนอนของเด็กชาย เมื่อตัวถึงที่นอนจิมก็หยิบผลไม้ต่างๆที่บ้างอย่างก็แปลกตาขึ้นมาอย่างสนใจก่อนจะเอาเข้าปากอย่างมีความสุข ผลแรกที่เด็กชายทานมีลักษณะสีเหลืองออกทองๆหน่อยแต่พอกินเข้าไปคำแรกจะเป็นรสชาติ หวานอมเปรี้ยว อันที่สองจะมีรูปทรงกลมแต่ก็ไม่ถึงกับกลมมากนักออกจะไปทางกลมแบบวงรีมากกว่ามีสีม่วงชวนให้คนมองต้องกลัวเมื่อผลของมันไม่เหมือนกับผลไม้ที่กินเลยสักนิด จิมไม่ลังเลที่จะกัดเข้าปากเพราะเจ้าตัวบอกว่ามันช่วยเรื่องบรรเทาอาการป่วยต่างๆ สามารถทานเป็นยาได้ไม่ว่าจะมีอาการบาดจ็บหนักหรือเบาผลของมันจะช่วยเสริมสร้างร่างกาย แต่ขอเสียของมันก็คือมันมีฤทธิ์แรง ใครก็ตามที่กินมันเข้าไปจะมีอาการเจ็บปวดจากฤทธิ์ของผลไม้นี้เพราะมันจะไปช่วยซ่อมแซมร่างกายแต่สำหรับเด็กชายไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องพวกนี้เพราะในร่างายของเขานั้นมีพลังของธาตุไหลเวียนไปตามร่างกายอยู่จึงทานไปจะไม่มีอาการอะไรเลย “อืม...อร่อยนะรสชาติต่างจากสีมากเลยนะเนี่ย เจ้าจะกินด้วยไหม” จิมที่ยังมีผลไม้คาอยู่ในปากถามเจ้าเพื่อนที่นอนแผ่อยู่ใกล้ เจ้าสกับบี้ที่พอได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าด้วยความอยากกินตามแต่มันไม่มีปากจิมจึงต้องใช้ผ้าบางจากนั้นก็ห่อผลสีม่วงก่อนจะบีบอย่างแรง น้ำที่ถูกบีบไหลผ่านผ้าบางลงไปในถ้วยไม้อันเก่าที่ถูกวางใกล้ๆกับเจ้าตัวก่อนที่เจ้าใบไม้ขยับได้จะลุกขึ้นมาจากที่นอนนุ่มอย่างยากลำบากแล้วพาตัวเองไปแช่ที่่ถ้วยไม้ที่มีน้ำสีแดงอมส้มที่ไหลมาจากผลสีม่วงที่ไม่ทราบชื่อ “อ่า...” สกับบี้ส่งเสียงอย่างพอใจเมื่อครั้งตัวของมันอยู่ในถ้วยใบเล็ก จิมที่เห็นอย่างนั้นก็ยกนิ้วให้เพื่อถามว่าอร่อยหรือเปล่าเพราะปากของเจ้าตัวไม่ว่างเจ้าใบไม้ประหลาดก็ได้แต่พยักหน้าอย่างพอใจ “กินอิ่มก็ต้องนอน ปะ นอนกัน” ทั้งสองคนช่วยกันทานผลไม้ที่มีเมื่อรู้สึกว่าอิ่มแล้วทั้งคู่จึงล้มตัวลงนอนอย่างสบายใจ ก่อนที่จิมจะพูดออกมาพร้อมมองไปนอกหน้าต่างที่ตอนนี้อยู่ในยามค่ำคืน ท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่มีดาวน้อยใหญ่ต่างแข่งรัศมีความสว่างไสวทำให้ชวนมองมากยิ่งขึ้น เด็กชายที่ดูดาวไม่เป็นจึงทำได้เพียงแค่ใช้นิ้วลากดาวเล็กดาวน้อยต่างๆแล้วจินตนาการว่าเป็นรูปร่างนั้นๆจนทั้งสองเพลอหลับไปในที่สุด แสงแดดจากดวงอาทิตย์ในยามเช้าที่กำลังขึ้นบ่งบอกถึงเวลาและวันใหม่ของเช้าอันสดใสท่ไม่เหมือนทุกวัน เพราะในวันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เขาจะต้องตื่นขึ้นมาทำงานต่างๆ ของบ้าน แต่วันนี้เป็นวันที่มีเพียงแค่เขากับเจ้าต้นไม้น้อยๆ ที่ขยับได้แล้วเหล่าบรรดาต้นไม้หลากหลายสายพันธ์ “เอาละ วันนี้เราจะต้องทำงานกัน ลุย” จิมที่ตื่นแต่เช้าเพราะแสงจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านเข้ามาหน้าต่างมาโดนเปลือกตาของเด็กชายทำให้จิมที่รู้ว่านี้เป็นเช้าวันใหม่ที่เขาจะต้องทำงานต่างๆให้เสร็จ หลังจากอาบน้ำทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วด็กชายก็รู้หน้าที่ดี จิมเดินเข้ามาทานอาหารที่มีอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะพาตัวเองไปหลังบ้านอย่างขยันขันแข็ง ‘ตื่นแล้วรึเด็กน้อย’ ต้นไม้น้อยใหญ่ทักทายจิมอย่างเป็นมิตร เด็กน้อยที่ได้ยินแบบนั้นก็ทักทายต้นอื่นๆที่อยู่บริเวณนี้ “วันนี้ผมจะทำงาน เย้...” เด็กน้อยพูดให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเดินไปหยิบผลที่อยู่ในตะกล้าออกมาเพื่อเลือกดูว่าควรจะปลูกอะไรก่อนดี “ผมต้องทำยังไงถ้าจะปลูกพวกมันหรอฮะ” ‘เจ้าก็แค่ใส่เมล็ดลงไปก่อนจะตั้งจิตให้ดี จากนั้นก็แค่นึกถึงพลังของเจ้าเป็นใบไม้แล้วเจ้าอยากจะให้ใบไม้โตขึ้นเท่านี้เจ้าก็จะกระตุ้นเมล็ดพวกนี้ได้แล้วล่ะ’ เสียงของต้นไม้ใหญ่บอกอย่างรู้ความ จิมที่กำลังนั่งฟังอยู่ก็ฟังอย่างตั้งใจก่อนจะทำตามที่ต้นไม้บอก ตั้งจิตให้ดี แล้วก็คิดซะว่าพลังคือใบไม้แล้วก็แค่รอ จิมที่พอทำตามอย่างตั้งใจ เมื่อทำตามแล้วเด็กชายก็มองลงไปที่เมล็ดที่อยู่ตรงดินก่อนจะเห็นมันค่อยๆโตขึ้น ทีละนิด จิมมองใบไม้ที่งอกออกมาจากดินอย่างตกใจปนกับความอยากรู้ ต้นอ่อนที่งอกออกมาค่อยๆโตขึ้นจากต้นอ่อนเป็นค่อยๆลำต้นใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นจนเมล็ดที่อยู่ในดินตอนแรกโตจนสูงกว่าตัวของเด็กชาย “โฮ สูงจัง” ‘หัวไวนี้เด็กน้อย แค่แปปเดียวก็สามาถทำให้ต้นไม้นี้โตขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เจ้านี้มีพรสวรรค์จริงๆ’ “ดูสิๆ อีกไม่นานมันก็คงออกดอกออกผลแล้วใช้ไหมฮะ” จิมพูดพร้อมกับกระโดดไปมาอย่างดีใจ พอมันออกผลออกมาเราก็จะเอาไปขาย พอเอาไปขายเราก็จะได้เงิน เท่านี้เราก็จะไม่อดตายแล้ว ฮุเล่ ‘ถ้าพลังของเจ้ามีมากคงจะวันสองวันคงจะออกผลแล้วล่ะนะ ว่าแต่ทำไมต้นไม้พวกนี้ที่เจ้าปลูกถึงแปลกตา ขนาดข้าที่อายุจะร้อยปีแล้วก็ยงไม่เคยเห็น นี้เจ้าปลูกต้นอะไรรึ’ “ต้นสะเกร็ดดาวฮะ พวกต้นไม้ในป่าเขาให้ผมมาดีไหมฮะ เข้ายังบอกอีกว่ามันช่วยหลายเรื่อง ผลของมันเป็นรูปดาวสีขาวสว่างตอนกลางคืด้วยนะแถมยังมีกลิ่นหอม สามารถทำให้คที่ป่วยอยู่หายจากอาการป่วยได้ด้วยล่ะ ผมมีความคิดดีไหมแบบนี้ตอนผมป่วยก็ไม่ต้องไปหาซื้อยาให้เปลืองเงินแล้ว” จิมอธิบายไปยิ้มไปจนทำให้ต้นไม้แก่ที่มีอายุกว่าร้อยปีได้ยินก็ถึงกับต้นใจเมื่อรู้ว่าผลที่เด็กชายปลูกเป็นเมล็ดที่มาจากเขตป่าวาเท็นด้าชั้นในสุด ที่แม้แต่ต้นไม้อื่นๆต่างก็อยากฝันว่าจะได้เห็นเหล่าบรรดาต้นไม้ที่วิเศษทั้งหลายสักครั้ง แต่พอมารู้จากปากของเด็กตรงหน้านั้นยิ่งทำให้เขาต้องเปลียนความคิดเรื่องเด็กคนนี้เพราะตอนแรกคิดว่าเป็แค่เรื่องบังเอิญและคงจะเป็นเพียงแค่เด็กที่มีพรสวรรค์คหนึ่งที่เหมือนกับคนที่มีพรสวรรค์เรื่องการใช้พลังในธาตุต่างๆเหมือนคนทั่วไปก็เท่านั้น ‘นี้ เจ้าว่าอะไรนะ เจ้าเอามาจากในป่าเขตชั้นในรึ’ “ฮะ ทำไมเหรอ” จิมถามกลับด้วยสีหน้าสงสัย หรือว่าเขาไม่ได้บอกว่าเดินออกมาจากเขตป่าชั้นในนะ แต่เขาคิดว่าบอกแล้วซะอีก สรุปแล้วยังไม่ได้บอกคุณปู่ต้นไม้เหรอเนี่ย จนในที่สุดจิมก็ต้องเล่าไปทำงานไปทั้งอย่างนั้นจนเสร็จ “แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว ผมปลูกแค่นี้พอใช้หรือเปล่าหรือว่าต้องปลูกเพิ่มไหม” จิมพูดกับตัวเองอย่างสงสัยพร้อมมองไปรอบๆ ที่ในตอนแรกมีเพียงแค่ต้นไม้ไม่กี่ต้นที่แทบป่าแต่ตอนนี้กลับมีต้นไม่ใหญ่ที่เด็กชายเป็นคนลงดินเองกับมือและพวกมันก็ค่อยๆโตจนสามารถบังแสงแดดที่สาดส่องลงมาให้เขาได้แล้ว นั้นยิ่งทำให้ตอนแรกที่หลังบ้านแทบจะไม่มีอะไรเลยตอนนี้กลับมีบรรดาต้นไม้ที่คนอื่นๆต่างอยากได้จนต้องใช้ทั้งชีวิตเพื่อที่จะได้มาตอนี้กลับมาอยู่ที่หลังบ้านของจิมแล้ว จากบ้านหลังเล็กๆที่ไม่มีอะไรเลย แต่ตอนนี้กลับมีต้นไม้ที่เด่นสะดุดตากว่าบรรดาต้นไม้ทุกต้นในบริเวณนี้ล้อมรอบบ้านทั้งหลัง ต้นที่จิมปลูกทั้งหมดคือเด็กน้อยเลือกเมล็ดอย่างละต้นในทั้งตะกล้าทั้งหมดที่มีก่อนจะเพาะลงดิั้นยิ่งทำให้รอบๆบ้านดูสวยและยิ่งทำให้บ้านทั้งหลังเหมือนถูกมนต์สะกดเลยก็ว่าได้เพราะ ทุกต้นที่ค่อยๆโตเริ่มโตข้นมาขนาดและธรรมชาติของมัถึงแม้จะยังสื่อสารกับเด็กชายยังไม่ได้ก็ไม่แปลก ทั้งต้นไม้ทีมีผลออกมาเป็นรูปดาวสามารถเรืองแสงในที่มือได้เพียงแค่เด็ดมันก่อนจะนำใส่ลงไปในน้ำดื่มก็สามารถรักษาอาการป่วยเจียนตายได้ อีกทั้งต้นที่สามารถออกผลเป็นดอกไม้ที่สามารถคายฟองอากาศได้กลิ่นของดอกไม้ที่หอมจนสามารถทำให้คนที่ได้กลิ่นหายเหนื่อยได้เลยทั้งยังสามารถทำให้ใครก็ตามที่เอาดอกของมันไปใส่ลงน้ำพอดื่มหรืออาบสรรพคุณก็จะต่างออกไปตามการใช้งาน และยังมีอื่นๆอีกมากมายที่เริ่มงอกใบและโตขึ้นเลื่อยๆ ปี้ๆ เสียงที่ดังมาจากในบ้านบ่งบอกถึงแล้ว เจ้าใบไม้เดินได้เมื่อได้กลิ่นอายจากป่าที่เคยอยู่จึงเดินต้วมเตี้ยมออกมาจากในบ้าน เมื่อเจ้าตัวเดินออกมาเห็นหลังบ้านที่แปลกไปก็ถึงกับวิ่งไปรอบๆอย่างดีใจ “เท่านี้ก็เหมือนบ้านของแก่แล้วนะ” ปี้ๆๆ “เท่านี้ก็เหลือแค่รอเท่านั้น พอมันออกผลเราค่อยเอาไปขายสักผลสองผลก็พอแค่นี้เราก็ไม่ต้องกลัวที่จะอดตายแล้ว” “โอ๊ย!!” เสียงของเด็กชายที่อยู่ดีๆก็ดังขึ้นมาแถวๆรอบๆบ้าน ถึงแม้จะเป็นแค่เสียงร้องที่ดังขึ้นไม่ไกลมากนักจากบ้านที่เด็กชายอยู๋ตอนนี้แต่จิมก็สามารถได้ยินจากสายลมที่พัดพาเสียงมาให้เด็กชายได้ยิน ‘รู้สึกว่าจะมีเด็กมาเล่นซนแถวๆนี้นะ ไปดูหน่อยไหม’ “อืม ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมมานะฮะ” พูดจบเด็กชายก็อุ่มเจ้าสกับบี้ขึ้นมาอยู่ที่ศรีษะดังเดิมก่อนจะเดินออกไปอย่างร่าเริงแบบไม่คิดอะไร จิมเดินออกไปพร้อมมองไปรอบๆพื้นที่ทั้งหมดที่แทบจะไม่มีอะไรนอกจากต้นไม้กับพื้นหญ้าและทางเดินที่ไม่มีคนเดินมานานแล้ว จิมมองไปทั้งซ้ายและขวาเพื่อเลือกทางที่จะเดินไปหาต้นตอของเสียงร้อย ทางที่จะเดินไปเราต้องเลือกทาง ซ้ายดีเพราะตามที่คนอื่นพูดกันว่าขวาร้าย ซ้ายดี แปลว่าทางซ้ายจะต้องเป็นทางที่ดีอย่างแน่นอน ไปเลย มีแต่ป่ากับป่าแหะ ที่นี่ก็ออกจะสวยทำไมถึงไม่มีคนอยู่ก็ไม่รู้ แต่ก็ดีเราจะเป็นเจ้าของที่นี่คนเดียว ฮุเล่ เย้ๆ เดินไปสักพักไม่ไกลจากบ้านมากนักจะเห็นถนนดินเป็นทางยาวข้างทางจะมีต้นหญ้าและต้นไม้เป็นทาง จิมที่เดินมาจากอีกทางก็เห็นร่างของเด็กคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่แถวๆข้างทางที่มีต้นหญ้าอยู่จำนวนหนึ่ง โดยที่เด็กชายกำลังนั่งจับที่ข้อเท้าอยู่จิมที่เดินมาถึงจะไม่ใกล้มากก็สังเกตได้เพราะเด็กชายเป็นคนที่มีสายตาดีพอสมควร แต่อีกฝ่ายดูจะยังไม่สังเกตเห็นถึงผู้มาใหม่ที่เดินมาแต่ไกล ปี้ๆ สกับบี้ที่มองเห็นคนแปลกหน้าก็ส่งเสียงดังขึ้นเพื่อบอกกับคนที่กำลังเดินไตามทางอยู่ “นี้!! นายนะ” เด็กชายตัวไม่สูงมากนัก อายุน่าจะประมาณใกล้เคียงกับจิมที่พอเห็นคนเดินมาตามทางก็ส่งเสียงเรียก จิมที่ได้ยินก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายมองเห็นตนแล้วจึงเดินเข้าไปหาเพื่อดูอาการ “นายเป็นอะไรนะ ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้” คนแปลกหน้าถาม “ว่าแต่นายนั้นแหละเป็นใคร ทำไมถึงมาเดินแถวนี้” จิมถามกลับ “ก็ ฉันเดินมาแถวนี้ทุกวันนั้นแหละ นายนั้นแหละเป็นใครทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย” “อ่อ พอดีฉันพึ่งมาอยู่ใหม่นะ” “อย่างนี่นี้เอง” เด็กชายอีกคนตอบกลับพร้อมมองไปที่ขาของตัวเองที่ตอนนี้มีต้นหญ้าที่มีหนามพันอยู่รอบข้อเท้า โดยที่บริเวณที่ถูกพันมีแผลจากการขยับข้อเท้าและเป็นรอยอย่างเห็นได้ชัดเจน “ให้ช่วยไหม” จิมนั่งลงพร้อมก้มลงมองบริเวณที่ถูกหญ้าหนามพัน “นายช่วยได้หรือไง” “ไม่รู้สิ ลองก่อนก็ไม่เห็นแปลกว่าแต่ทำไมถึงอยู่ดีๆก็เป็นแบบนี้ได้ล่ะ” จิมถามผู้ที่ตนจะช่วยอย่างสนใจเพราะไม่คิดว่าจะเด็กที่อายุเท่าตนเดินไปเดินมาในที่รกร้างแบบนี้ได้ คิดแบบไม่นึกถึงตัวเองเลยสักนิดว่าตัวเองก็พึ่งเดินออกจากป่ามาเช่นกัน จิมยื่นมือไปบริเวณที่มีต้นหญ้าหนามพันอยู่ก่อนจะใช้พลังธาตุของตนทำให้มันคลายออกจากข้อเท้าของคนแปลกหน้าที่จิมไม่รู้จักชื่อ คนแปลกห้าที่เห็นแบบนั้นก็มองอย่างประหลาดใจที่จิมสามารถควบคุมต้นหญ้าหนามพวกนี้ได้ “ได้แล้ว แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วล่ะ” “โห ทำได้ไงนะ” “ลุกไหวหรือเปล่า” จิมไม่ได้ตอบไปก่อนจะช่วยพยุงคนแปลกหน้าหรือเพื่อนใหม่ที่ไม่รู้จักชื่อ “ฉันชื่อบีนท์นะ บ้านอยู่แถวหมู่บ้านนะแล้วนายล่ะ” บีนท์ถามอย่างสนใจเมื่อรู้ว่าคนที่มาช่วยมีความสามารถที่ประหลาดที่สามารถควบคุมต้นหญ้าได้ด้วยมือเปล่าแบบนี้ “จิมนะ พึ่งย้ายมาอยู่ใหม่บ้านอยู่ตรงนู้น...นะ” จิมพูดพร้อมชี้นิ้วไปทางทิศที่บ้านของตัวเองตั้งอยู่ พูดคุยกันมาสักพักอยู่ดีๆ จิมที่เดินมาด้วยกันก็ได้ว่าถึงบ้านของตัวเองแล้วเรียบร้อย บีนท์เป็นเด็กที่มีอายุเท่ากับจิมเลยก็ว่าได้ ทุกๆ 2-3 วัน จะเดินมาแถวนี้แต่ไม่ได้เดินมาจนถึงบริเวณที่มีบ้านร้างตั้งอยู่เพียงแค่เดินมาหาสมุนไพรไปให้พีชายดื่มเป็นยาก็เท่านั้น โดยที่บีนท์จะเป็นเด็กที่มีหน้าตาที่สามารถเข้ากับผู้คนได้ง่ายเพราะสีผิวที่ขาวแต่ไม่ได้ขาวมาก สีผมที่มีสีน้ำตาลอ่อนเข้ากับสีของดวงตาที่เป็นสีเดียวกัน หน้าตาที่พอคนอื่นมองมาก็ต้องเอ็นดูการท่าทีแต่นิสัยจะออกไปทางร่างเริงมากกว่าปกติ บีนท์เป็นเด็กที่ค่อนข้างที่จะพูดอยู่ตลอดเวลาแบบที่พูดไม่หยุดปากทำให้ระหว่างทางที่เดิกันมาจิมจึงค่อนข้างที่จะรู้จักเพื่อนใหม่คนนี้มากขึ้นเลยที่เดียว เพราะท่าทีที่เข้ากับเขาได้ง่ายและพูดอยู่ตลอดเวลาทำให้จิมได้รู้เรื่องอะไรหลายๆอย่างที่ไม่รู้มาก่อน เช่นร้านขายยาต้องไปซื้อที่ไหนที่ราคาถูก หรือเวลาจะขอเงินคนอื่นต้องทำแบบไหนเขาถึงจะสงสารอะไรพวกนี้ทำให้ระหว่างทางกลายเป็นจิมต้องตั้งใจฟังที่เพื่อนใหม่คนนี่พูดแทบจะทุกอย่างเลยก็ว่าได้ “โห!!! ต้นอะไรนะสวยจัง” บีนท์ที่เดินมายังไม่ถึงหน้าบ้านพูดด้วยหน้าตาที่ตื่นตกใจเมื่อมองไปเห็นต้นไม้หลากหลายสายพันธ์ที่ตัวเองไม่เคยเห็นมาก่อนตรงหน้า ต้นไม้ที่จิมเพาะเอาไว้ตอนแรกที่ก่อนหน้านี้โตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแต่ยังไม่ออกผลแต่ตอนนี้ต้นของมันสวยสะดุดตาทั้งยังมีผลแปลกตาบ้างอันจิมยังไม่เชื่อสายตาเลยด้วยซ้ำเพราะบ้างเมล็ดจะมีผลออกมาไม่เหมือนอย่างที่จิมเห็นก่อนหน้าทำให้ตอนนี้ผลของต้นไม้ออกดอกออกผลสวยสะดุดตาคนมองจนต้องตาค้างเมื่อไม่คิดว่าตัวเองจะได้เห็น “ออกผลเร็วกว่าที่คิดแหะ” จิมที่ไม่มีทีท่าตกใจหรือแปลกใจเลยแม้แต่น้อย “ต้นอะไรนะ ทำไมมันถึงออกเป็นรูปดาวด้วย นายเห็นหรือเปล่าจิมสวยมากเลย” “อืม เห็น” (-_-) “ดูต้นไม้พวกนี้สิจิม มันสวยมากเลยนะทำไมฉันไม่เคยเห็นเลยนะถึงจะเคยมาแค่ครั้งสองครั้งแต่ฉันไม่เคยเห็นต้นไม่พวกนี้เลยนะ” “นายจะเคยเห็นได้ยังไงในเมื่อมันพึ่งปลูกเอง” เด็กชายตอบ “อยากรู้จังว่าใครเป็นเจ้าของพวกมัน นายว่าต้นไม้พวกนี้จะมีเจ้าของหรือเปล่านะจิม หรือนายว่าถ้าฉันไปขอผลของต้นไม้พวกนี้เจ้าของจะให้ฉันหรือเปล่า” บีนท์ทั้งทีเดินมายังไม่ถึงหน้าบ้านเสียด้วยซ้ำแทบยังมองยอดต้นไม้ที่สูงเท่าต้นอื่นแต่สวยสะดุดตามากกว่า เพียงแค่เห็นจากตรงนี้เด็กชายถึงกับพูดไม่หยุดถ้าเข้าไปเห็นใกล้จะเป็นยังไงนะ “อยากได้หรอ” จิมหันไปถามเพื่อนที่เดินมาด้วยกันที่ตอนนี้ในดวงตาแวววาวเหมือนเจอสมบัติหายากที่มีมูลค่ามากกว่าเงินมองทั้งหมดเสียอีก “ก็ต้องอยากสิ นายว่าถ้าฉันเอาไปให้พี่กินพี่ฉันจะหายหรือเปล่า” บีนท์ถามความคิดเห็นของเพื่อนเพราะเด็กชายตั้งแต่ที่รู้ว่าพี่ชายป่วยและยารักษาในหมู่บ้านก็ไม่มีขายถึงมีก็มีราคาที่แพงมากทำให้เรื่องสมุนไพรต่างๆ บีนท์จะเป็นคนไปหามาให้พี่ชายเพราะบ้านของเขาไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคนอื่นเพราะในครอบครัวก็มีเพียงแค่แม่กับพี่ชายเท่านั้น ทำให้เด็กชายต้องไปหาสมุนไพรแทนแม่ของตัวเองที่ต้องไปขายของที่ตลาดเพื่อหาเงินมาให้ครอบครัว บีนท์จึงมีสายตาที่สามารถมองสิ่งต่างๆออกว่าอะไรที่มีค่าสำหรับเขาและครอบครัว “ถ้านายอยากได้ก็เอาไปสิ ไปกันได้แล้วเราสองคนยืนตรงนี้นานแล้วนะ” จิมตอบอีกฝ่ายไปพร้อมจูงมือเพื่อนใหม่เดินเข้าไปในบ้าน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD