“นั่นมันอะไรนะ มันขยับได้ด้วย” คราวทำหน้าขยะแขยงมองมาทางมือของจิน แล้วขยับตัวให้ห่างจากเด็กชายมากที่สุด
“จริงด้วยมันขยับได้ด้วย จิมอย่าไปจับมันนะเพื่อมันจะมีพิษ” ลอร่าที่มองไปตามคราวที่กำลังขยับตัวหนีก็ตกใจที่สังเกตเห็นว่าใบไม้มันขยับไปมาได้เอง
“นั้นมันตัวมรณะนิ” เคแกนที่อยู่อีกด้านของลอร่าและคราวพูดขึ้นมาทำให้ยิ่งสร้างความตกใจให้กับคนอื่นๆยิ่งขึ้นไปอีก ต่างกับจิมที่กำลังสนุกกับการลูบใบสีเขียวเข้มของมันอยู่
“ว่าไงนะ! ตัวมรณะหรือว่ามันไม่ใช้ต้นไม้ธรรมดาใช้หรือเปล่า ข้าว่าต้องใช้แน่ๆเลย โถจิมน้อย ช่างหน้าสงสาร”
คราวที่เมื่อตะกี้ยังตกใจอยู่พอปรับอารมณ์ได้ก็ทำหน้าตาสงสารจินอย่างสุดซึ่ง ส่วนไมลที่กำลังหยิบอาวุธเพื่อที่จะจัดการกับเจ้าตัวประหลาดนี้ แต่เมื่อจินสังเกตเห็นว่าคนอื่นๆต่างก็ทำท่าทีแปลกไปจากเมื่อกี่ก็หวังที่จะแนะนำสกับบี้ให้กับคนในกลุ่มรู้จักจึง เดินเข้าไปหาเพื่อที่จะเอาดจ้าตัวใบไม้สีเขียวไปให้คนอื่นๆ ดูแต่พวกเขากับถอยหนีและพยายามทำสีหน้าหวาดกลัวอย่างกับเด็กน้อยจะไปฆ่าพวกเขาไม่มีผิด
“จ จิม อยู่ตรงนั้นแหละดีแล้วไม่ต้องขยับมาใกล้นักหรอกนะ” คราวทำน้ำเสียงสั่นอย่างห้ามไม่ได้เมื่อกำลังมองไปที่มือของเด็กตัวน้อยที่กำลังเดินมาหาเขาพร้อมกับเจ้าตัวประหลาดนั้น
“ทำไมละฮะ ผมมีอะไรจะให้ดูด้วยนะ” จิมทำน้ำเสียงอ่อนและลากยาวให้เหมือนกับหลอกล่อเด็กให้มากินลูกอมที่ตัวเองถืออยู่
“ไม่ ไม่ต้องหรอกข้าไม่อยากจะดูเท่าไร”
“เอ่…” (*-*)
“นี้เจ้านะ เอาเจ้าตัวนั้นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้เลย”ไมลหยิบอาวุธเอาไว้ในมือก่อนจะตะโกนเสียงดังไปทางจินกับคราวพน้อมทั้งมองเจ้าตัวที่อยู่ในมือของจินที่กำลังถือมันอยู่
“เจ้าตัวนั้น ตัวไหนหรอฮะ หรือว่าพี่อยากจะดูของที่ผมจะอวดนะมาสิฮะ” (-_-)(_ _)
“จะอวดรึ ข้าจะฆ่ามันต่างหากละ เอามานี้เลยน่ะ” ไมลบอกอย่างอารมณ์เสียงพร้อมกับถือดาบพร้อมที่จะจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดนี้ได้ทุกเมื่อ
“ฆ่าเหรอฮะ พี่จะฆ่ามันหรอฮะทำไมละ หรือผมทำอะไรผิดหรอฮะ” (T_T)
“จะร้องไห้ทำไมเอามานี้น่ะ”
ไมลพยามยามเดินไปเพื่อเข้าไปแย่งเจ้าตัวที่อยู่ในเมืองของจิมโดยมีเจ้าสกับบี้ที่พยายามดิ้นอย่างตกใจเมื่อรู้สึกได้ว่ากำลังมีอันตรายมาหาตัวเอง จิมพยายามแย่งสกับบี้กับไมลโดยมีคนอื่นๆ เอาใจช่วยอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
“เอามานี้น่ะ รู้ไหมว่ามันอันตรายมากเลยนะเอามาให้ข้าฆ่ามันก่อนที่มันจะฆ่าเรา”
“ผมไม่ให้ สกับบี้ไม่เคยฆ่าใครผมไม่ให้ ไม่ให้เด็ดขาดเลย”
“เอามา”
“ไม่ ผมไม่ให้ถ้าพี่ไม่ปล่อยผมจะร้องให้คนอื่นช่วยจริงๆด้วย” จิมขู่ไมลที่พยายามแย่งสกับบี้กับตัวเองอยู่
“คิดว่าข้าจะกลัวหรือไง แล้วในป่าเนี่ยมันมีคนอื่นสะที่ไหนนอกจ้าพวกข้ากับเจ้านะฮะ! ปล่อย”
“ช่วยด้วย เขาจะแย่งสกับบี้ไปจากผม ช่วยผมด้วย ฮือ…”
จิมน้ำตาแตกทันทีที่ชายคนที่พยายามแย่งสกับบี้ไปเอาตัวเจ้าสกับบี้ไปได้ เมื่อจิมร้องตะโกนให้ช่วยและร้องไห้อย่างหนักทำให้เหล่าสัตว์ต่างๆ และต้นไม้ที่กำลังหลับอยู่ต่างไม่ยินที่จิมร้องให้ช่วยอย่างดัง ต่างก็ตกใจที่ได้ยินเสียงเด็กชายเพราะพึ่งรู้ว่าจินเดินออกจากป่าไปแล้ว
เมื่อป่าบริเวณที่จิมกับคนอื่นๆอยู่มีต้นไม้จำนวนไม่น้อยเลย ได้ยินก็ขยับกิ่งไม้ของตนไปจับคนอื่นๆ ในกลุ่มที่กำลังนั่งอยู่ เมื่อเหล่าพวกนั้นเห็นว่ามีกิ่งไม้และต้นไม้พยายามจะจับตัวของพวกเขาก็ตกใจที่อยู่ๆ ก็มีต้นไม้ขยับตัวไปมาได้ ทั้ง5คนต่างตกอยู่ในสภาพเดี่ยวกันหมดคือถูกต้นไม้จับแขน ขา และตัวเพื่อไม่ให้ขยับไปไหนได้
‘เกิดอะไรขึ้นรึเจ้าหนู ข้านึกว่าเจ้าออกจากป่านี้ไปแล้วซะอีก’ ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุดถามเพราะว่าตอนเช้าเห็นจิมกับสัตว์บ้างขนิดกำลังเดินเล่นด้วยกันก่อนออกจากป่าไป
“ผมถูกไล่ออกจากบ้านมานะฮะ ฮึก..แล้วเขาก็พยายามจะแย่งฮึก..สกับบี้ไปจากผมอะ อือ…เขาใจร้ายมากเลยฮะ” จิมฟ้องกับต้นไม้อีกหลายต้นที่อยู่ในบริเวณนี้เมื่อเหล่าต้นไม้ได้ยินก็ยิ่งรัดคนทั้ง 5 คนมากขึ้นไปอีก ส่วนสัตว์ต่างๆ ก็เริ่มถยอยมาเมื่อได้ยินที่จินร้อง
ต่างจากพวกเขาที่กำลังถูกจับอยู่ก็ต่างตกใจเช่นกันที่จิมพูดกับต้นไม้อยู่ ไม่ใช้แค่ไมลที่ตกใจแต่คนอื่นๆก็ด้วยเพราะพอเด็กนั้นฟ้องต้นไม้ที่จับพวกเขาก็รัดมากขึ้นไปอีก ทำให้เขารู้แล้วว่าธาตุของเจ้าเด็กนี้นั้นคือการที่จะสื่อสารกับต้นไม้อื่นได้และไม่ใช้แค่ต้นไม้ที่ขยับไปมาแต่มีสัตว์ป่าดุร้ายในบริเวณนี้ด้วยที่เดินมาที่บริเวณนี้เช่นกัน โดยเฉพาะจิ้งจอกดำตัวใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามาทางพวกเขามันคือตัวเดียวกันกับตัวที่ทำให้พวกเขาเกิบตายในตอนที่เจอกับเจ้าเด็กนี้
‘เกิดอะไรขึ้นรึ ไม่ใช่ว่าเจ้ากลับออกไปแล้วรึไงทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเจ้าหนู’ จิ้งจอกถามกับจิมเพราะเมื่อตอนเช้าหมาป่าตัวนี้เป็นคนพาจินเดินเล่นและหาอะไรกินในบริเวณนี้ก่อนที่จิมจะเดินออกจากป่าไป
‘เจ้าหนูนี้ถูกพวกมนุษย์ไล่ออกจากบ้านน่ะสิ แถมต้องมาเจอกับพวกมนุษย์พวกนี้ที่พยายามจะฆ่าเจ้าสกับบี้อีก เจ้าหนูนี้เลยร้องไห้นะ’ เสียงต้นไม้ที่จับคราวบอกกับหมาป่าสีดำตัวโตที่มีลวดลายบริเวณหลังและหางของมัน
‘อย่างนั้นรึ ว่าแต่เจ้าพวกนี้หน้าตาคุ้นๆ เหมือนข้าเคยเจอที่ไหน’ จิิ้งจอกดำพยายามนึก
“มีอะไรหรอฮะ อือ…พวกเขาจะฆ่าสกับบี้ พวกเขาใจร้ายมากเลย ฮึกใจร้ายเหมือนป้ากับลุงที่บ้านผมเลย อึก คุณจิ้งจอกฮะทำไมไม่ไปนอนละตอนนี้ยังเช้าอยู่เลยนะฮะ” จินร้องไห้ไปถามไปด้วย
‘ข้านึกออกแล้ว เจ้าพวกนี้มันมารบกวนการนอนของข้านะสิ เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำ’
“เอ่ พวกเขาจะทำร้ายคุณเหรอฮะ อึก ใจร้ายมากเลยอือ…”
กิต้านและคราวที่เห็นจินพูดกับต้นไม้และเจ้าหมาป่าหน้ากลัวตัวที่พวกเขาพยายามที่จะจัดการไปเมื่อตอนบ่ายก็นึกกลัวกับความสามารถของจิมถึงกับเหงือตกที่เดียว
“เอ่อ จิมพวกเราไม่ได้จะทำร้ายจิมนะ คือเจ้าตัวนั้นมันเป็นอันตรายมากเลยน่ะ ไมลเขาก็แค่เป็นห่วงเธอเลยจะฆ่ามันไง” คราวพูดอย่างไม่คิดพยายามแก้ตัวให้ไมลเพื่อนอีกคนที่กำลังตีกับต้นไม้ที่รัดตัวเองอยู่
“ไม่จริงหรอก พวกคุณจะทำร้ายสกับบี้และคุณหมาป่าอีกใจร้ายมากเลย” จิมพูดพร้อมชี้ไปที่หน้าของคราวที่กำลังเหงื่อออกเต็มหน้าอยู่
‘ใช้ จริงๆด้วยสินะ หรือว่าพวกมันจะทำร้ายเจ้าบอกข้า ข้าจะจัดการพวกมันที่คิดมาทำร้ายเจ้าเอง’ จิ้งจอกดำตัวขนาดเกือบเท่าเอวของคราวแยกเขี้ยวใส่มนุษย์ที่กำลังเหงื่อแตกเหมือนกำลังอาบน้ำอยู่ไม่มีผิด
“จริงเหรอฮะ พวกคุณคิดจะทำร้ายผมหรอ” (*_*) พอจิิ้งจอกพูดจบจิมก็หันไปพูดด้านหมาป่าที่ยืนอยู่ข้างกายแล้วหันมาพูดกับกลุ่มนักเดินทางต่อ
“ไม่ๆ ใครจะทำร้ายเด็กอย่างเธอละ พวกเราแค่เป็นห่วงเธอก็เลยคิดจะพาเธอเดินไปกับพวกเราไง” ลอร่าบอกด้วยน้ำเสียงปกติแม้จะถูกรัดเอาไว้ก็ตามที
“ใช้ ไมลก็แค่กลัวว่าเจ้าตัวประหลาดนั้นจะทำร้ายเจ้าก็เท่านั้นเองไม่ได้คิดจะแย่งมันออกจากเจ้าเลยนะ” เคแกนที่เงียบมานานพูดแก้ตัวให้ไมลที่อีกฝ่ายไม่ยอมอยู่นิ่งยังคงตีกับเจ้าต้นไม้อีกต้นอยู่
“แต่สกับบี้ไม่ใช้ตัวประหลาดมันออกจะหน้ารัก” (•_•)
“นี้เจ้าหนูสัตว์ประหลาดไม่มีใครบอกว่าน่ารักหรอกนะ” กิต้านพูดออกมาบ้างพร้อมกับมองไปทางเจ้าใบไม้ที่เกาะอยู่บริเวณศรีษะของจิมทำทีเป็นหมวก
‘เจ้าจะเอายังไงล่ะ เด็กน้อยหรือจะให้พวกข้าลงโทษเจ้าพวกนี้ดี’ ต้นไม้ที่กำลังรัดไมลอยู่บอกทั้งๆที่แขนของมันกำลังตีกับมนุษย์หน้าโง่อยู่
‘ข้าว่าเจ้าไปกับข้าดีกว่า ไม่ต้องไปเมืองที่นั้นมีแต่พวกมนุษย์ใจร้ายแถมเจ้าก็ไม่มีเงินอีกอยู่กับมนุษย์ต้องมีเงินเพื่อที่จดได้มีกินน่ะ’ จิ้งจอกสีดำร่างใหญ่บอกชวนตินที่นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อจนลืมคนทั้ง5 ที่กำลังถูกรัดเอาไว้อยู่
“แบบนั้นก็ดีเหมือนกันนะฮะ ผมจะสร้างบ้านหลังใหญ่ๆเลย มีต้นไม้เต็มไปหมดแวบนี้เลยล่ะดีไหมฮะ” จินพูดพร้อมส่งยิ้มแบบฉบับของเขาไปให้สัตว์ร่างใหญ่ที่ใหญ่กว่าตัวของเขามากนัก
“นี้! เจ้าสัตว์นั้นบอกอะไรกับเจ้าหรือไงเด็กน้อย” คราวถามอย่างสงสัยเพราะได้ยินแค่มันร้องไปมาแค่นั้นเอง
“เมื่อไรเจ้าจะปล่อยพวกเราสะที ข้าอุสาหวังดีคิดจะช่วยเจ้าเด็กเลี้ยงไม่เชื้อง” ไมลบ่นใส่จินอย่างไม่พอใจ
‘เมื่อกี้มันว่าเจ้าหนูของพวกเรา’ ต้นไม้ที่จับลอร่าพูด
‘ใช้ ข้าว่าจัดการมันเลยดีกว่า’ ต้นไม้ที่จับเคแกนสนับสนุน
‘ใช้ มันกล้าดียังไงถึงมาว่าเจ้าหนูของพวกข้า จีงัดการมันเลย’ ต้นไม้ที่กำลังจับคราวบอกอย่างไม่พอใจใส่ไมลที่ตอนนี้กำลังถูกตีโดยต้นไม้อีกตนที่จับกิต้านอยู่
“คุณเลี้ยงผมตั้งแต่เมื่อไรหรอฮะ” (+_+) จินบอกด้วยใบหน้างง
“โอ้ย! หยุดตีข้าได้แล้ว” ไมลตะโกนบอกกับพวกเหล่าต้นไม้ทั้งหลายที่กำลังจับเขาตีก้นอยู่
‘ข้ารู้จักที่หนึ่งที่เจ้าสามารถไปอยู่ได้ ที่นั้นเป็นบ้านร้างใกล้ๆกับป่าวาเท็นด้า จะไปกับข้าหรือเปล่าล่ะเจ้าหนู’ หมาป่าบอกอย่างเชิญชวน
“ถ้าผมไปอยู่ที่นั้นผมก็จะได้กินผลไม้ที่มาจากป่าทุกวันใช้หรือเปล่าฮะ” จินถามด้วยสีหน้าแววตาเป็นประกาย
‘ใช้ เจ้าจะได้กินผลจากต้นของข้าทุกวันเลย’
‘ของพวกข้าด้วยน่ะ’
“ถ้าแบบนั้นผมก็จะไปกับคุณจิ้งจอกใจดีฮะ” (>_<)
“นี้จิม แล้วพวกเราล่ะจ้ะ” ลอร่าถามบ้างเพราะได้ยินแค่ว่าจิมจะไปไหนสักทีแค่นั้นแต่ก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรเท่าไรนักเพราะพวกเขาก็ฟังภาษาต้นไม้ไม่ออกเสียด้วย
“คุณลุงกับคุณป้าต้นไม้ปล่อยพวกเขาเถอะฮะ ผมคงตกใจและตื่นตูมไปเองน่ะฮะ” จิมบอกกับเหล่าต้นไม้ทั้ง5 ที่จับนักเดินทางอยู่
‘ถ้าเจ้าบอกแบบนั้นพวกข้าปล่อยก็ได้…ชิ’
เสียงเหมือนผู้หญิงแก่ทำน้ำเสียงไม่พอใจใส่พวกมนุษย์ที่พวกเขาได้จับอยู่ ก่อนจะปล่อยพวกนั้นลง
“โอ้ย…เจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมดเลย เพราะพวกต้นไม้บ้านี้!” ไมลเมื่อถูกปล่อยตัวลงมาจากที่สูงแล้วก็ร้องอย่างเจ็บปวดที่บริเวณก้นเพราะถูกพวกต้นไม้ประหลาดพวกนี้ตีเอาตีเอา อย่างกับตีเอามัน
เจ็บชิบ…
“ถ้าอย่างนั้นเราแยกกันตรงนี้เลยนะฮะ ผมจะไปกับคุณจิ้งจอกส่วนพวกพี่ก็ไปตามทางของพวกพี่เนอะ งั้นลาก่อนฮะ”
จิมพูดเองเออเองพร้อมกับเจ้าหมาป่าสีดำตัวใหญ่เดินออกไปอีกด้านของกลุ่มที่มนุษย์กำลังยืนอยู่ แต่ดูท่าแล้วเหล่านักเดินทางหาประสบการ์ณต้องตามเด็กน้อยตัวเล็กไปด้วย เพราะจินเป็นคนเดี่ยวที่สามารถพาพวกเขาออกไปจากป่านี้โดยยังมีลมหายใจอยู่ ทั้ง5 คนจึงเดินตามจิมกับสัตว์ขนาดใหญ่มาอย่างเงียบๆ ต่างจากจินที่ร่าเริงมากเหมือนกับว่าที่ป่าแห่งนี้ไม่มีต้นไม้หรือสัตว์ประหลาดที่สามารถฆ่าเขาได้อย่างนั้นแหละ
จิมที่ไม่รู้เลยว่ามีคนกำลังตามอยู่ก็เดินไปทีของผลของต้นไม้ต้นนั้นทีต้นนี้ทีอย่างสุภาพ มีบ้างที่เดินหัวเราะเองเหมือนคนบ้าหรือไม่ก็พูดคนพูดคนเดียวแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่า เด็กนั้นไม่ได้พูดคนเดียวอย่างที่เห็นแต่เพราะเด็กคนนี้มีธาตุพฤกษาอยู่ทำให้สามารถพูดคุยหรือเข้าใจพวกนั้นได้และเท่าทีคราวนั้นรู้สึกได้คือพลังธาตุของเด็กคนนี้มีมากจริงๆ แม้แต่เคแกนเองก็รู้สึกได้เพราะที่เขาได้อ่านมาแค่บอกว่าธาตุพวกนี้สามารถควบคุมพวกต้นไม้ใบหญ้าได้แต่ไม่ได้บอกว่าสามารถสื่อสารกับพวกมันได้ด้วยนั้นก็แปลว่าหนังสือเล่มนั้นอาจเขียนเรื่องโกหกเอาไว้ แต่ถ้าไม่ใช้นั้นก็แปลว่าเด็กคนนี้นั้นมีพลังธาตุที่แรงมาก และมากจนถึงกับสามารถเข้าใจเรื่องที่พฤกษาได้ พวกเขาเพียงแค่เดินมาเงียบๆถึงแม้ว่าจินจะไม่รู้สึกเลยว่ามีคนเดินตามเพราะพวกเขาเดินห่างแต่ก็ไม่ได้ห่างมากนักแค่พอให้พวกอะไรก็ตามในป่ารู้ว่าพวกเขามากับจินแค่นั้นก็พอ แต่จิ้งจอกนั้นคงจะรู้แล้วเพราะเท่าทีพวกเขาได้สู้กับมันมามันประสาทสัมผัสดีมากที่เดียวแถมมันยังหน้ากลัวมากอีกด้วยเพราะไม่ได้กิต้านช้วยเอาดินหุ้มเป็นเกาะครอบพวกเขาเอาไว้ พวกเขาคงตายเพราะเจ้าหมาป่านี้ไปแล้ว
“ใกล้จะถึงหรือยังฮะ หรือว่าเราต้องนอนที่นี่กัน” จินส่งเสียงถามจิ้งจอกตัวที่กำลังเดินอยู่โดยที่หลังของมันมีเด็กชายกำลังนั่งมองธรรมชาติอย่างสบายใจ
“พี่ๆฮะ มาพักที่นี่สิฮะ อยู่ตรงนั้นไม่กลัวกันเหรอ”
จิมตะโกนสุดเสียงไปทางกลุ่มคนที่หลบอยู่หลังต้นไม้ไม่ไกลนักก่อนจะเดินเข้าไปหา เมื่อทั้ง 5คน ได้ยินที่เด็กชายพูดก็ทำท่าทีอึกอักหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรโดยที่แคเกนเดินออกจากตรงนั้นตามมาด้วยลอล่าและคนอื่นๆ
“จิมหนูจะอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอจ๊ะ”
หลังจากตกดึกที่ทุกคนกำลังย่างปลาเสียงของหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ฮะ” (^_^)
“เจ้าเด็กนี้จะอยู่ที่ไหนแล้วเธอไปยุ่งอะไรด้วยหรือไง” ไมลพูดพร้อมมองไปที่ลอร่าเพื่อผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มตน
“ก็ฉันเป็นห่วงนิ เด็กตัวแค่นี้จะให้อยู่กลางป่ากลางเขาแบบนี้ได้ยังไงกัน”
"นี้! เมื่อบ่ายเธอก็หน้าจะเห็นแล้วนะว่าเจ้าเด็กนี้อยู่รอได้สบายหายห่วงอยู่แล้วล่ะนะ" คลาวบอกกับเพื่อนที่นั่งอยู่ไม่ไกลมากนักด้วยน้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์
"ว่าแต่พวกพี่ๆจะทำยังไงต่อหรอฮะ ตอนเช้าเราก็น่าจะถึงเมืองเอ็กซต้าแล้ว"
"ก็นะ พวกเราคงกลับบ้านมือเปล่านะแต่ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอ ยังไงพวกเราก็มีงานอื่นอยู่ไม่ใช้แค่ท่องป่าไปแบบนี้หรอนะ"
กิต้านพูดกับเด็กชายให้เข้าใจว่าพวกเขาไม่ใช้นักเดินทางแค่ลองมาทำอาชีพแบบนี้ดูเท่านั้นเพราะที่มาก็เพื่อต้องการมาให้เห็นป่าวาเท็ดด้ากับตาของพวกเขาเองก็เท่านั้น "แล้วเจ้าล่ะเด็กน้อย จะอยู่ที่นี่จริงๆนะเหรอ"
"ฮะ ผมจะอยู่แถวๆนี้แหละ ตรงแทบๆชายป่าจะมีบ้านร้างอยู่ที่นั้นไม่มีคนอาศัยอยู่นานแล้วอีกอย่างบ้านตรงนั้นก็ใกล้จากตัวหมู่บ้านไม่วุ่นวายด้วย" จิมตอบด้วยรอยยิ้มพร้อมหันไปส่งยิ้มให้จิ้งจอกดำที่กำลังนั่งกินปลาอย่างสุภาพอยู่ใกล้ๆ
"อย่างนั้นหรอ พวกเราอยู่เมืองหลวงของเอ็กซ์ตรานะคงอีกไกลเลยกว่าจะถึง" คลาวบอกกับเด็กชายตรงหน้า
"ถ้าอย่างนั้นก็เดินทางดีๆนะฮะ"
(^_^) เด็กชายพูดลาก่อนล่วงหน้าเอาไว้พร้อมทำสีหน้ายิ้มตาปิดส่งไปให้คนอื่นๆ
'นอนได้แล้วจิม เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรนอนดึกนะรู้รึไม่' จิ้งจอกดำเมื่อพูดจบก็เดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อให้เด็กชายนอนสบายขึ้น
"ฮะ ถ้าอย่างนั้นผมนอนก่อนนะฮะ หาว...ง่วง" (-_-) จิมบอกกับพี่ๆคนอื่นๆเมื่อกินอาหารเสร็จเรียบร้อยก็ล่มตัวลงนอนทับจิ้งจอกดำที่รออยู่ก่อนแล้วทันทีเมื่อหัวถึงตัวจิ้งจอกดำเด็กชายก็หลับแทบจะทันที
คร็อก (-_-)z z z
แสงสว่างจากดวงตะวันที่เริ่มขยับตัวขึ้นตามหน้าทีของตัวมันเองบ่งบอกได้ถึงวันและเวลาเป็นอย่างดีกลุ่มนักเดินทางทั้งสี่คนที่รู้เวลาของตนดีจึงเริ่มตื่นขึ้นมาพร้อมรับเช้าวันใหม่อีกครั้ง ต่างจากเด็กชายที่ยังคงกึ่งหลับกึ่งตื่นจากการไม่ตื่นดี
'ตื่นได้แล้วเจ้าตัวเล็ก เราจะต้องเดินอีกไกล'
"งึมๆ อืม...เดินทาง งึมๆ อืมๆ เดินต่อ" จิมที่ยังไม่ตื่นดีนักก็สลึมสลือพูดพร้อมลุกขึ้นยืนชี้ไปทางที่ตนเองจะเดินไปอย่างตั้งใจ
(*_*) หน้าจิม
(~_~) หน้าจิ้งจอกดำ
(•_•) หน้าคนอื่นๆที่มองมา
"อืมๆ เดินทางสินะ จิมนี้ขยันจริงเลยนะเนี่ย"
ลอร่าพูดพร้อมทำสีหน้าเอ็นดูเด็กชายเมื่อเห็นท่าทางของเด็กน้อย หลังจากที่เตรียมตัวกันเรียบร้อยทั้งห้าคนไม่รวมจิ้งจอกดำกับสกับบี้ก็เตรียมตัวเริ่มออกเดินทางเพื่อมุ่งไปทางที่ตัวเองจะต้องไปยังที่หมายของตัวเองโดยเฉพาะกลุ่มนักเดินทางที่จิมพึ่งจะรู้จักพวกเขาจะต้องเดินผ่านป่าชั้นนอกไปทางทิศตะวันออกส่วนจิมจะต้องไปทิศตะวันตกเพราะอีกไม่กี่กิโลพวกเขาก็จะออกจากเขตของป่าวาเท็นด้าแล้วเมื่อออกจากเขตของป่าจะเจอหมู่บ้านไม่ใหญ่มากนักในเขตของเมืองเอ็กซ์ต้า
เมืองเอ็กซ์ต้าเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่พอสมควรจะพูดง่ายๆก็คือขนาดเทียบเท่าป่าวาเท็นด้าเลยก็ว่าได้ ส่วนเมืองหลวงจะต้องขึ้นเหนือไปอีกไกลพอสมควรกว่าจะถึงแต่โชคดีมากที่เด็กชายไม่ต้องเดินไปไกลเพราะที่ที่เข้าจะไปอยู่ไม่ไกลมากนักและเป็นที่ที่ไม่วุ่นวายออกจะสงบมากเพราะขายบ้านจะไม่นิยมสร้างบ้านใกล้กับเขตของป่าวาเท็นด้าเพราะเป็นเขตป่าที่มีขนาดใหญ่และมีสัตว์อสูรอยู่เป็นจำนวนมากและพวกเขาก็ไม่รู้ได้ว่าจะมีสัตว์อสูรระดับไหนบ้างที่อาจจะเดินออกมาจากป่าเพราะเป็นเขตที่อยู่ติดกับเขตป่ามากทำให้ไม่มีใครมาอยู่อาศัยทำให้บริเวณนั้นร้างพอสมรวรแต่ก็ยังมีสิ่งปลูกสร้างให้พักอาศัยอยู่
'อีกไม่ไกลก็ถึงแล้วล่ะ'
"ที่นั้นผมจะทำอะไรก็ได้หรอฮะ"
'ใช่ ที่นั่นเจ้าจะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาทำร้ายเจ้าอีก'
"แล้วคุณจิ้งจอกจะอยู่กับผมหรือเปล่า"
'ข้าอยู่กับเจ้าได้ที่ไหนกัน แต่ยังไงข้าก็จะมาหาเจ้าให้บ่อยที่สุดนั้นแหละ' จิ้งจอกดำพูดอย่างสุภาพ พร้อมกับมองเด็กชายที่มีใบไม้ติดอยู่ที่ศีรษะกับตะกล้าที่มีของมากมายอยู่ด้านใน
"แบบนั้นผมก็ปลูกอะไรก็ได้สินะ จะทำอะไรก็ได้ผมจะปลูกของที่ได้มาให้หมดเลย" (^_^)
'แล้วแต่ใจเจ้าเถอะ นั้นไงใกล้ถึงแล้ว'
จิ้งจอกดำมองไปด้านหน้าเมื่อเห็นแสงสว่างจากนอกป่าก็รู้ได้ทันทีว่าใกล้ที่จะถึงที่หมายแล้ว แสงสว่างที่อยู่ด้านนอกรอดเข้ามาผ่านใบไม้จนเห็นเป็นแสงกระทบกันจากแสงแดดบ่งบอกให้เห็นว่าอีกไม่ไกลก็จะออกจากเขตของป่าวาเท็ดดาแล้ว
"ว้าว…"
จิมที่เดินออกมาจากป่ามองไปด้านนอกที่เป็นที่รกร้างที่มีเพียงต้นไม้ใบหญ้าแต่บ้านหลังเล็กๆที่ไม่ได้ใหญ่มากนักที่ถูกทิ้งร้างมานานจนมีต้นไม้ใบหญ้าค่อยๆแข่งกัยเจริญเติบโต
'ที่นี่ไม่มีคนอาศัยอยู่และยังอยู่ท้ายหมู่บ้านมากเพราะเป็นพื้นที่ใกล้เขตของป่าพวกชาวบ้านจึงไม่มาอาศัยอยู่กันพอเจ้าเดินออกไปไม่กี่กิโลก็จะเห็นหมู่บ้านเล็กมีตลาดและอย่างอื่นอีกมาก ที่นี่ถ้าจะอยู่คงต้องเก็บกวาดกันอีกเยอะ' จิ้งจอกดำอธิบายให้เด็กชายที่ไม่แม้แต่จะฟังแต่กลับวิ่งสำรวจไปรอบๆอย่างตื่นเต้น
"อืมๆ ผมจะเก็บกวาดเองนะไม่ต้องห่วงหรอกสบายมาก"
'ข้าก็หวังว่าจะอย่างนั้นนะ'
"เข้าไปข้างในกันเถอะ"
เด็กชายพูดจบก็เดินเข้าไปในบ้านเก่าอย่างร่าเริงพร้อมกับเจ้าสิ่งมีชีวิตที่นั่งอยู่ที่ศีรษะของเด็กชายที่ตอนนี้ก็ส่งเสียงคล้ายกับสนับสนุนความคิดของจิมด้วย
"ว้าว" (0o0)
เมื่อเดินเข้ามาในตัวบ้านจะเป็นบ้านชั้นเดียวผ่านประตูเข้ามาก็จะเห็นเป็นโซนทำอาหารด้านซ้ายเพราะเป็นบริเวณติดกับหน้าต่าง ถัดจากห้องครัวก็จะเป็นเตียงเก่าที่มีเพียงฝุ่นที่เกาะตามเนื้อผ้า ส่วนด้านขวาก็จะเป็นที่ว่างที่มีที่นั่งกับโต๊ะไม้เก่าเก็บพร้อมกับหน้าต่างอีก 2 บาน มีประตูหลังบ้านเมื่อเปิดออกไปก็จะเห็นเป็นป่าวาเท็นด้าทันที
"ทั้งหมดนี้คือของเราล่ะสกับบี้" จิมวิ่งไปรอบๆอย่างร่าเริงพร้อมกับจับนู้นทีจับนี้ทีด้วยแววตาเปล่งประกาย
'เจ้าหนูดีใจเกินไปแล้วนะ ยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะนะ' จิ้งจอกดำเตือนสติเด็กชายที่กำลังวิ่งไปรอบๆบ้านอย่างดีใจ
"อืมๆ รู้แล้วล่ะ"
ปี้ๆๆ สกับบี้ส่งเสียงร้องออกมาสนับสนุนนายของตน
'ข้าบอกเอาไว้เลยนะว่าข้าจะไม่ทำอะไรพวกนี้เด็ดขาด เพราะฉะนั้นเจ้าจะต้องทำเอง'
จิ้งจอกดำพูดพร้อมเชิดหน้าไปทางอื่น เพราะนิสัยของจิ้งจอกที่มีความพิเศษแบบมันจะต่างจากสัตว์ธรรมดาพวกมันจะรักความสะอาดมากเพราะขนของมันที่เป็นส่วนหลังไปจนถึงปลายห่างเมื่อตกกลางคืนจะเปล่งแสงออกมาให้เห็นเป็นลวดลายสวยงามเพราะอย่างนั้นพวกมันจึงมักจะมีนิสัยที่รักสงบและไม่ชอบให้ใครมารบกวนในเวลาของมันหรือพื้นที่ที่มันอาศัยอยู่มากๆ แต่ถ้าใครคิดไม่ดีกับจิ้งจอกที่มีความพิเศษแบบมันแล้วละก็พวกมันจะไม่ลังเลที่จะโจมตีเลยแม้แต่น้อยด้วยเล็บที่ยาวและคมมากที่พอโดนข่วนเพียงเบาๆก็สามารถเรียกเลือดให้ออกมาตามผิวหนังได้เลยและบวกกับความว่องไวของมันเองด้วยแล้วยิ่งตามจับยากทำให้คนที่อยากที่จะเห็นลวดลายที่พิเศษของมันจะต้องเดินทางเข้ามาในป่าเพื่อที่จะมีวาสนาที่จะได้เห็นเพียงสักครั้งก็พอที่จะเอาไปโม้กับคนอื่นได้ทั้งชีวิตเลย
“ปลูกต้นไม้ ปลูกดอกไม้ให้เยอะๆเลย”
จิมที่คิดถึงต้นไม้แต่ละต้นที่ได้มาจากในป่าก็ตาเปล่งประกายแวววาวอย่างพอใจ เด็กชายเมื่อพูดจบก็เดินไปบริเวณที่มีต้นไม้น้อยใหญ่อยู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองต้นไม้ตรงหน้าด้วยแววตามุ่งหมั่นก่อนจะใช้นิ้วสะกิดไปที่บริเวณลำต้นที่มีขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ถึงสามคนโอบถึงจะเท่ากับต้นจริง
“นี้ ลุงต้นไม้ฮะ”
‘มีอะไรรึเด็กน้อย’
“คือผมอยากจะขออะไรหน่อยนะฮะ” เด็กชายตอบกลับไปนั้นยิ่งสร้างความแปลกใจให้ต้นไม้สูงอายุตรงหน้าไม่น้อยเพราะเด็กชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขากำลังสื่อสารกับเขาอยู่
‘นี้เจ้าฟังข้ารู้เรื่องด้วยรึ’
“ฮะ ผมฟังที่ต้นไม้ทุกต้นพูดได้หมดเลยล่ะฮะ พอดีผมจะมาอยู่ที่นี่นะเลยอยากจะได้เปลที่ทำมาจากเถาวัลย์จากต้นของคุณลุงนะฮะ พอจะได้หรือเปล่า” จิมพูดจบก็ใช้สองมือกำแน่นเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกสงสารและเอ็นดูเขา
‘ได้สิๆ ใครว่าไม่ได้ละเรื่องแค่นี้เองลุงคนนี้ทำด้อยู่แล้ว ฮุๆๆ’
ต้นไม้ใหญ่เมื่อได้ยินที่เด็กชายพูดก็ถึงกับลอยเพราะอีกฝ่ายเรียกเขาว่าลุง เจ้าตัวที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะไปมาอย่างร่าเริงแม้ว่าตนจะมีอายุมากแล้วก็ตาม
ต้นไม้ใหญ่พอพูดกับเด็กชายจบก็ใช้กิ้งไม้เล็กๆของตัว ใช้เป็นแขนก่อนจะเห็นเป็นต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าจะเคลื่อนไหวไปมาอย่างผิดธรรมชาติของพืชที่ไม่สามารถที่จพเคลื่อนไหวได้แต่บรรดาใบไม้และเถาวัลย์จากต้นไม้ใหญ่ก็เริ่มขยับไปมาตามคำสั่งของเจ้าของ เถาวัลย์ที่ตอนแรกเป็นเพียงแค่สิ่งที่ปล่อยลงมาชวนให้คนเห็นต้องลำคาญตาแต่ตอนนี้กลับค่อยๆสานกันเป็นเปลยาวเด็กชายนั่งดูด้วยความพอใจจนต้นไม้ใหญ่สานเปลจนเสร็จ
“ว้าว สวยมากเลยฮะ”
‘มันก็แน่นอนอยู่แล้วเถาวัลย์จากต้นของข้านั้นแข็งแรงถึงขนาดสามารถรับน้ำหนักของชายร่างใหญ่ได้เชียวนะ เปลอันนี้ถือซะว่าเป็นของขวัญที่ข้าให้เจ้าก็แล้วกันนะเด็กน้อย’
“ผมชื่อจิมนะฮะ พึ่งมาอยู่ใหม่ส่วนนี้ก็เจ้าสกับบี้กับคุณจิ้งจอกดำฮะ”
เด็กชายแนะนำตัวเองจบก็หยิบผลงานของต้นไม้ตรงหน้าขึ้นมาดูอย่างพอใจ ต้นไม้หญ่เหมือนจะรู้ในสิ่งที่เด็กชายคิดพร้อมใช้เถาวัลย์ของตนโยงเข้ากับต้นไม้อีกต้นที่อยู่ไม่ไกลนักก่อนจะค่อยๆดึงเปลที่พึ่งทำเสร็จขึ้นมา
‘เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วล่ะ ’
“เสร็จแล้วในที่สุด ใช้เวลาแปปเดี๋ยวเองเนอะ”
ปี้ๆๆ สกับบี้ขานรับด้วยท่าทางอารมณ์ดีตามไปด้วย